ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์น่าสนใจในโลกโซเชียลอันหนึ่ง ที่เอาจริง ๆ หลายคนก็ไม่คิดหรอกว่า อยู่ดี ๆ จะมีเพจหนึ่งที่ไม่ได้มีคอนเทนต์อะไรเลย นอกจากสเตตัสมุกเศร้า เคล้ากับความเล่นใหญ่ สไตล์คนที่มูฟออนไม่ได้ แถมยังสู้สุดใจ อกหักก็ไม่ยอมแพ้ แถมยังโพสต์เก่ง โพสต์ถี่ซะยังกับกินเครื่องดื่มชูกำลังผสมกาแฟมาเป็นโหล ๆ (นี่ขนาดอกหักนะเนี่ย – -“)
จากเพจที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเปิดไว้แกล้งเพื่อนเฉย ๆ แต่ดันโดนใจคนดราม่าช้ำรักมูฟออนไม่ได้ กลายเป็นเพจที่แมสในชั่วข้ามคืน แถมยังมีนักร้อง ดารา และเพจดัง ๆ มาร่วมแจม ร่วมเศร้ากันอย่างคึกคัก เท่านั้นยังไม่พอ ยังลุกลามจนมีคนตั้งเพจล้อเลียนมากมายหลายสิบเพจซะจนเป็นจักรวาลไดโนฯ ไปแล้วตอนนี้
ไหน ๆ เราได้ 2 แอดมินเพจสุดเปรี้ยงมาทั้งที นอกจากเราจะขอถามเรื่องเกี่ยวกับเพจ ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง วิธีคิดมุกเศร้า ๆ แล้ว เรายังขอแอบล้วงลึกมุมมองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ รวมถึงประสบการณ์ความรักพัง ๆ มูฟออนได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่พวกเขาไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนด้วย !
และเนื่องจากว่า แอดมินทั้งสองคนยังไม่อยากจะเปิดเผยหน้าตา (เพราะว่าหล่อเกินอ่ะ) เลยต้องขออนุญาตสมมติชื่อด้วย “แอดมิน A” และ “แอดมิน B” และขอยืมคาแรกเตอร์เจ้าไดโนเศร้ามาปิดบังใบหน้าของทั้งคู่กันแบบดื้อ ๆ กันอย่างนี้เลย
อืม…จะบอกว่า อ่านบทสัมภาษณ์จบแล้ว อย่าลืมไปอ่านแชตเราแล้วไม่ตอบด้วยนะ ไอ้ต้าวอ่านเก่ง งื้อ ~
จริง ๆ เพิ่งเห็นว่าเมื่อสักครู่ก่อนจะมาสัมภาษณ์ (ประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง) พวกคุณก็เพิ่งจะลงโพสต์อันใหม่
ถามเลยแล้วกันว่าทำไมถึงลงถี่ ลงเยอะ ลงเก่งขนาดนี้
แอดมิน B : จริง ๆ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่เราสร้างเพจแล้ว ที่เราสร้างเพจกันตอนแรกเราตั้งใจว่าจะทำกันแบบหนุก ๆ คิดอะไรออกก็ใส่ ๆๆๆ เลย ไม่มีการพรูฟ ไม่มีการแก้อะไรทั้งสิ้น เต็มที่ก็พรูฟแค่เรื่องคำหยาบ ว่าหยาบคายไหม มีเรื่องหรือคำที่ไม่สมควรจะลงหรือเปล่า ทั้งเรื่องดราม่า หรือ Sexual Harassment (การคุกคามทางเพศ) หรือการคุกคามต่าง ๆ ต้องไม่มี คิดอะไรออกก็ใส่ไปเลย เราไม่ได้หวังเรื่องยอดรีช หรือ Data แบบว่ากลัวรีชจะน้อย ก็เลยต้องโพสต์เยอะ ๆ หรืออะไร
แอดมิน A : มันไม่ได้เป็นการวางแพลนมาตั้งแต่แรก
แอดมิน B : ใช่ ซึ่งมาถึงตอนนี้ เราก็ยังคงยืนยันเวย์นี้อยู่ ว่าเราจะโพสต์อ่ะ คิดอะไรออกเราก็ใส่เลย เพราะว่ามันเป็นพื้นที่ของเรา (หัวเราะ)
แอดมิน A :เจตนาของเพจนี้แต่แรกคือ สร้างไว้เพื่อระบายกับเพื่อน เอาไว้แกล้งเพื่อนเท่านั้นเองครับ
แอดมิน B :: ซึ่งมันก็เป็นคอนเซ็ปต์เดิมมาตั้งแต่ตั้งเพจ
แอดมิน A :ถ้าถามว่าทำไมมันถึงเยอะขนาดนี้ ก็เพราะว่าเราคิดอะไรได้ เราก็ใส่เลย
แอดมิน B : คือพอมันค้างคาอ่ะ เวลากลับบ้านแล้วรู้สึกค้างคา มันจะแบบ…อารมณ์เสียอ่ะ (หัวเราะ)
เอาวัตถุดิบในการคิดมุกพวกนี้มาจากไหน
แอดมิน B : จริง ๆ ถ้าคนอ่านเป็นคนที่เขียน Copy Writing เก่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนทีทำงาน Agency หรือที่ไหนก็ตาม จะรู้ว่าสิ่งที่เราเขียน มันเป็นการรวมอะไรก็ไม่รู้เข้ามาขมวดเป็นเรื่องเดียวอ่ะ ทั้งเรื่องความรัก เรื่องมุกตลก ทั้งเรื่องความเพ้อ อะไรที่หลุดโลกต่าง ๆ อย่างเช่นคำสรรพนามที่เราใช้เรียก “เธอคนนั้น” วัตถุดิบมันก็คือเรื่องที่เราคุย ๆ กันในชีวิตประจำวันนี่แหละ ชีวิตพวกผมวัน ๆ ก็คุยอะไรกันแบบนี้แหละครับ (หัวเราะ)
แอดมิน A : ใช่ครับ เอาง่าย ๆ ลูกเพจบางคนก็จะกลัวว่า เฮ้ย แอดฯ คอนเทนต์จะหมดหรือเปล่า ไอเดียจะหมดหรือเปล่า เก็บไว้เล่นพรุ่งนี้บ้างสิ ผมก็ไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไงดี เพราะว่าชีวิตประจำวันของพวกเรา 2 คนก็เป็นแบบนี้เลยครับ อย่างที่บอกก็คือ คิดได้ก็โพสต์ไปเลย
มันมีจังหวะที่มุกตันบ้างไหม หรือมีสูตรบ้างไหมว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ ๆๆ
แอดมิน A : มันก็ไม่ได้มีสูตรหรอกครับ
แอดมิน B : แต่ถ้าถามว่าตันไหม…มันก็จะมีแบบว่า ปวดหัวอ่ะ เจ็บหัว (หัวเราะ)
แอดมิน A : อ่านกันเองแล้วรู้สึกว่า มันหนักมาก อ่านแล้วต้องคุยกันเลยว่า “มึง อันนี้มันหนักมาก คิดได้ไงเนี่ย” (หัวเราะ)
แอดมิน B : มันจะมีจังหวะที่เราทิ้งช่วงหลังจากโพสต์ สักประมาณชั่วโมงหนึ่ง แล้วก็กลับไปไล่อ่านไอ้ที่เราลงกัน บางอันเราอ่านก็ยังมีหลุดขำกันว่า เราทำอะไรลงไปวะ อะไรแบบนี้
แอดมิน A : คือก่อนที่จะมีเพจไดโนเศร้า มีคนส่งข้อความ ส่งข้อความเสียงหากันเป็นเชิงอะไรประมาณนี้อยู่แล้ว ก็เรียกได้ว่าทุกวันอ่ะครับ
แอดมิน B : มันเป็นความไร้เหตุผลเกิดขึ้นว่า นี่คือมนุษย์คุยกันเหรอ
แอดมิน A : ใช่ แล้วพอเพื่อน ๆ มาอ่านก็จะรู้สึกปวดหัวว่ะ คุยอะไรกันเนี่ย เจ็บหัวเลย คือพอถึงจุดหนึ่ง มันก็ไม่ตันหรอกครับ แต่ว่าพอย้อนมาอ่าน แล้วก็จะรู้สึกว่า คิดได้ยังไงกันวะ อ่านแล้วมันเจ็บสมอง เจ็บหัวจริง ๆ
แอดมิน B : อาจจะเป็นเรื่องเหนื่อยสมองมากกว่า ต้องมีแบบว่า ขอตั้งสติ ขอพักสมองแป๊บหนึ่ง มันหนักไปแล้ว เริ่มจะเพ้อหนักไปแล้ว
ทั้งสองคนทำงานกับเพจนี้ยังไงบ้าง
แอดมิน B : บางทีเราก็จะทักไปว่า เฮ้ย เดี๋ยววันนี้เรามาทางนักดนตรีกันดีกว่า เฮ้ย ลองไปแซววงนี้กันดีกว่า เป็นการคุยคอนเซ็ปต์คร่าว ๆ มากกว่าว่า เดี๋ยวโพสต์ต่อไป หรืออีก 5 โพสต์ เราจะโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ๆๆ คุยกันว่า เฮ้ย เดี๋ยวลองเล่นเรื่องของกิน หรือร้านอาหารเปิดใหม่กันดีกว่า ประมาณนี้ครับ
แอดมิน A : ไม่ได้มีแบบว่าคิวนี้ของมึง คิวนี้ของกูนะ ไม่ได้ขนาดนั้นครับ ถ้าใครคิดได้ก็ลงเลย แต่ก็จะมีมาคุยกันว่า ที่โพสต์ไปมันจะมีดราม่าหรือเปล่า
แอดมิน B : อันนี้จะผ่านไหม รอดหรือเปล่า สุ่มเสี่ยงหรือเปล่า
แอดมิน A : ถ้าโพสต์ออกไปแล้ว เขาจะคิดตีความอีกแง่หนึ่งหรือเปล่า
แอดมิน B : ซึ่งอันนี้เรากลัวมากเลย กลัวว่าเขาจะคิดว่าเราเป็นไอ้โรคจิต คุกคามหรือเปล่า เราก็เลยจะพยายามเหลาเรื่องนี้กันเยอะนิดหนึ่ง
รู้สึกอย่างไรที่อยู่ดี ๆ เพจก็เปรี้ยงขึ้นมาในระยะเวลารวดเร็วขนาดนี้
แอดมิน A : มันเป็นความอึ้ง ความงง ๆ มากกว่าครับ
แอดมิน B : ยังคุยกันอยู่ว่า พวกคุณมาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย (หัวเราะ)
แอดมิน A : ใช่ครับ มันข้ามคืนจริง ๆ มันจะมีสเตตัสหนึ่งที่เราลง แล้วเพื่อนก็แคปมาให้เราดู เราก็เห็นว่า เฮ้ย คนมาจากไหนเยอะแยะ จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ 1,000 – 2,000 แชร์ แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไป หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนไปเลยชั่วข้ามคืน มันเป็นความงงมากกว่าครับ
แอดมิน B : อยู่ดี ๆ ก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์
แอดมิน A : ผมงงตรงที่ว่า จากเพจที่เอาไว้แซวเพื่อนเฉย ๆ ทำไมมันแมสไปได้ถึงขนาดนั้นเลย
แอดมิน B : คือผมก็หาคำตอบไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงด้วย งงไปหมด (หัวเราะ)
แล้วทำไมต้อง “ไดโนเศร้า” ทำไมต้องไดโน ทำไมต้องเศร้า
แอดมิน A : ถ้าเล่าให้ละเอียด ๆ เลยนะ ตอนนั้นผมอาบน้ำอยู่ ผมคิดว่าผมอยากจะมีเพจสักเพจหนึ่ง เอาไว้แซวเพื่อน แกล้งเพื่อน แต่ไม่ใช่แค่ทำเฉย ๆ แต่อยากให้มีอะไรเศร้า ๆ อยู่ในนั้น เป็นอะไรที่มันเศร้า ๆ ตลก ๆ ก็เลยคิดว่า แต่การที่จะทำเพจ มันก็ต้องมีคาแรกเตอร์ ก็เลยมานั่งคิดกันว่า แล้วจะเอาเป็นตัวอะไรดี ก็เลยคิดจากคำว่าเศร้า ก็เลยคิดว่าเป็นไดโนเศร้าดีกว่า มันเป็นการเล่นเสียงแบบ ไดโนเสาร์ ไดโนเศร้า เราก็แบบ เออ อันนี้ได้ว่ะ เป็นชื่อเพจที่เอาไว้แกล้งเพื่อนเฉย ๆ ผมคิดแค่นั้นเอง แล้วก็ทำเลย
แอดมิน B : ผมเห็นชื่อเพจไดโนเศร้าตอนที่มัน (แอดมิน A) ดึงผมเข้าไปเป็นแอดมินเพจ พอผมเห็น ผมรู้สึกว่ามันถูกต้องตั้งแต่ชื่อแล้วล่ะ มันแบบ…ไดโนเศร้าอ่ะ (หัวเราะ)
แอดมิน A : แล้ว URL เราคืออะไร
แอดมิน B : @dinosaturday (หัวเราะทั้งคู่)
แอดมิน A : มันก็คือไดโนบวกกับวันเสาร์ ตอนแรกผมจะตั้งว่า dinosad แต่ว่าเหมือนมีฝรั่งใช้ไปแล้ว ผมก็จัด @dinosaturday ซะ
แอดมิน B : คือแบบว่า…มันผิดไปหมดเลยอ่ะ (หัวเราะทั้งคู่)
เคยลองวิเคราะห์กันไหมว่าทำไมเพจมันถึงแมส
แอดมิน A : ผมคิดว่า…(นิ่งคิด) หรือมันเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมี หรือมันไม่มีเพจแบบนี้มาก่อนเลย คือเป็นเพจที่ หนึ่งคือ ดีดทั้งวัน สองคือ คลั่งรักมาก แต่ไม่ได้คลั่งแบบว่าจะเป็นจะตายนะ เป็นการคลั่งรักที่เราสู้น่ะ สู้แบบน่ารัก สู้แบบเวอร์ ๆ ซึ่งเท่าที่เห็นก็ยังไม่เคยมีเพจแบบนี้มาก่อนเลยครับ
แอดมิน B : อาจจะมีบ้างที่ใกล้เคียง แต่เราสู้ด้วยความที่เรามีความเพ้อเข้าไปด้วย คือแบบว่าใครมันจะมาเพ้อขนาดนี้ นี่มันไม่ใช่คนแล้วนะ (หัวเราะ)
แอดมิน A : มันเป็นอาการคลั่งรักที่มีความโอเวอร์ โอเวอร์แบบน่ารัก ๆ
มันจำเป็นไหมที่ไดโนเศร้าจะต้องอกหักแบบเวอร์ ๆ ตลอด
แอดมิน B : จริง ๆ เราไม่ได้ไปเซ็ตอะไรขนาดนั้น มันคือการสร้างเพจ แล้วพอเราจะโพสต์เรื่องแบบว่า เพ้อถึงเธอ แล้วเรารู้สึกว่า บรรทัดเดียว สองบรรทัดมันไม่พอว่ะ มันต้องใส่อะไรเข้าไปอีก ไม่ใช่แค่แบบ…เธอไม่ตอบแชต โอเค เราจะรอเธอนะ จริง ๆ แค่นี้มันก็จบแหละ แต่ว่าเรารู้สึกว่า มันไม่พออ่ะ
แอดมิน A : เราไมไ่ด้คิดกันแต่แรกว่าเราจะทำเพจมาเพื่อจะเล่นแนวเวอร์ แต่เราทำกันมาแล้ว และเราคิดว่ามันยังธรรมดาไป กลายเป็นคนเวอร์ ๆ 2 คนที่ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป มันก็เลยออกมาเวอร์ขนาดนั้น ด้วยความเป็นตัวเราเองโดยที่ไม่ได้เซ็ต
พอมันมีไดโนเศร้าขึ้นมา ก็มีเพจไดโนอื่น ๆ ขึ้นมาเต็มไปหมดเลย คิดยังไงกับเหล่าเพจในจักรวาลไดโนฯ พวกนี้บ้าง
แอดมิน B : คือถ้าถามว่าผมโอเคไหม ผมว่าผมโอเค สนุกดี แต่ถ้าจะติด ผมว่าบางอันก็หยาบเกินไป คือพอเราเห็นปุ๊บ มันก็เขิน มันเหมือนเป็นสูตรของโซเชียลมีเดียเหมือนกันนะ ว่าอันไหนตลก ๆ เราเอาหยาบคายไปสู้ เพราะว่าคนชอบหยาบ ๆ เราว่าวิธีการคิด…
คือเราก็ไม่อยากจะบอกว่ามันไม่ถูกต้องหรอก เราไม่ได้อยากไป Blame เขา แต่เราแค่รู้สึกว่า มันอาจจะไม่เวิร์กหรือเปล่า ที่ไม่ค่อยชอบที่สุดก็คือตรงนี้ครับ นอกนั้นไม่มีอะไร ส่วนที่เหลือ พอลองเข้าไปส่องแล้วก็สนุกดี อย่างเช่นเพจ ไดโนสวย ก็คือแบบว่า นางแซ่บอ่ะ แซ่บเลย ตลกดี
แอดมิน A : คือไดโนฯ ดี ๆ ก็มีครับ ไดโนฯ ที่มีแนวทางเฉพาะเป็นของตัวเอง อย่างเช่นไดโนแซ่บ ไดโนสวย อะไรแบบนี้ แต่ว่าไดโนฯ ที่เอาไปทำเป็นเรื่องหยาบคาย คุกคาม อะไรแบบนี้
แอดมิน B : คือตอนนี้มันก็มีไดโนฯ ที่คุกคามแล้วด้วย ซึ่งเราก็มองกันว่า มันสนุกจริง ๆ เหรอ
แอดมิน A : จริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากจะแคร์เขา แต่ที่เราแคร์จริง ๆ ก็คือลูกเพจของเรา ที่เขาแคปภาพมาถามเราว่า เป็นเจ้าของเดียวกันหรือเปล่า เราก็ไม่อยากให้เขามองว่าเราไปเล่นทางคุกคามอะไรแบบนั้นนะ อันนี้เราอธิบายกับลูกเพจไปหลายรอบมาก
แอดมิน B : ซึ่งอธิบายไปแล้ว ไม่รู้จะเสียไปถึงเพจอื่นหรือเปล่านะ เพราปกติแล้ว พวกความคุกคาม หยาบคาย คนจะรู้สึกว่ามันเฮฮากว่า
แอดมิน A : มันจะมีไดโนหนึ่งที่เขาเล่นเรื่องลามกหยาบคายอะไรแบบนี้ เขาก็ยังจะทำต่อ แต่เหมือนว่าตอนนี้เขาโดนทัวร์ลงในทวิตเตอร์แล้วล่ะ แต่ว่าเขาคงไม่สนหรอก
แอดมิน B : เขาไม่สน…(หัวเราะ) คือมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราอยู่แล้วล่ะ แต่เราแค่รู้สึกเฉย ๆ
มีความคิดอยากลองแตกจักรวาลไดโนฯ ออกมาเองบ้างไหม
แอดมิน B : ไม่น่ามีเวลา ลำพังแค่เพจเดียวยังลำบากขนาดนี้ ถ้าแตกออกมาคงเป็นการเพิ่มภาระให้สมอง (หัวเราะ)
แอดมิน A : อยากให้รักไดโนเศร้าแค่เพจนี้เพจเดียวครับ
ถ้าเพจไดโนเศร้าเป็นคนคนหนึ่ง คิดว่าคนคนนั้นจะเป็นยังไง
แอดมิน B : คิดว่าน่าจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ถ้าถามว่าลึก ๆ น่ะ รู้ไหม ลึก ๆ คือรู้ทุกเรื่องเลย แต่เขาเลือกที่จะพลิกมันปิดไว้อีกด้านหนึ่ง พูดแต่เรื่องที่เรารู้สึกกับเขายังไงบ้าง คือรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเรา รูปโพรไฟล์เพจเรามันเป็นรูปไดโนเสาร์เศร้า แต่มันไม่มีน้ำตา แต่มันพังข้างในอ่ะ (แอดมิน A : หัวเราะร่วน)
แบบว่าข้างในนี่คือ มันพังไปแล้ว
แอดมิน A : มันเหมือนคนที่มูฟออนไม่ได้นั่นแหละ พยายามจะมองในแง่ดี พยายามคิดทุกอย่างว่าเขายังอยู่
แอดมิน B : พยายามชักแม่น้ำทั้งห้า พยายามดึงเอาโน่นนี่มาประกอบกันเพื่อให้เขาส่งรูปมา เขาเนี่ย อยู่คนเดียวมาหลายวันแล้ว เขาคงไม่ได้มีใครหรอก อะไรแบบนี้ ปะติดปะต่อเรื่องเพื่อหลอกตัวเอง ทำให้ตัวเองสบายใจ
(บทสัมภาษณ์ยังไม่จบ คลิกที่นี่อ่านต่อหน้าสองเลยนะไอ้ต้าวยำแหนม~)
เพจนี้มันเกี่ยวข้องกับความรัก ก็เลยอยากรู้สถานะของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
แอดมิน A : ผมปกติดีครับ ก็มีแฟน
แอดมิน A : ส่วนผม ช่วงที่ผ่านมาเรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลาน (หัวเราะ) แต่ว่าตอนนี้ก็โอเคแล้วครับ กำลังเริ่มใหม่ ค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ เรียกว่ากำลังอยู่ในช่วงเพ้อ (หัวเราะ)
คนข้าง ๆ เขามีฟีดแบ็กกับเพจนี้ยังไงบ้าง
แอดมิน B : ทุกคนชอบครับ
แอดมิน A : คือคนรอบข้างผมเขาจะรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นแบบนี้ รู้อยู่แล้วว่ามันคือเรา รู้กันอยู่ว่าเป็นคนแบบไหน ซึ่งในเพจก็จะเป็นแบบนั้นแหละครับ บางคนพอเห็นเพจดังขึ้นมา ก็จะทักหรือโทรมาบอกว่า เอ็งใช่มั้ย เพราะเขาจะรู้อยู่แล้วว่าพวกผมเป็นอย่างนี้กันจริง ๆ
เวลารักใครสักคน มีความเพ้อหรือคลั่งรักอะไรแบบนี้บ้างไหม
แอดมิน A :เรียกว่าเป็นความทุ่มเทมากกว่าครับ
แอดมิน B : จะเป็นแบบว่า นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อน พอเธอคนนั้นตอบแชต ก็จะ… (สะดุ้งตกใจ) “ตอบแล้ว!!!” อะไรแบบนี้มากกว่า
แอดมิน A : แต่พอเป็นเพจไดโนเศร้า มันก็จะมีอะไรเพิ่มเติมเข้าไปให้มันมีความพิเศษกว่า ให้มันมีความคลั่งรัก แต่เวลาชีวิตจริงทั่วไปก็เป็นคนที่ทุ่มเทคนหนึ่งนั่นแหละครับ เวลาจีบใครก็จะชัดเจน
แอดมิน B : คือหลาย ๆ อย่างจากในเพจมันก็ได้มาจากชีวิตจริงนั่นแหละครับ การโดนเมินแชต การดองแชต หายไปกินข้าวไม่กลับมา ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน มันก็เลยกลายเป็นวัตถุดิบเรื่องราวในเพจ แต่บิดให้มันโอเวอร์หน่อย
แล้วพวกคุณเวลาอกหักจริง ๆ พวกคุณมูฟออนได้เร็วหรือช้า
แอดมิน B : สำหรับผมถือว่าเร็วนะ เพราะว่าผมทำงานเยอะน่ะครับ สมองก็เลยต้องคิดแต่เรื่องงาน แล้วก็โตแล้วด้วย ไม่ใช่เด็ก ๆ ที่มานั่งฟูมฟายเป็นเดือน ๆ บอกตัวเองตลอดว่า “เสียใจได้แต่จนไม่ได้เว้ย” (แอดมิน A : นี่ เรื่องจริง…) ถ้าจะเศร้าก็เศร้าแบบนับเป็นวันได้ เต็มที่ก็อาทิตย์หนึ่ง แล้วพอไปทำอย่างอื่นก็ เฮ้… หายแล้ว
แอดมิน A : ของผมถ้าเป็นช่วงเด็ก ๆ นี่ก็แย่อยู่นะ แย่มาก ๆ (แอดมิน B : ช่วงเด็ก ๆ นี่แย่กันทุกคนแหละ) ใช่ แต่พอโตขึ้นเราก็จะเริ่มมีการที่เราจะไม่ชอบตัวเองเสียใจ เวลาป่วยก็จะไม่ชอบให้ตัวเองรู้สึกอ่อนแอ มันจะมีความรู้สึกที่เราเริ่มสงสารตัวเอง ว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย พอตอนโตขึ้นผมก็จะเหมือนกัน ก็คือจะหายไวหน่อย หายไวแบบวิธีของผมก็คือ เราจะหาคนคุยให้ไวที่สุด ไม่ใช่ว่าต้องคุยหลายคนเพราะเจ้าชู้นะ แต่เพราะผมคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ว่า จะได้มีใครมาคุย มาแชร์กันเพื่อจะได้ลืมเรื่องเก่าให้ไวที่สุด
แอดมิน B : ไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก แต่ขอให้มีคนรับฟัง
แอดมิน A : ใช่ ๆ อย่างน้อยเราก็จะได้ไปคิดกับคนที่คุยใหม่คนนี้แทน เพื่อจะได้ลืมเรื่องเก่า ๆ ไป แบบนั้นโอเคกว่า
แต่ถึงอย่างนั้น บางคนก็มูฟออนไม่ได้สักที
แอดมิน B : ก็คงมีหลายสาเหตุแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นเพราะผูกพัน อยู่ด้วยกันมานาน หรือชอบไปคิดแทนเขาตลอด ว่าเขาจะต้องอย่างนี้ เขาจะต้องอย่างนั้น กลายเป็นว่าไม่ได้มามองตัวเองเลยว่าเป็นยังไง ผมเจอบ่อยนะ คนที่ไปคิดแทนอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งทำอย่างนี้ ๆๆ เขาก็คิดจากฝ่ายนั้นไง แต่ลืมคิดถึงตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น
แอดมิน A : แล้วผมว่ามันเกิดจากการที่เราไม่กล้าเดินออกมาด้วยแหละ กลัวว่าเดินออกมาแล้วมันจะเจ็บมาก
แอดมิน B : มันเกิดจากการที่เรามั่นใจ แล้วเราไปผูกติดกับคนคนนั้นว่า ต้องเป็นเขาเท่านั้น ซึ่งบางทีก็อาจจะไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรือเปล่า
แอดมิน A : คือจริง ๆ เดินออกมาน่ะ มันเจ็บอยู่แล้ว แต่ว่าในระยะยาวเนี่ย
แอดมิน B : เจ็บสั้นดีกว่าปวดนาน
แอดมิน A : ซึ่งบางคนก็ไม่กล้าที่จะแลกตรงนี้ เพราะด้วยอาจจะผูกพัน หรืออะไรก็ตาม
แอดมิน B : คือบางคนก็จะกล่อมประสาทตัวเองว่า “โห…คนนี้นี่คือที่สุดแล้ว ไม่มีใครเท่าคนนี้แล้ว”
แอดมิน A : กลัวว่ามูฟออนไปแล้วอาจจะไม่เจอคนที่ดีแบบนี้อีกแล้ว
แอดมิน B : แต่สุดท้ายเราก็ควรที่จะนึกถึงตัวเองเป็นหลัก ว่าการที่อยู่แบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ มันเวิร์กเหรอ ที่มูฟออนไม่ได้ แล้วนั่งเศร้าเป็นวัน ๆ หนักมาก
แล้วเคยมีประสบการณ์มูฟออนไม่ได้กันบ้างไหม
แอดมิน B : โห…มี ๆๆๆ ตอนเด็ก ๆ นี่ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) ถึงขั้นเพ้อเลย
แอดมิน A : ใช่ ๆๆ ตอนเด็ก ๆ ประมาณ ม.1 นี่ผมนอนกอดแม่เลยนะ (หัวเราะ) เพราะคนนั้นคือหนักจริง หลอนยิ่งกว่าผีอ่ะ ยิ่งกว่าผีดุอีก แบบว่าไปแล้วกลับ ไปแล้วกลับอยู่ประมาณเป็นปี
แอดมิน B : ให้กลับมาอีกทีจะยอมไหม
แอดมิน A : ยอมสิ ยอมกลับไปเริ่มต้นใหม่
แอดมิน B : แต่พอช่วงหลัง ๆ ประมาณห้าปี ช่วงที่เริ่มโต ก็เริ่มโอเค เริ่มจะจัดการ…
แอดมิน A : เริ่มเจ้าชู้แล้วนี่ เราอ่ะ
แอดมิน B : ไม่ใช่ ! (หัวเราะ) เราเริ่มจะจัดการความคิดตัวเองเป็นว่าแบบ เออ เศร้าพอประมาณ แล้วก็ช่างมันเถอะ ทำงานดีกว่า แล้วก็เฮ ๆๆ กับเพื่อน เพราะว่าพอเราโตขึ้น เราก็จะมีโอกาสได้เจอคนเยอะขึ้น เจอเพื่อน เจอคนใหม่ ๆ
บางทีมันก็อาจจะดูรวดเร็วนะ แต่ว่ามันก็เป็นการรักษาจิตใจที่ดีมาก ๆ ได้เจอคนที่เห็นว่าเราเศร้า แล้วทักเรา แล้วเขาก็รับฟังเราด้วย พอเราโตขึ้น ได้เจอคนเยอะขึ้น เจอคนใหม่ ๆ บ้าง มันก็ลดความฟูมฟาย ขังตัวเองอยู่ในห้องให้น้อยลงได้แหละ
เวลาที่คิดมุกในเพจ มีอันไหนไหมที่รู้สึกว่ามันจึ๊กใจมาก แบบว่าเล่นเอง เจ็บเอง เศร้าเอง
แอดมิน B : มีครับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนมากกว่า แบบว่าดู ๆ กับเราอยู่ แต่แอบไปคบกับคนนี้เฉยเลย หรือแบบ อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนเป็นปี สุดท้ายก็ไม่ได้ให้สถานะเราก็มี
แอดมิน A : ของผมมีนะ ที่แบบว่าหายไปทั้งวันเนี่ย รู้เลยว่าแบตฯ มือถือหมดใช่มั้ย แบตฯ หมดแน่ ๆ เลย มันเป็นเหตุการณ์ที่ผมเคยโดนจริง ๆ ก็คือ เขาหายไปเลย แล้วเขาก็บอกว่า “อ๋อ แบตฯ หมด” แล้วเราก็ อ๋อ โอเค ไม่เป็นไร อย่าลืมพกพาวเวอร์แบงก์นะ (หัวเราะ)
แอดมิน B : ไอ้เรื่องที่เราหลอกตัวเองแบบนี้ ครึ่งหนึ่งมันคือเรื่องจริงนะครับ คนเรามักจะคอยหลอกตัวเองอยู่เสมอ อย่างเช่นว่า เธอหายไปตั้งแต่สามทุ่ม คงนอนแล้วแหละ (หัวเราะทั้งคู่) สุดท้ายมาคุยกันตอนเช้า เมื่อคืนไปบ้านเพื่อนคงหนักแหละ อะไรแบบนี้ แล้วเราก็เชื่อ เชื่อหมดเลยว่าคนนี้ไม่มีอะไร หรือที่หายไปก็เพราะว่าไม่ว่าง ไม่ได้เล่นมือถือเลย เขาบอกอะไรเราก็เชื่อหมด
แอดมิน A : ความมองโลกในแง่ดีของเพจมันมาจากการที่เราเองก็เคยโดนมาก่อน
แอดมิน B : แต่ถามว่าเลิกไหม ก็ไม่เลิก เป็นการมองโลกในแง่ดีแบบหลอกตัวเองอยู่ เพราะว่าเราชอบผู้หญิงคนนี้ไง เธอพูดอะไรเราก็เอาตามนั้นแหละ เราจะได้รู้สึกว่าตัวเองสบายใจ จบเรื่องไปอีกเปลาะหนึ่ง “โอเค ๆๆๆ เมื่อคืนเธอนอนเร็วอ่ะดิ เหนื่อยอะไรมาล่ะ” แบบนี้
จริง ๆ เนื้อหาในเพจไดโนเศร้า ก็มีความเจ็บปวดอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน ถึงแม้เราจะรู้ แต่มันก็จะเจ็บปวด แต่ก็ไม่ยอมรักษาตัวเองสักที
แอดมิน A : คือรู้น่ะมันรู้แหละ แต่มันคงออกไม่ได้ภายในตอนนั้นเลย มันเป็นการหักดิบที่เราทำไม่ได้อยู่แล้วครับ เราคุยกับเขามาเต็มร้อยแล้ว อยู่ดี ๆ เราจะไปออกตอน 100 หรือ 90 มันทำไม่ได้แน่นอน
แอดมิน B : แล้วพอเขามีเรื่องแย่ ๆ 9 เรื่อง แต่พอเขาทำสิ่งดี ๆ กับเราแค่เรื่องเดียว เราก็จะรู้สึกดีขึ้นมาทันที จากนั้นก็คือไปไหนไมไ่ด้แล้ว
แอดมิน A : มันคือเรื่องจริงเลยครับ บางทีเราโกรธเขามาก ๆ ในเรื่องที่เขาทำ แต่แค่เขาทัก หรือส่งรูป หรือทำอะไรมา มันจบ มันหายไปหมด ได้รับการให้อภัยทันทีเลย คนที่เขายังอยู่ ยังมูฟออนออกไปไม่ได้ก็เพราะแบบนี้แหละ
แอดมิน B : ถ้าจะให้มูฟออนแบบหนัก ๆ ได้ก็คือ มันต้องเห็นแบบจะ ๆ เลยอ่ะ ว่าเขาไปแล้ว และไม่กลับมาแล้ว
แอดมิน A : มันต้องเจอ ต้องโดนด้วยตัวเองน่ะครับ ต่อให้เพื่อนมาพูด หรือต่อให้ไปอ่านอะไร มันก็ออกไปไม่ได้
แอดมิน B : ผมเคยคุยกับเพื่อนตลอดว่า มันเหมือนกับการเล่นเกมน่ะครับ คือถ้าเราเดินไปสุด Map แล้ว ตัวละครมันจะติด Map อ่ะ (ทำท่าตัวละครในเกมเดินติด Map-หัวเราะ) สุดท้ายมันจะไปไหนไม่ได้ แล้วเราจะยอมเอง
แอดมิน A : ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเดินไปสุดแล้ว เวลาจะออก มันจะออกมาเองครับ ไม่ใช่ว่าให้เพื่อนไปบอกว่า “มึงออกมาได้แล้ว” มันไม่ออกมาหรอก
แอดมิน B : ไปให้สุดไปเลย หลัง ๆ ผมเจอคนมาถามอะไรแบบนี้ ผมจะบอกว่า “งั้นมึงไปให้สุดเลย เอาเลยลองดู…” เอาให้รู้ไปเลย คือพอเรารู้ปุ๊บ มันจะแบบว่า…โป้งเดียวรู้เรื่องอ่ะ ถึงตอนนั้น ทุกคนมาขอบคุณเราด้วยซ้ำว่า “กูคิดได้แล้ว ขอบคุณมาก ๆ รู้งี้กูเชื่อมึงตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว”
แอดมิน A : เอาจริง ๆ มันคงไม่มีวิธีหรือ How-To ที่จะทำให้มูฟออนได้แบบทันทีหรอกครับ
(เหมือนจะจบ แต่ยังไม่จบ คลิกที่นี่อ่านหน้า 3 ได้เลยนะไอ้ต้าวอ่านเก่งงงง~)
ขอคุยนอกเรื่องหน่อยนะไอ้ต้าวอ่านทน~
อย่างที่รู้ว่า เพจไดโนเศร้า เป็นเพจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของคนอกหักช้ำรัก ถ้าเกิดวันหนึ่งไดโนเศร้าเป็นคน แล้วคนนั้นเกิดสมหวังในความรักขึ้นมา คุณทั้งสองคนคิดว่าเนื้อหาในเพจมันจะออกมาเป็นยังไง
แอดมิน B : (นิ่งคิด) สุดท้ายแล้วเพจมันก็มีเรื่องเล่าอยู่ดี เพราะว่าเราไปดึงเรื่องราวของคนโน้นคนนี้ในอดีตมาปะติดปะต่อกัน ดีไม่ดี การที่เราคบกับคนคนนี้ เราอาจจะได้เรื่องราวใหม่ ๆ ขึ้นมาก็ได้ เป็นคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง อะไรแบบนี้ เช่น “ปล่อยให้เรารอมา 5 ชั่วโมง อ๋อ เธอแต่งหน้าอยู่ใช่ไหม หรือที่จริงเธอยังไม่ตื่น” อะไรประมาณนี้ ผมว่ามันมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้เสมออยู่แล้ว
แอดมิน A : มันมีวัตถุดิบอยู่แล้วครับ วัตถุดิบตอนที่คบกับคนนี้ เราก็เอามาเล่าได้
แอดมิน B : อย่างผม 2 คนจะทำงานแบบ Commercial ซะเยอะ บางทีมันก็ต้องมีการ “เข้าทรง” กันบ้าง คือเราอาจไม่เคยมีเรื่องราว หรือมีเรื่องราวมาแล้วในอดีต แต่เราก็ต้องเข้าทรงให้มีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน เหมือนว่าเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ
แอดมิน A : มันเรียกว่าความสามารถได้ไหม (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะมีคนข้างกายแล้ว แต่เราก็สามารถจูนไปตอนที่เรายังแซดหนัก ๆ ได้ (แอดมิน B : หมุนหัวสมองไปตอนนั้นได้)
ใช่ ๆ คือ ณ ตอนนั้นเราไม่ได้เศร้านะ แต่เราสามารถนึกย้อนไปได้ว่า เราเคยโดนอะไรมาบ้างวะ อ๋อ เรื่องนี้…โอเค โพสต์เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส