[รีวิวซีรีส์] Detention: ผี-นักเรียนเลว

Release Date

05/12/2020

ความยาว

8 ตอน (ออกอากาศทุกวันเสาร์ สัปดาห์ละตอน ตอนละ 60 นาที)

[รีวิวซีรีส์] Detention: ผี-นักเรียนเลว
Our score
7.6

Detention

จุดเด่น

  1. การดัดแปลงจากเนื้อหาที่ดีมาก ๆ อยู่แล้วในฉบับเกมและหนัง แถมต่อยอดให้ฉีกไม่ซ้ำทางได้อีก ประกอบกับโพรดักชันที่ดีใส่ใจในรายละเอียด ก็ถือเป็นอีกซีรีส์เอเชียที่ทำได้เทียบชั้นสากลเลย

จุดสังเกต

  1. การเล่าเรื่องที่ขยายยืด ทำให้ค่อนข้างเนิบเอื่อยในช่วงแรก เมื่อเทียบกับฉบับหนังหรือเกม ตัวผีเองก็ดูจะน่ากลัวน้อยกว่าด้วย แต่ก็น่าดูในคนละมุมสำหรับทั้งคนที่เคยรู้จักและไม่เคยรู้จักมาก่อน
  • บท

    7.5

  • โพรดักชัน

    8.0

  • การแสดง

    7.5

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    6.5

  • ความคุ้มค่าการรับชม

    8.5

เรื่องย่อ ความตาย การต่อต้าน และความสิ้นหวัง ทั้งหมดเกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมของไต้หวันยุคทศวรรษ 1960 เหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างได้ถูกลบกลบไว้ในอาคารร้างของโรงเรียนและถูกสั่งให้ใครก็ตามห้ามเข้าใกล้ จนกระทั่งนักเรียนใหม่คนหนึ่งได้รุกล้ำเขตหวงห้ามและค้นพบความลับที่น่าตกใจในอีกหลายสิบปีต่อมา

จากเกมแก้ปริศนาแนวสยองขวัญสัญชาติไต้หวันที่ลือชื่อของค่าย Red Candle Games ในปี 2017 ได้รับการกล่าวขวัญในแง่การเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและแหลมคม ในการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์เลือด White Terror ของไต้หวันในยุคต่อต้านเผด็จการและการล่าสังหารคอมมิวนิสต์ในช่วงทศวรรษ 1960 มาผสมผสานกับเนื้อหาชวนติดตามกับความลับของตัวละครที่แสนจะดราม่าสะเทือนอารมณ์ แถมยังเวียนวนอยู่กับความเชื่อ ผี ปีศาจที่หลอกหลอนไม่ให้เราได้หลุดพ้นไปจากฉากหลังที่เป็นอาคารร้างในโรงเรียนได้โดยง่าย

Detention
งานศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์ การเล่นแบบมุมมองด้านข้างที่แปลกตา และการเล่าเรื่องสุดซับซ้อน คือความสำเร็จของเกมในปี 2017

ความดีในการเล่าเรื่องที่ดั่งนิยายดี ๆ หรือหนังดี ๆ เรื่องหนึ่ง จึงไม่พ้นที่สุดท้ายมันก็ได้รับการตีความเป็นฉบับหนังโรงจนได้ในปี 2019 ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมในการดัดแปลงวิธีการเล่าเรื่องให้เหมาะสมขึ้นได้ ทั้งยังรักษาความดีของเรื่องเล่าในเกมได้อย่างครบถ้วน และในปีนี้เน็ตฟลิกซ์ก็ได้รับไม้ต่อในการพัฒนาฉบับซีรีส์ของ Detention และความน่าสนใจคือตัวซีรีส์ก็มีวิธีการเล่าที่ฉีกออกไปได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

หากเล่าอย่างรวบรัดถึงความต่าง โดยพิจารณาจาก 2 ตอนแรกของซีรีส์ ที่เห็นได้ชัดคือตัวซีรีส์ได้เปลี่ยนตัวละครนำที่แทนสายตาผู้ชมจากเดิมในฉบับเกมและหนังจะเป็น นักเรียนในยุค 1960 อย่าง ฟาง และ เว่ย ที่ตื่นขึ้นมาในโรงเรียนที่กลายสภาพเป็นอาคารร้าง และสิ่งแปลกประหลาดราวกับมิติสยองขวัญใน Silent Hill ซึ่งต้องหาทางแก้ปริศนาเพื่อออกจากโรงเรียนให้ได้ ในขณะเดียวกันก็จะได้รับรู้อดีตที่หายไปจากความทรงจำของทั้งคู่และคำเฉลยที่กระชากอารมณ์ผู้ชม

Detention
ฉบับหนังปี 2019 ที่ให้บรรยากาศแบบ Silent Hill

แต่สำหรับซีรีส์ จะพลิกมาเล่าเหตุการณ์ในช่วงปี 2000 ผ่านสายตาของนักเรียนใหม่ที่ย้ายมาจากอังกฤษ และมีอาการผิดปกติเห็นภาพหลอนอย่าง อวิ๋นเซียง ที่ต้องปรับตัวกับการแปลกถิ่นในชนบท ทั้งวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่ฝังอยู่ในการเล่าเรียน ผู้ใหญ่กำหนดกรอบให้เด็กในทุกเรื่องผ่านคำว่า วินัย มีการลงโทษคนที่พฤติกรรมแย่ที่สุดของทั้งชาย-หญิงในห้อง ด้วยการให้แขวนป้ายคอคำว่า มาร ให้เพื่อน ๆ รุมรังเกียจ

Detention
หนึ่งในฉากที่ตัวเอกมาโรงเรียนใหม่ครั้งแรก สะท้อนดั่งการเดินเข้าสู่คุกหรือกรมทหารจากทั้งภาพและเสียง

และการขบถแรกของเด็กหัวนอกอย่างอวิ๋นเซียง คือการแอบขึ้นไปสำรวจเขตหวงห้ามของโรงเรียนอย่างอาคารร้างหานชุ่ย ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ตามมา ทั้งการได้พบกับนักเรียนเลวของห้องอย่าง เหวินเลี่ยง ที่อยากจะหนีออกจากกรงขังที่เรียกว่าเมืองชนบทไปเมืองหลวง และเลิกสืบทอดกิจการผู้ดูแลศาลเจ้าประจำเมืองของครอบครัวเสียที นอกจากนี้พวกเขายังได้เป็นพยานในการฆ่าตัวตายอย่างเป็นปริศนาของรุ่นพี่สาวที่มากระโดดตึกตายต่อหน้าพวกเขา และอวิ๋นเซียงก็เริ่มเข้าไปพัวพันกับวิญญาณในอดีตทีละน้อย

Detention

สำหรับใครที่เล่นเกมหรือดูหนังมา จะรู้สึกว่าตัวซีรีส์มีการเล่าที่ดึงดูดน้อยกว่า ฮุกเข้าเรื่องช้ากว่า แต่กลับน่าสนใจในการแทรกรายละเอียดที่เราจะได้เห็นความเกี่ยวเนื่องกับตัวเอกในฉบับเกมและหนังอยู่โดยตลอด ทั้งบ้านที่อวิ๋นเซียงย้ายมาอยู่น่าจะเป็นบ้านหลังเดิมของฟาง ขณะที่ทางเหวินเลี่ยงก็จะต้องดูแลลุงเว่ยที่ดูไม่ปกติมีอาการสั่นกลัวตลอดเวลา นอกจากนี้ภูมิหลังเรื่องครอบครัวของอวิ๋นเซียงก็ยังละม้ายกับฟางมาก และเหตุการณ์ครูหนุ่มหัวทันสมัยก็ยังชูกลิ่นของรักสามเส้าในชั้นเรียนอีกครั้งด้วย

เรียกว่าดึงกลิ่นของเนื้อหาออริจินอลมาใช้ต่อยอดเป็นเสมือนภาคต่อ ที่มีการยั่วล้อคล้ายคลึงของเดิมราวกับเหตุการณ์จะกลับมาซ้ำรอยกรรมอีกครั้งร่ำไป ซึ่งก็น่าสนใจอยู่สำหรับแฟนเดิม แม้ว่ากันตามตรงว่าความสนุกมันยังไม่ค่อยโดนใจนัก เพราะเนื้อหาต้องยืดและปูให้เป็นซีรีส์ยาว และยังไม่เปิดโอกาสให้ซีจีหนัก ๆ ทำงานนัก แต่เท่าที่ใช้แบบง่าย ๆ และโผล่มาแค่ไม่กี่นาทีใน 2 ตอนนี้ก็ได้บรรยากาศหลอนเอาการเหมือนกัน น่าเสียดายว่าผีตัวหลักนั้นยังไม่ค่อยน่ากลัวมากเท่าไร

และสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมดูหนังมาก่อน ซีรีส์นี้ก็ค่อย ๆ หยอดปมสงสัยให้ผู้ชมอยู่เรื่อย ๆ จัดได้ว่าเป็นแนวดราม่าสยองขวัญที่เนิบ ๆ หน่อย อาจจะถูกโฉลกคอหนังที่ชอบรายละเอียดและการแตกแขนงเส้นเรื่องความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในขณะที่สายหวือหวาผาดโผนน่าจะยังไม่โดนเท่าใดนัก เพราะผียังทำงานไม่ค่อยหนัก แถมดูทรงที่เรื่องปูมาในตอนที่ 2 ก็พอจับเค้าลางได้ว่าอาจจะพลิกไปเล่าเรื่องในแบบพวกละครน้ำเน่าความสัมพันธ์ตัวละคร มากกว่าการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อย่างเดิม

Detention

แต่กระนั้นการเปรียบเปรยที่ซีรีส์ใช้ในการเล่าว่าการศึกษาในยุคใหม่ ที่ยังกรอบจำกัดและริดรอนอิสระทางการเติบโตอย่างสร้างสรรค์ของเด็ก ด้วยวิธีคิดแบบผู้ใหญ่ที่รักในอำนาจและเรียกร้องความเคารพยำเกรงด้วยการข่มขู่ ก็ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เด็กที่รู้สึกต้องการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นนักเรียนเลวอยู่ทุกยุคสมัย และก็อาจเป็นอีกครั้งและอีกครั้งที่ผู้ใหญ่อาศัยอำนาจในมือทำการริดรอนใบอ่อนทางความคิดของเยาวชนที่กำลังแตกช่อชูสวยงามลง ซึ่งบางครั้งก็เป็นการถอนรากถอนโคนริดรอนชีวิตของเหล่านักเรียนเลวเหล่านั้นลงด้วย น่าสนใจทีเดียว

Detention

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส