ในช่วงนี้ หนังจีนที่ทำรายได้รวมสูงที่สุดในโลกของปีโควิด 2020 (นับถึงปัจจุบันอยู่ที่ 441.7 ล้านเหรียญฯ ชนะหนังฮอลลีวูดทุกเรื่อง) อย่าง The Eight Hundred หรือชื่อไทยว่า “นักรบ 800” ก็จะเข้าฉายในบ้านเรา ภายใต้การจัดจำหน่ายของบริษัท Golden A Entertainment ความน่าสนใจของหนังคือ ใช้ทุนสร้างสูงถึง 80 ล้านเหรียญฯ และยังเป็นหนังจีนเรื่องแรกที่ถ่ายทำในระบบ IMAX ทั้งเรื่อง (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ที่นี่)
เดิมทีหนังตั้งใจสร้างเพื่อให้เข้าฉายทันในปี 2019 ที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นปีฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน หนังไม่ได้ฉายที่จีนตามกำหนดเดิมปีที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ได้กำหนดฉายในจีน 29 ตุลาคมนี้
หนังเล่าถึงเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์สมัยสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ครั้งที่ 2 ซึ่งถูกเรียกว่า สมรภูมิเซี่ยงไฮ้หรือยุทธการเซี่ยงไฮ้ ปี 1937 เล่าถึงช่วงศึกป้องกันคลังสินค้า “ซื่อหัง” ของหน่วย 524 หนึ่งในหน่วยทหารพลีชีพพิเศษของกองพันที่ 88 แห่งกองทัพสาธารณรัฐจีน หน่วยนี้มีพลทหารแค่ 423 นาย แต่สามารถหลอกข้าศึกญี่ปุ่นว่าทหารอยู่ราว 800 นายหรือประมาณ 2 เท่า กองพันที่ 88 เป็นหนึ่งในกองทหารที่ได้รับการฝึกพิเศษจากกองทัพของประเทศเยอรมนีในสมัยที่ยังไม่ได้ประกาศเป็นฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีทหารประจำอยู่เกือบหมื่นนาย
ผู้บัญชาการเลือกจะไม่ทิ้งทหารกองพันที่ 88 ให้ไปตายหมด จึงขอแค่อาสาสมัครแค่ 400 กว่าคน ที่พร้อมพลีชีพยันทัพญี่ปุ่นที่คลังสินค้าซื่อหัง พวกเขาสามารถปักหลักยันการปิดล้อมของกองทัพญี่ปุ่นนานถึง 4 วัน 4 คืน (26 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 1937) ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดญี่ปุ่นจะตีเซี่ยงไฮ้แตก แต่ศึกป้องกันคลังสินค้าซื่อหังนี้ก็เป็นที่โจษจันในกลุ่มคนจีนซึ่งมักจะถูกหยิบมาเล่าเป็นวีรกรรมของประเทศ รวมถึงมีการยกให้หน่วย 524 เป็น “วีรบุรุษ 800” (ที่มาของชื่อหนัง) พอเข้าสู่สนามรบจริง กองพันนี้เสียทหารไปแค่ 10 กว่าคน ส่วนฝ่ายญี่ปุ่นเสียไพร่พลมากกว่า 200 คน
ปี 1937 เป็นปีที่ญี่ปุ่นยกทัพเข้าประเทศจีนแล้ว จีนตอนบนและแมนจูเรียโดนญี่ปุ่นยึดไปก่อนหน้านั้น ส่วนรัฐบาลจีนที่คุมประเทศตอนกลางเป็นฝ่ายพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งยังประกาศสงครามกับญี่ปุ่นอยู่ รัฐบาลจีนย้ายศูนย์บัญชาการลงมาทางตอนใต้เพื่อตั้งรับกองทัพญี่ปุ่น และนายพลเจียง ไคเซ็กก็เลือกเมืองเซี่ยงไฮ้ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจเป็นฐานทัพ เจียง ไคเช็กหมายจะให้ฝรั่งชาวตะวันตกมาช่วยจีนรบกับญี่ปุ่นด้วย แต่นั่นเป็นความผิดพลาดของเขา เพราะพวกฝรั่งปล่อยให้ญี่ปุ่นบุกเข้ายึดเมืองจีนอย่างไม่ดูดำดูดี แถมยังรอแบ่งเค้กผลประโยชน์กับญี่ปุ่นหลังจีนแพ้ราบคาบแล้ว ส่วนกองทัพคอมมิวนิสต์ของเหมาเจ๋อตุงนั้นแยกทางกับพรรคก๊กมินตั๋งอย่างถาวรไปแล้ว และยกทัพพากองกำลังไปตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีน
เบื้องหลังความดราม่าของเส้นทางหนังมีอยู่ว่า หนังได้เปิดตัวที่เทศกาลหนังนานาชาติเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ปี 2019 แล้ว มีการจัดงานเดินพรมแดงอย่างยิ่งใหญ่ แต่ก่อนหนังจะฉายแค่ชั่วโมงเดียว มีคำสั่งลับจากเบื้องบนสั่งให้ถอดโปรแกรมหนังออกไปก่อน ทำให้เจ้าของหนังก็ยังเพิ่งมารู้เอาหน้างานพร้อมกับคนดูทุกคนและทำได้แค่แจ้งแขกเหรื่อว่า เป็น “เหตุผิดพลาดทางเทคนิค” และเป็นที่รู้กันว่า เหตุผลจริง ๆ คือเนื้อหาบางอย่างที่ไม่ผ่านกองเซนเซอร์ของจีน
มากกว่านั้น แม้ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้วิพากษ์นโยบายของรัฐบาลจีนจนเดือด แต่เป็นเพราะฮีโรของสถานการณ์นี้คือ ทหารของพรรคก๊กมินตั๋ง (ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยที่ทุกวันนี้อพยพไปตั้งรกรากที่ไต้หวัน) ไม่ใช่ทางฝั่งของรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน ตลกร้ายกว่านั้นคือ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ทางฝั่งไต้หวันเคยหยิบมาสร้างเป็นหนังไปแล้ว ชื่อเรื่อง Eight Hundred Heroes ตั้งแต่ปี 1975 ซึ่งก็ดูถูกฝาถูกตัวกว่าที่จะสดุดีวีรกรรมของทหารก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวไต้หวันเอง มาถึงตรงนี้ก็อาจจะมองได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งกลาย ๆ จากทางฝั่งรัฐบาลจีนที่ปล่อยให้ผู้สร้างหนังทำหนังจนเสร็จแล้วไม่ให้เข้าฉายหรือต้องเข้าฉายโดยตัดฉากที่โปรก๊กมินตั๋งมาก ๆ ออกไป
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส