Release Date
06/04/2023
ความยาว
10 ตอน ตอนละประมาณ 30 นาที
Our score
8.0Beef
จุดเด่น
- ความโดดเด่นตามแนวหนังดราม่าตลกร้ายค่าย A24 มีให้เห็นแบบจัดเต็ม ทั้งสนุกหยุดดูหลุดลุ้นไม่ได้แถมจังหวะจะเอาเนื้อเอาหนังก็ใส่หมักซัดคนดูกลุ่มเป้าหมายเสียจุกทีเดียว การคัดเลือกนักแสดงและกการแสดงยอดเยี่ยมมาก
จุดสังเกต
- บางตอนมีฉากเซ็กที่เร่าร้อน มีบางช่วงของซีรีส์ที่การเล่าเรื่องเหมือนถูกข้ามบางฉากไปเหมือนกัน และฉากจบของหนังก็ออกปลายเปิดไว้นิด ๆ ซึ่งคนชอบเคลียร์ครบจบชัดก็อาจไม่ชอบได้
-
บท
8.5
-
โปรดักชัน
7.5
-
การแสดง
7.5
-
ความสนุกตามแนวหนัง
7.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
8.0
เรื่องย่อ: การแก้แค้นต้องจัดไปแบบดิบ ๆ คนแปลกหน้าสองคนบังเอิญเจอกันในวันห่วย ๆ ของทั้งคู่ จากเรื่องเล็กน้อยบนท้องถนนนำมาสู่ลูปการแก้แค้นไปมาที่ไม่จบสิ้น
อาจเรียกได้ว่าเป็นจังหวะที่ถูกต้องอย่างมากของเน็ตฟลิกซ์ ในการดึงค่ายหนังอินดี้อย่าง A24 ที่กำลังขึ้นหม้อจากผลงานการสร้างหนังอย่าง ‘Everything Everywhere All at Once’ (2022) จนกระหึ่มเวทีออสการ์ปีล่าสุดมาหมาด ๆ มาทำออริจินัลซีรีส์ของแพลตฟอร์มปล่อยในช่วงเวลานี้ แถมยังเป็นซีรีส์ที่มีกลิ่นรสบางอย่างใกล้เคียงกันด้วย
นอกจากสไตล์การนำเสนอแบบหนังอิสระที่ถูกจริตคนดูยุคใหม่ ทั้งการตัดต่อภาพและเสียง หรือการขึ้นกราฟิกอักษรที่ใช้น้อยแต่ได้มาก การวางจุดเซอร์ไพรส์ที่ชวนเหวออย่างแม่นยำ จากเรื่องราวคนทะเลาะกันบนท้องถนนที่จะเล่าไปทางดราม่าธริลเลอร์อย่างหนัง ‘Changing Lanes’ (2002) ก็ได้ แต่ครีเอเตอร์อย่าง อีซุงจิน (Lee Sung Jin) บิดแนวให้ไปเป็นซีรีส์ตลกร้ายที่เล่นกับโชคชะตาของตัวละครที่มีไดนามิกซับซ้อนทั้งความคิด การตอบสนองต่อสถานการณ์ชวนตลกร้าย และบรรดาตัวละครที่เข้ามาป่วนเรื่องราวให้หนักข้อและเตลิดเปิดเปิงไปกว่าเดิม ทั้งน้องชายไม่เอาอ่าวที่อยากเป็นชู้เมียชาวบ้าน ลูกพี่ลูกน้องอันธพาลที่มีแก๊งบ๊อง ๆ ทำแต่เรื่อง หรือสามีลูกแหง่ที่อยู่ใต้เงาผู้หญิงทั้งเมียทั้งแม่ตลอดเวลา เป็นต้น จนเราอยากดูอยากรู้ฉากต่อไปแบบหยุดไม่ได้
การแก้แค้นเองก็ทวีความโหดสะใจผู้ชมมากขึ้น ๆ และบางทีก็อดขำหรืออดเศร้าไปกับตัวละครไม่ได้เพราะหลายครั้งมันก็เป็นเพียงเหตุโอละพ่อหรือเรื่องเข้าใจผิดที่ทำให้เรื่องอุรุงตุงนังเข้าไปอีก และพอรู้ตัวอีกทีมันก็กลายเป็นซีรีส์ดราม่าก้าวพ้นวัยของคนวัย 30-40 ปีที่ต้องทุกข์ทนกับยุคสมัยปัจจุบันได้อย่างน่าชื่นชม
ซีรีส์ขับเคลื่อนด้วยตัวละครที่มีมิติน่าสนใจ มีความซับซ้อนในความคิดเช่นมนุษย์จริง ๆ คนที่ดีก็อาจมีวันแย่ ๆ และอยากหาที่ระบายด้วยการทำร้ายใครสักคนด้วยวาจาหรือการกระทำเช่นการชูนิ้วกลางใส่ ซึ่งเราก็คงพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน แต่แทนที่เรื่องราวจะจบสวย ๆ ด้วยการแค่พลาดแล้วขอโทษมันก็ขยายกลายเป็นการจองเวรจองกรรมและเล่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นข้อคิดให้คนดู
แต่ซีรีส์ก็มีความเจ๋งมากกว่าแค่ข้อคิดทื่อ ๆ ที่รู้มาตั้งแต่ดูตัวอย่างหนัง เพราะเมื่อเรื่องดำเนินไปเราจึงได้เห็นว่ามันแฝงไปด้วยเรื่องชวนคิดอีกมาก ทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว ความซื่อสัตย์ของคู่ชีวิต ความแตกต่างของพื้นเพคนที่หลากหลายภายใต้สังคมเดียวกัน และอะไรอีกหลายอย่างเหมือนเราได้ดูทั้งหมดของชีวิตมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นตำราบทเรียนเล่มใหญ่ภายในเวลา 10 ตอนเลยทีเดียว
ซีรีส์เรื่องนี้ยังใช้ความเป็นเอเชียขับเคลื่อนปมของตัวละครไม่ต่างกันกับหนังดังของ A24 เรื่องล่าสุด ตัวเอกอย่าง เอมี่ เติบโตมาจากครอบครัวผู้อพยพชาวเวียดนามรับบทโดย อาลี หว่อง (Ali Wong) ศิลปินตลกชื่อดัง ที่หากใครเคยดูโชว์ของเธอมาบ้างจะพบว่าหว่องเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะเธอเป็นทั้งคุณแม่และภรรยาแนวสู้ชีวิต ผ่านการเติบโตใต้ความกดดันของวัฒนธรรมครอบครัวอพยพชาวเวียดนามและจีนในสังคมอเมริกันเหมือนกัน
และทักษะการแสดงของหว่องที่แม้จะมีผลงานอย่าง ‘Always Be My Maybe’ (2019) มาก่อนหน้าในเน็ตฟลิกซ์ แต่ต้องบอกว่าเธอได้โชว์ของทุกรสทั้งเซ็กซี่ เฉิ่ม ตลก ดราม่าแบบจริงเต็ม ๆ ก็งานนี้เอง
ในขณะที่ตัวเอกอีกคนอย่าง แดนนี่ ที่รับบทโดย สตีเฟน ยอน (Steven Yeun) ก็นำเสนอการต่อสู้ของผู้อพยพชาวเกาหลีที่พยายามตั้งตัวผ่านความกดดันของการเป็นพี่ชายและลูกชายคนโต ที่ต้องเป็นที่พึ่งพาให้น้องชายและพ่อแม่
คือหนังนำเสนอตัวแทนของเด็กเจนวายที่เกิดในช่วงปี 1980 ภายใต้คติครอบครัวแบบเอเชียที่ถูกคาดหวังจากคนเจนก่อน โดย 9 ตอนแรกเหมือนหนังตลาดขนาดยาวที่ปูทางมาใส่ทุกอย่างมาได้อย่างครบรส เพื่อให้ตอนที่ 10 ที่มันเปลี่ยนอารมณ์แรง ๆ มันทำงาน ซึ่งในตอนเดียวมันเป็นบทสรุปของทุกอย่างได้เลย บทสนทนาของสองตัวละครนำมันคมและน่าจะโดนใจคนเจนวายที่กำลังแบกภาระเป็นกลุ่มแรงงานหลักของสังคมปัจจุบันอย่างมาก ทั้งเงื่อนไขของความรัก โรคซึมเศร้า การยอมรับตัวตน เชื่อว่าหลายคนได้สนทนากับตัวเองผ่านซีรีส์และอาจได้คลี่คลายปมในใจหลายอย่างได้พร้อมกันทีเดียว
โดยสรุปต้องบอกว่านี่เป็นซีรีส์คุณภาพบนเน็ตฟลิกซ์ที่อาจมีพื้นที่บนเวทีรางวัลและพื้นที่ในหัวใจของผู้ชมหลายคนได้ไม่ยาก อยากให้ผู้ชมทั่วไปลองเปิดใจกับแนวหนังอินดี้ดูและจะพบว่ามันไม่ได้ย่อยยากอย่างที่คิดเลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส