เป็นไปตามความคาดหมายสำหรับความล้มเหลวของหนังในตระกูลมนุษย์กลายพันธ์ุ X-Men เรื่องสุดท้ายที่ผลิตภายใต้ชายคาค่าย 20th Century Fox ที่ถูกควบรวมกิจการเป็นของ Disney เมื่อปีที่แล้ว สำหรับ The New Mutants ที่เลื่อนฉายสิริรวมแล้วทั้งสิ้น 8 ครั้งและก็มีข่าวลือว่าจะถูกจับโยกไปลงสตรีมมิงของ Disney+ แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น สุดท้ายหนังกลายเป็นเจ้าของเสียงวิจารณ์ระดับย่ำแย่ คะแนนในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 33% เท่านั้น ส่วนรายรับทั่วโลกในสุดสัปดาห์แรกก็ทำไปได้แค่ 12.5 ล้านเหรียญฯ ที่ห่างจากทุนสร้าง 67 ล้านเหรียญฯ อีกไกล
บทเรียนครั้งนี้จึงกลายเป็นทั้งบทเรียนของฝั่งค่ายหนังเองที่อาจจะเลือกผู้กำกับที่ไม่เหมาะสม เพราะ Josh Boone ผู้กำกับจาก The Fault in Our Stars (2014) นั้นไม่เคยมีประสบการณ์ทำหนังวัยรุ่นหรือหนังสยองขวัญที่ The New Mutants ต้องการจะฉีกแนวออกจากหนัง X-Men เรื่องอื่น ๆ ในตอนที่คิดจะสร้างมาก่อน และก็เป็นบทเรียนของผู้กำกับเอง ที่อาจจะต้องคิดให้ถี่ถ้วนหากจะรับงานหนังฟอร์มใหญ่ซึ่งสตูดิโอมักจะเข้ามาแทรกแซงเกือบทุกเรื่อง อันเป็นเหตุที่เกิดขึ้นกับทุกสตูดิโอและค่ายหนังยักษ์ใหญ่
ก่อนหน้านี้ วันที่หนังเริ่มฉายทั่วโลกในวันที่ 27 สิงหาคม Josh Boone นั้นถึงกับปิดอินสตาแกรมส่วนตัว คาดว่า เพราะเขาถูกรุมถล่มแสดงความคิดเห็นและข้อความ จากการที่หนังไม่ได้เป็นไปตามที่แฟน ๆ หวังเอาไว้
ล่าสุด Boone ที่อยู่ระหว่างกำกับซีรีส์รีเมก The Stand สร้างจากนิยายสยองขวัญเกี่ยวกับเหตุการณ์โรคระบาดร้ายแรงของโลก นำแสดงโดย Alexander Skarsgård, James Marsden และ Amber Heard
เขาได้เปิดเผยกับ BBC ว่า ต่อไปนี้เขาคงต้องคิดอย่างรอบคอบที่สุด หากมีการติดต่อให้ไปกำกับหนังเรื่องต่อไป เพราะสิ่งที่เกิดกับ The New Mutants นั้นไม่มีแง่มุมไหนที่น่าจดจำเอาเสียเลย เขายังตอบคำถามด้วยว่า ทีม Marvel Studios นำโดย Kevin Feige ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์หนังเรื่องนี้ เพราะตอนปี 2019 ที่มีการควบรวมบริษัทนั้น หนังเสร็จไปกว่า 70% แล้ว
สื่ออย่าง The Vulture แผนเดิมของ The New Mutants นั้นจะถูกสร้างให้มีฉากหลังอยู่ใน 80s เพื่อเชื่อมกับตัวละครในไทม์ไลน์หลักของเรื่อง X-Men: Apocalypse (2016) แต่หลังจากที่ Apocalypse ได้รับคำวิจารณ์ไม่ค่อยดีและรายได้ก็ไม่ดีนัก (ทำรายได้รวมทั่วโลก 543 จากทุนสร้าง 178 ล้านเหรียญฯ) Fox เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผน โยนบทร่างแรกของ Boone และมือเขียนบท Knate Lee ที่ต้องการสร้างหนังออกมาในแบบของหนัง The Breakfast Club (1985) ที่ผสมผสานความสยองขวัญเข้าไป ถึงอย่างนั้น ฟาก Fox ก็เปิดเผยข้อมูลว่า บทของทั้งคู่ที่เริ่มเขียนกันมาตั้งแต่ปี 2015 นั้น ไม่ได้มีความเป็น “หนังวัยรุ่น” อย่างที่เสนอแนวคิดมาตอนแรกเลย แถมความตลกห่าม ๆ ที่เป็นเสน่ห์ของหนังแนวนี้ก็หายไปหมด
แหล่งข่าวใน Fox ยังเปิดเผยอีกว่า บทของ Boone และ Lee ยังทำลายภาพลักษณ์ตัวละครอันเป็นที่รักของแฟน ๆ อย่าง Storm มนุษย์กลายพันธุ์ที่พลังสามารถควบคุมดินฟ้าอากาศได้ แต่ทั้งคู่กลับเปลี่ยนให้เธอเป็น ผู้คุมจอมบงการที่จับเด็ก ๆ มาทรมานใน The New Mutants ด้วย ทำให้ Fox ต้องดึงมือเขียนบทหลายคนมาแก้บทหนังนั้นคือ Scott Neustadter และ Michael H. Weber จากหนังรักวัยรุ่น The Fault in Our Stars (2014) ที่ Boone ก็เป็นคนกำกับเอง
แต่ Boone กลับไม่สนใจบทที่ถูกแก้เหล่านั้น หนำซ้ำยังคงเขียนบทร่วมกับ Simon Kinberg ผู้กำกับ X-Men: Dark Phoenix (2016) ซึ่งเป็นผู้เขียนบทหนัง X-Men มาโดยตลอด ก่อนที่จะชิมลางเป็นผู้กำกับในภาคนี้และทำหนังดิ่งเหวแบบตอกฝาโลงแฟรนไชส์ไปเลย มีการบอกเล่ากันภายในวงการเขียนบทว่า ถึงแม้ว่ามือเขียนบทหลายคนจะวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า บทของ Boone ขาดอารมณ์ขันและตัวละครที่ไม่ได้พัฒนาไปไหน แต่ Boone ก็ยังไม่ยอมรับคำวิจารณ์นั้น และเดินหน้าจะเปิดกล้องถ่ายทำ The New Mutants ฉบับที่ Fox เปลี่ยนทิศทางมาแล้วครั้งที่หนึ่ง แต่ก็ยังจะใช้บทของตัวเอง (ไม่ยอมใช้บทที่ Fox พยายามแก้และบังคับให้ใช้ครั้งที่สอง) ตอนปี 2017
Boone ยอมถ่ายหนังตามไอเดียใหม่จนเสร็จ โดยไม่มีการถ่ายซ่อมตลอดเวลา 2 ปีที่มีการเลื่อนฉาย เนื่องจากผู้บริหาร Fox กำลังวุ่นวายกับเรื่องการควบรวม บวกกับนักแสดงวัยรุ่นก็โตขึ้นตามวัย ทำให้ไม่สามารถถ่ายทำให้ตัวละครมีอายุเหมือนตอนเริ่มถ่ายทำใหม่ ๆ ได้ สุดท้ายเมื่อหนังเสร็จพร้อมฉายก็ปรากฏว่า Fox ก็ยังไม่ชอบตัวหนังอย่างมากถึงขั้นอยากทิ้งหนังทั้งเรื่องและเริ่มต้นถ่ายใหม่ทั้งหมด
ในรายงานฉบับนี้ยังเปิดเผยด้วยว่า เหตุที่ Disney ไม่ตัดสินใจนำ The New Mutants ลงสตรีมมิงเลย เหมือนหนังของ Disney เองที่ก็มีปัญหาความไม่มั่นใจหลังฉายรอบทดลองอย่าง Artemis Fowl หรือกระทั่ง Mulan ที่เป็นหนังฟอร์มยักษ์ Disney ก็ยังตัดใจเอาไปลง Disney+ Boone ได้อธิบายเพิ่มว่า เป็นเพราะ Disney ได้ทำข้อตกลงกับ Fox ไว้ก่อนควบรวมกิจการว่า The New Mutants ต้องได้ฉายในโรงภาพยนตร์เท่านั้นอีกด้วย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส