[รีวิว] Black Crab: สงครามบนลานน้ำแข็ง ของดีที่ห้ามมองข้าม

Release Date

18/03/2022

ความยาว

114 นาที

[รีวิว] Black Crab: สงครามบนลานน้ำแข็ง ของดีที่ห้ามมองข้าม
Our score
8.0

Black Crab

จุดเด่น

  1. มีฉากหลังที่แปลกตาน่าสนใจ บทชวนให้คิดและติดตาม การออกแบบศิลป์และการถ่ายภาพมีชั้นเชิง นักแสดงสายฝีมือเล่นกันได้ดี

จุดสังเกต

  1. ยังข้ามกำแพงความเป็นหนังเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้ ซึ่งโปรดักชันมักจะมีบางช่วงที่มาตรฐานตกลง พากย์ไทยมีจุดผิดพลาดอยู่บ้าง
  • บท

    7.5

  • โปรดักชัน

    8.0

  • การแสดง

    8.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    8.5

  • ความคุ้มค่าการรับชม

    8.5

เรื่องย่อ: ฤดูหนาวเยือกแข็งแสนหฤโหดในโลกยุคล่มสลายเพราะสงคราม ทหาร 6 นายถูกรวบรวมมาทำภารกิจเสี่ยงตายโดยการขนส่งแคปซูลปริศนาที่จะช่วยยุติสงคราม แต่ปัญหาคือพวกเขาต้องเข้าสู่แดนของศัตรูข้ามทะเลที่กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา

หนังจากเน็ตฟลิกซ์สวีเดนอาจไม่ได้เป็นที่สนใจในบ้านเราบ่อยนัก หรือพูดให้ถูกคือหนังโซนยุโรปที่ไม่ใช่จากประเทศอังกฤษถือว่าเป็นของไม่ถูกโฉลกกับคอหนังบ้านเราเสียส่วนใหญ่ และหนังเรื่องนี้จึงพยายามขายดาราอย่าง นูมิ ราเพซ (Noomi Rapace) ที่โด่งดังจากหนัง ‘The Girl with the Dragon Tattoo’ (2009) ฉบับดั้งเดิมของสวีเดน จนมีโอกาสได้ร่วมงานหนังบล็อกบัสเตอร์ฝั่งฮอลลีวูดอีกมากมายหลังจากนั้น เป็นดาราสวีเดนไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างแท้จริง เพื่อทำให้หนังน่าสนใจสำหรับคอหนังทั่วไปมากขึ้น

Black Crab

ทว่าเมื่อรับชมเข้าจริงแล้ว ต้องยอมรับว่านี่เป็นหนังแนวโรดมูฟวี่ที่เปลี่ยนจากท้องถนนเป็นทะเลน้ำแข็ง เปลี่ยนจากดราม่าเพื่อนร่วมทางไปสู่ความเข้มข้นของนายทหารจำเป็นในสงคราม ที่ภารกิจไม่ใช่การตามหาความฝันหรือเรียนรู้ชีวิตแต่เป็นการเอาชนะสงคราม เป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงหนังสงครามที่เดินเท้าเข้าแดนศัตรูอย่าง ‘Saving Private Ryan’ (1998) ในแบบที่ลดดีกรีความคลาสสิกลงมา ไม่ละเมียดเท่าแต่ก็มีกลิ่นความระทึกและน่าติดตามอย่างมีชั้นเชิงเช่นกัน

ราเพซรับบทเป็นคุณแม่ที่พลัดพรากจากลูกสาวไปขณะสงครามเริ่มต้นได้ไม่นาน เธอจึงเข้าเป็นทหารเพื่อตามหาลูกและวันหนึ่งก็ถูกตามตัวเร่งด่วนเพื่อเข้ารับภารกิจปูดำที่ต้องอาศัยความมืดยามค่ำคืนไถสเกตข้ามทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็งดำเพื่อไปส่งแคปซูลบางอย่างที่จะช่วยให้สงครามยุติในดินแดนของศัตรู แต่เธอเพียงต้องการไปพบลูกสาวที่มีรายงานว่าอยู่ที่เมืองดังกล่าวเท่านั้น

Black Crab

และเมื่อกลุ่มจัดตั้งอย่างเร่งรีบทหารอีก 5 คนที่ถูกเข้าร่วมภารกิจจึงต่างทั้งบุคลิกและจุดมุ่งหมาย มีคนที่แก่วุฒิภาวะสูงคอยเป็นกาวใจ มีสไนเปอร์หนุ่มที่ยังคงมองหาเหตุผลของสงคราม มีพลวิทยุสื่อสารที่ร้อนรนเพราะไม่รู้ว่าแฟนสาวเป็นหรือตายเมื่อเขาจากมา รวมถึงทหารอาชีพที่เหมือนรู้ลับลมคมในของภารกิจบางอย่างอยู่ ทั้งหมดก็สร้างเคมีในกลุ่มให้ดูมีความขัดแย้ง ความไม่ลงรอย และก่อความผูกพันแบบแปลก ๆ ขึ้นระหว่างการเดินทาง

Black Crab

ตรงนี้เป็นจุดดีทีเดียวที่หนังไม่ปูเรื่องราวของตัวละครอื่นมากนัก แต่ให้เราค่อย ๆ รู้ไปเอง ทำให้หนังไปเน้นการคิดเส้นเรื่องและอุปสรรคระหว่างทางได้อย่างน่าตื่นเต้น เช่น บ้านของคู่สามีภรรยาที่ไม่ยอมอพยพ ป้อมปืนกลบนเกาะกลางทะเล แผ่นน้ำแข็งเปราะบางที่พร้อมจะแตกเมื่อก้าวผ่าน เป็นต้น หนังจึงดูสนุกและลุ้นระทึกบ้าง ถ้าเป็นเกมก็คือมีการออกแบบด่านได้อย่างน่าสนใจ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของตัวละครที่เราชมอยู่ได้ดีจนละสายตาไม่ได้ในที่สุด

Black Crab

และอีกจุดเด่นของหนังที่ชอบมากคือ การเป็นหนังสงครามที่สมรภูมิแปลกตามาก เป็นลานสเกตน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตาที่ต้องระวังทั้งข้าศึกและธรรมชาติที่อยู่รอบตัว การถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมกว้างที่เห็นทิวทัศน์ของแผ่นน้ำแข็งเป็นลวดลายต่าง ๆ ก็ดูสวยและดูลึกลับไปพร้อมกัน แล้วประกอบกับการออกแบบฉากที่แปลกตาหลายครั้งอย่างทุ่งสังหาร หรือเรือขนาดใหญ่ ที่เกาะกลืนกับแผ่นน้ำแข็ง มันทำให้หนังดูมีรสนิยมอยู่ไม่น้อยเลย

Black Crab

กล่าวได้ว่า ‘Black Crab’ เป็นหนังที่ดูเอาสนุกเอามันก็เพลิดเพลิน ดูภาพเอาเพลินสายตาก็น่าประทับใจ ไม่สั่งสอนคนดูจนเกินงามปล่อยพื้นที่ว่างให้ผู้ชมได้คิดพอสมควร และแม้ตอนจบอาจจะเปลี่ยนโทนหนังไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการลงของหนังที่ควรจะเป็นได้ดี เป็นประเภทหนังเน็ตฟลิกซ์ที่นาน ๆ ทีเราบังเอิญเปิดเจอแล้วพบว่ามันสนุกจนต้องบอกต่อครับ

Black Crab

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส