ด้วยความงงงวยที่อยู่ ๆ คอนเทนต์อันดับ 1 บน Netflix บ้านเรากลายเป็นรายการเรียลลิตีโชว์ที่ร้อยวันพันปีไม่มีทางทะลุด่านคอนเทนต์ยอดฮิตอย่างซีรีส์เกาหลีได้ และรายการที่เราพูดถึงก็จะเป็นรายการอะไรไม่ได้นอกจาก Too hot to handle ฮอตนักจับไม่อยู่ รายการที่เอาหนุ่มสาวสุดฮอตมาอยู่รวมกันบนเกาะสุดสวยแต่ออกกฎห้ามมีกิจกรรมทางเพศเกิดขึ้นตั้งแต่ จูบกัน ล้วงจับของลับ กระทั่งไปถึงการซั่มกันซึ่งตลอด 8 ตอนของรายการเรียลลิตี (ที่ไม่ค่อยจะเรียลเท่าไหร่) มีอะไรน่าสนใจบ้างเราลองมาดูทีละประเด็น
เรียลลิตีฮอตจริง หรือแค่โฆษณา
เอาล่ะ ยอมรับเถอะว่าตัวอย่างรายการล่อเราด้วย 2 อย่างหนุ่ม-สาว สุดฮอตและกฎห้ามมีเซ็กส์ที่มีแต่คนจ้องจะแหกกฎจนเราอยากลุ้นว่าท้ายสุดแล้วจะเหลือเงินรางวัลซักกี่แดง โดยรายการเปิดมาด้วยเสียงบรรยายของสาวสุดกวนของ เดซีรี เบิร์ช ที่แนะนำผู้เข้าแข่งขันที่เป็นเหล่านักปัดแอปหาคู่นอนอย่าง โคลอี สาวสวยเซ็กซีจากอังกฤษ เดวิด หนุ่มแสนดี เฮลีย์ สาวผมบลอนด์หุ่นเอ็กซ์ นิโคล สาวน่ารักหุ่นสวย ฟรานเซสกา สาวแคนาดาสุดเซ็กซี่ ชาร์รอน หนุ่มผิวสีตัวเล็ก รอนด้า สาวผิวสีหน้าหวาน แฮรี หนุ่มออสเตรเลียขี้เล่น แมตธิว หนุ่มผมยาวที่ถูกขนานนามว่าเป็นพระเยซูประจำรายการ และ เคลซ์ หนุ่มผิวสีหุ่นล่ำจากอังกฤษ
และแค่ตอนแรกทุกคนก็แสดงความหื่นกระหายใส่กันอย่างไม่ยั้ง ก่อนจะเจอกฎเหล็กจากเอไอสุดเฮี้ยบอย่าง ลานา ที่เสนอเงินรางวัล 1 แสนดอลลาร์ แลกกับการเลี่ยงกิจกรรมทางเพศทุกอย่างนอกจากห้ามมีเซ็กส์แล้วการจูบ สัมผัสของลับ ทำรักด้วยปาก หรือกระทั่งการช่วยตัวเองจนครบ 1 เดือน และหากใครละเมิดกฎเงินรางวัลจะถูกหักไปเรื่อย ๆ เช่นการจูบจะทำให้เงินรางวัลถูกหัก 3,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายให้พวกเขาได้สานสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าเรื่องบนเตียง ซึ่งรายการก็พยายามโน้มน้าวชักจูงเราด้วยการเปิดตัวผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่ออกมาอวดสรรพคุณตัวเองอย่างไม่ยั้งแถมแต่ละคนก็ดูหื่นจนเกินมนุษย์เพื่อให้เห็นว่าภารกิจยากแค่ไหนแต่อาจทำให้ขาดความน่าเชื่อถือไปบ้าง
แต่เอาเถอะเรารู้กันดีแหละว่ารายการเรียลลิตีมีสคริปต์ทั้งนั้น แต่สิ่งที่มันพลาดจริง ๆ ก็คือการติดกับดักรายการประเภทเดตหาคู่ที่จะต้องมีผู้เข้าแข่งขันตัวขาย ซึ่งรายการก็เลือกมาถึง 3 คู่บางคู่ก็หวานเลี่ยนแล้วเขียนบทให้มีหักมุม บางคู่ก็พยายามขายความเซ็กซี่เกินเหตุท่ามกลางหนุ่มสาวที่ก็ไม่ค่อยใส่เสื้อผ้ากันอยู่แล้ว และแน่นอนว่าเมื่อรายการเล่นซ้ำทางกับเจ้าอื่นก็ช่วยไม่ได้ที่เราจะเริ่มเห็นความพยายามในการใส่ดราม่าที่ไม่เนียนเลยตั้งแต่ที่ทุกคนทะเลาะกันเรื่องมีคนทำให้เสียเงินรางวัล หรือกระทั่งการแก้แค้นของสาวแสบที่ต้องการให้เงินลดลงไปอีกด้วยการตั้งใจจูบเพื่อนตัวเอง ไปจนถึงดราม่าที่น้ำเน่าสุดขีดอย่างความลับของผู้เข้าแข่งขันที่มีครอบครัวแล้ว จนมันพลิกจากรายการเรียลลิตีขายความฮอตสู่ละครน้ำเน่ายุงชุมได้ภายในแค่ 3 ตอนของรายการเท่านั้นเอง
กติกา- กิจกรรมพัฒนาตัวเองที่เหมือนจะดี
ว่ากันถึงกติกาที่เชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ เกม ของรายการมีทิศทางกันบ้าง เรื่องการปรับเงินรางวัลอันนี้ไม่ติดใจอะไรนะครับ แต่ที่ติดใจมากคือกติกาของรายการดูไม่ชัดเจนเลย อย่างการออกไปของผู้เข้าแข่งขันที่อยู่จนถึงตอน 4 และเล่าแบบ flashback ทำให้รายการดูเป็นละครมากกว่าเรียลลิตีอย่างเห็นได้ชัด แถมมีคนที่อยากออกอยู่ดี ๆ ก็ออกไปเองอ้างว่าไม่ได้สนใจใครเลยในรายการ หรือการเพิ่มคนเข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อพิสูจน์ใจผู้เข้าแข่งขันที่แม้กระทั้่งเหลือแค่ 3 ตอนจะจบซีซันก็ยังอุตส่าห์มีคนเพิ่มมาได้อีก ทำให้ภาพรวมรายการดูมั่วซั่วอย่างเห็นได้ชัด และที่เลวร้ายที่สุดคือตอนสุดท้ายที่เอไออย่าง ลาน่า ดูไม่ค่อยฉลาดสมเป็นคอมพิวเตอร์เลยเพราะอยู่ดี ๆ นางก็จะคืนเงินรางวัลก็คิดกติกาง่าย ๆ และใช้ดราม่าคนในรายการมาเล่าเรื่องที่ดูปลอมและเป็นสคริปต์จนเกินเหตุไปมาก
ว่ากันถึงกิจกรรมพัฒนาตัวเองที่รายการพยายามหามาเพื่อให้มีสาระ โดยมีทั้งกิจกรรมคู่ที่เน้นความไว้เนื้อเชื่อใจ กิจกรรมชายล้วนที่เน้นเอาชนะความกลัวและกล้าหาญยอมรับตัวตน กิจกรรมผู้หญิงล้วนเพื่อเสริมพลังและทำให้รักตัวเองมากขึ้น ซึ่งถามว่ากิจกรรมดีไหมก็ดีนะครับแต่หลายครั้งมันดูทำให้โทนรายการที่จะขายความฮอตตอนแรกกลายเป็นรายการประเภทลัทธิพัฒนาตัวเองหรือโฆษณาไลฟ์โคชแบบผิดที่ผิดทางไปหมด แถมในกิจกรรมยังต้องพยายามให้เกิดดรามามีคนน้ำตาแตกหรือบทสัมภาษณ์เดี่ยวที่บอกความประทับใจต่อกิจกรรมด้วยแล้วยิ่งดูปลอมไปกันใหญ่เลย
ดราม่าผิดทาง สคริปต์นำความจริง
แม้เราจะยอมรับว่าแม้แต่รายการเรียลลิตีเองก็มีสคริปต์ แต่กับรายการอื่นเรายังได้เห็นมิติความจริง การแข็งขันที่ดูเป็นรูปธรรม ลำพังแค่เทียบกับรายการประเภทการทดลองทางสังคม (social experiment) อย่างพวก Survivor หรือ Big Brother เองต่อให้สคริปต์จะกำหนดดราม่ายังไงเราก็ยังมองผู้เข้าแข่งขันเป็นมนุษย์แต่กับ Too hot to handle เราจะได้เห็นแต่ละคนพยายามบริหารเสน่ห์ตลอดเวลาและแทบไม่มีแง่มุมอื่นใดเลยนอกจากเรื่องเซ็กส์ เรื่องการจับคู่ และตัวรายการยิ่งหนีห่างความจริงไปอีกเมื่อมันพยายามกำหนดสถานการณ์ที่ผู้เข้าแข่งขันเริ่มจับกลุ่มคิดแผนร้ายทำให้เงินรางวัลหักออกไป หรือกระทั่งการกำหนดให้มีความบาดหมางระหว่างคู่รักและกลับมาคืนดีกัน หรือกระทั่งการทำให้ผู้เข้าแข่งขันหญิงคนนึงเรียนรู้ชีวิตผ่านการหักหลังของผู้ชายเพลย์บอย จนเหมิอนมันถูกบังคับกลาย ๆ ว่ารายการจะต้องให้อะไรกับสังคมและสั่งสอนเรื่องความสัมพันธ์ให้ได้ ซึ่งผลลัพธ์นอกจากจะไม่คล้อยตามเท่าไหร่แล้ว ยังทำให้ทิศทางของรายการเป๋อีกด้วย
โอเคล่ะว่าหลายข้อมูลมันอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ เช่นสาวฮอตคนหนึ่งมีลูกแล้วและตอนท้ายพยายามจะให้คนรักเปิดใจให้เธอและลูกให้ได้ หรือกระทั่งชายหนุ่มที่เคยมีแผลใจจนสร้างกำแพงให้ตัวเอง ซึ่งคู่นี้ก็ดูจะขายดราม่าแบบละครน้ำเน่าเอามาก ๆ เมื่อมันถูกบอกเล่าด้วยโทนดราม่าของรายการเปลี่ยนอารมณ์คนดูแบบไม่มีที่มาที่ไป จนกลายเป็นว่าข้อมูลที่รายการให้มากลายเป็นสิ่งที่น่ากังขาแทนไปโดยปริยาย และนี่แค่ตัวอย่างหนึ่งนะครับ เพราะยังมีอีกที่รายการพยายามดันให้กลายเป็นคู่สาวร้ายกับหนุ่มเพลย์บอย หรือหนุ่มแสนดีที่ไม่ค่อยถูกเลือก ซึ่งกลายเป็นว่าพอรายการยิ่งทวีดราม่าเราก็ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าตัวรายการดูจะทำให้มันออกมาเป็นละครมากกว่าเรียลลิตีอย่างเห็นได้ชัด
สาวฮอตหนุ่มหล่อล่ำ ที่คลำหาเสน่ห์ไม่ค่อยจะเจอ
ปัญหาหลักจริง ๆ ที่รายการอาจต้องไปพิจารณาคือการนำเสนอและดำเนินเรื่องราวของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน เพราะเท่าที่ดูแล้วนอกจากตอนไพลอตมันแนะนำตัวสั้น ๆ ด้วย VTR แล้วเราก็แทบไม่รู้จักแต่ละคนในแง่มุมอื่นเลยในรายการ และยิ่งเป้าหมายแต่ละคนวนเวียนแค่หาคู่ เซ็กส์ หาคู่ เซ็กส์ ก็ทำให้พวกเขาเป็นแค่เซ็กส์แมชชีนเดินได้ ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าไอ้บีกีนี หรือ กางเกงขาสั้น ที่รายการยัดเยียดให้กลายเป็นยูนิฟอร์มพอดูไปนาน ๆ ก็เอียนได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะคนที่ได้แอร์ไทม์มากกว่าคนอื่นเช่น ฟรานเชนกา แฮรี ชาร์รอน รอนดา เดวิด และโคลอี ที่แม้จะมีเรื่องราวโดดเด่นกว่าคนอื่นแค่ไหนก็ต้องยอมรับว่ายิ่งดรามาทวีความเข้มข้นมันกลับทำให้เห็นถึงจุดอ่อนของสคริปต์รายการที่ไม่สามารถกระจายเล่าเรื่องคนอื่นได้อย่างทั่วถึง จนบางคนถูกรายการปฏิบัติให้เป็นแค่ตัวประกอบไปโดยปริยาย
นอกจากชื่อผู้เข้าแข่งขันเด่น ๆ ที่บอกไปแล้วคนอื่นแทบจะถูกทำให้เป็นตัวประกอบไปเลยอย่าง เคลซ์ หนุ่มผิวสีสุดล่ำชาวอังกฤษที่ตอนแรกดูสาว ๆ จะหื่นใส่กันก็กลับมีบทบาทแค่เป็นทางผ่านหรือบ่นเพื่อนที่ทำให้เงินรางวัลหายไป ไบรซ์ ผู้เข้าแข่งขันคนใหม่ที่เขามากลาง ๆ ซีซันก็มาอวดรวยและโชว์ตลกแต่มีบทบาทในเรื่องโรแมนติกด้วยเล็กน้อย แต่ที่น่าสงสารสุดคือ แมตธิว นิโคล เฮลีย์ ที่นอกจากจะไม่ได้จับคู่กับใครแล้วยังกลายเป็นตัวประกอบให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นได้เด่นไปอี๊ก จนงงมากว่ารายการเอาพวกเขามาทำอะไร ยิ่งพอมี โครี ลิเดีย และ แมดดิสัน มาสมทบอีกก็กลายเป็นยิ่งเพิ่มตัวประกอบเข้าไปในรายการและทำให้คนที่อยู่เดิมโดนบดบังไปอีกอย่างน่าเสียดาย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส