มีผู้ขนานนามผู้กำกับ Denis Villeneuve ว่าจะเป็น Christopher Nolan คนต่อไป เพราะไต่เต้ามาจากการกำกับหนังฟอร์มไม่ใหญ่นักแต่ถึงคุณภาพ และได้รับการกล่าวขานว่าดีงามมาแทบทุกเรื่องในหมู่นักดูหนัง ไล่ตั้งแต่ Prisoners (2013), Enemy (2013) จนถึงหนังที่ฟอร์มใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ อย่าง Sicario (2015), Arrival (2016) และ Blade Runner 2049 (2017) ที่เป็นภาคต่อจากหนังคลาสสิกขึ้นหิ้งของยุค 80s Blade Runner ภาคแรก และปลายปีนี้ก็จะมีหนังที่ฟอร์มใหญ่สุดของเขาอย่างหนังทวิภาค Dune เข้าฉาย ซึ่งก็เป็นการรีเมกหนังมหากาพย์แฟนตาซีของยุค 80s เรื่องดังอีกเรื่องเช่นกัน
หนึ่งในความยอดเยี่ยมของหนังที่่ Villeneuve กำกับก็คือ การได้ผู้กำกับภาพมือหนึ่งแห่งยุคและเป็นคู่บุญของเขาอย่าง Roger Deakins ที่กำกับภาพให้หนังของเขาแล้ว 3 เรื่องคือ Prisoners, Sicario และ Blade Runner 2049 ทุกเรื่องทำให้ Deakins ได้เข้าชิงออสการ์รวมถึงคว้าไปได้ตัวแรกกับเรื่องหลังสุด (และต่อมาก็คว้าออสการ์ตัวที่สองจาก 1917 (2019) หนังที่เล่าเรื่องด้วยฉาก Long-Take ตลอดทั้งเรื่องเมื่อปีที่ผ่านมา) แม้ในหนังเรื่องใหม่ Dune จะไม่ได้กลับมาร่วมงานกันเพราะคิวว่างไม่ตรงกัน แต่ก็ได้เอาแนวทางของ Deakins มาทำงานร่วมกับผู้กำกับภาพอีกคนอย่าง Greig Fraser ที่เคยมีผลงานอย่าง Rogue One (2016)
ตอนที่ผมทำงานร่วมกับคุณ ผมพยายามเรียนรู้การทำงานจากคุณทุกวัน และมันเป็นรางวัลที่วิเศษสำหรับผม ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะจากตอนถ่าย Blade Runner 2049 ภาพในหนังพัฒนาไปไกลมาจากตอนที่ยังเป็นแค่ Story Board นั่นก็เพราะฝีมือของคุณ และตอนนี้ที่ผมถ่ายหนังเรื่อง Dune ด้วย VFX ผมจะคุยเรื่องการเซ็ตแสงในฉากต่าง ๆ กับผู้กำกับภาพ ซึ่งผมบอกเลยว่าวิธีการทำงานแบบนี้ และมันออกมาดูดีมากเพราะผมติดมาจากการทำงานกับคุณนั่นแหละ” Villeneuve กล่าวยกย่อง Deakins กันซึ่งหน้าในรายการ Podcast ชื่อ Team Deakins ที่เชิญผู้กำกับมาสัมภาษณ์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Villeneuve จะได้ประสบการณ์สุดล้ำค่าจากการทำงานได้หนังเรื่องนั้น และกวาดคำวิจารณ์ด้านบวกอย่างล้มหลามจากนักวิจารณ์ คว้า 2 ออสการ์ (ถ่ายภาพและวิชวลเอฟเฟกต์) แต่รายได้กลับสวนทาง หนังทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญฯ ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปแค่ 92 ล้านเหรียญฯ ยังไม่ข้ามผ่านทุนสร้าง และทำรายรับรวมทั่วโลกไปที่ 259 ล้านเหรียญฯ ที่สรุปรวมแล้วหนังตกอยู่ในสถานะ “ขาดทุน” นั่นเอง Villeneuve ก็เล่าให้ฟังว่า ถ้าไม่นับการฉายในโรงที่เขาไปรวมชมไม่กี่ครั้ง เขาก็ยังทำใจกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกไม่ได้เลย
“มันต้องใช้เวลาตกผลึกและใช้จิตใจที่สงบกว่าเดิม เพื่อจะย้อนกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง ตอนที่ผมทำหนังสักเรื่อง มันก็มีทั้งความสุข ความเจ็บปวด และความไม่พอใจกับหลาย ๆ ขั้นตอนที่ผมได้ทำลงไป กับหนังหลายเรื่องที่ผมทำ ผมก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปถึงจุดที่จะยอมรับและดูมันได้อีกครั้ง ซึ่งกับ Blade Runner 2049 คงจะยังไม่ได้ถึงเวลานั้น” Villeneuve สัมภาษณ์อย่างตอกย้ำความเป็น Perfectionist หรือผู้กำกับที่รักงานที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ Villeneuve ยังบอกอีกว่า หลังงานกำกับ Dune ที่จะแบ่งเรื่องราวมหากาพย์ออกเป็น 2 ภาค ออกฉายภาคแรกในสหรัฐฯ 18 ธันวาคมนี้ หนังไปถ่ายทำกันที่ประเทศจอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Villeneuve เล่าว่า เงื่อนไขหนึ่งที่เขาจะยอมตกลงกำกับหนังเรื่องนี้ให้ Warner Brothers ก็คือ ต้องสร้างเป็นหนังมากกว่าหนึ่งภาค เพราะเขายืนยันว่า หนังเป็นโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยรายละเอียดสำคัญ
หนังสือนิยาย Dune เขียนในศตวรรษที่ 20 เป็นภาพสะท้อนของเรื่องทุนนิยมและการหาผลประโยชน์จากโลก ที่พิสูจน์แล้วว่า มันได้กลายเป็นเรื่องจริงที่เลวร้ายในปัจจุบันนี้ มันเป็นเรื่องราวก้าวพ้นวัย และการทำเพื่อลูกหลานในโลกข้างหน้าที่หนังต้องให้เวลากับรายละเอียดเหล่านี้” Villeneuve เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับสื่อ Variety
Dune ดัดแปลงจากนิยายสุดคลาสสิกของ Frank Herbert เล่าเรื่องราวในอาณาจักรกาแล็กซีไกลโพ้น ราชวงศ์อาทรีเดสของ Paul Atreides รับหน้าที่ปกครองดาวทะเลทรายชื่อ “Arrakis” ซึ่งมีทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในจักรวาลที่เรียกว่า “พืชทิพย์” (Spice) ที่ช่วยในการเดินทางข้ามจักรวาล ต่อมาจักรพรรดิแห่งกาแล็กซีก็หวั่นเกรงต่อราชวงศ์นี้ที่เริ่มเป็นที่นิยมชมชอบของราชวงศ์อื่น ๆ จึงได้ร่วมมือกันกับราชวงศ์ที่เป็นปรปักษ์วางแผนลอบสังหารล้างราชวงศ์ที่เป็นตัวละครหลักของเรื่อง แต่ Paul กับ Lady Jessica แม่ของเขาจึงต้องหนีไป และเข้าร่วมกลุ่มกับชาว Freeman ที่เป็นชนพื้นเมือง Paul ได้กลายเป็นผู้นำของชาว Freeman ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า Paul คือ ผู้ที่จะมากอบกู้และนำความสมดุลกลับคืนสู่ดวงดาว ทั้งหมดวางแผนในการชิงดาว Arrakis กลับคืนมา
หนังระดมทีมนักแสดงมากชื่อเสียงและฝีมือหลากหลายคนของฮอลลีวูด นับตั้งแต่ Timothée Chalamet, Rebecca Ferguson, Jason Momoa, Josh Brolin, Javier Bardem, Oscar Isaac, Dave Bautista, Zendaya, Stellan Skarsgård และ Charlotte Rampling จนอาจเรียกได้ว่าเป็นหนังรวมดาวขนาด Avengers ย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าไม่ใช่บารมีของ Villeneuve ก็คงทำไม่ได้แบบนี้แน่ ๆ ซึ่งหลังจากหนังเรื่องนี้ที่และหนังฟอร์มใหญ่ที่เขาใช้เวลาหลายปี Villeneuve ก็รู้สึกเหนื่อยและ Burn Out จนอยากกลับไปทำหนังฟอร์มเล็ก ๆ อีกครั้ง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส