Lights Out เป็นหนังผีสไตล์ใหม่ด้วยคอนเซ็ปท์ที่จัดจ้านมากๆ อย่างผีกลัวแสงสว่าง ที่แบบผลุบๆ โผล่ๆ ตามการเปิดปิดไฟ ซึ่งไอเดียนี้โดดเด้งมาตั้งแต่สมัยยังเป็นหนังสั้นชื่อเรื่องเดียวกันของผู้กำกับ David F. Sandberg แล้ว เชื่อว่าบางคนคงเคยได้ชมหนังสั้นสุดสยองเรื่องนี้ผ่านตากันบ้างแล้วแน่ๆ
ตัวหนังสั้นนี้ทำเมื่อปี 2013 และคว้ารางวัลสาขาหนังสั้นยอดเยี่ยมในเทศกาล FANT Bilbao 2014 และ Fright Meter Awards 2014 มา ทั้งยังคว้ารางวัลกำกับหนังยอดเยี่ยมของเวที Who’s There Film Challenge อีกด้วย เรียกว่าหนังสั้นแกเข้าตาป๋าใหญ่หนังสยองขวัญอย่าง James Wan แห่ง The Conjuring เข้าอย่างจัง นอกจากจะโปรดิวซ์ให้กำกับ Lights Out ขยายเป็นหนังยาวแล้ว ยังถวายหนังสุดฮิตอีกเรื่องอย่าง Annabelle 2 ให้กำกับเรียบร้อยแล้วด้วย
ซึ่งถ้าใครได้ดูหนังสั้นจะเห็นว่า Lotta Losten นักแสดงคู่บุญของผู้กำกับ ที่เป็นตัวละครป้าในเรื่อง ก็ได้มาโผล่รับเชิญเป็นคนโดนหลอกคนแรกในตัวหนังยาวด้วย ตรงนี้ผมอาจจะมาแนะนำหนังสั้นฝีมือเฮียแซนด์เบิร์กในภายหลังกัน มีหลอนๆหลายเรื่องเลยล่ะ น่าสนใจมากๆครับ
คราวนี้พอต้องมาขยายหนังสั้นเป็นหนังยาว แซนเบิร์กก็ได้ Eric Heisserer มือเขียนบทหนังสยองขวัญ อย่างงานรีเมค A Nightmare on Elm Street (2010) และ Final Destination 5 (2011) มาช่วยเติมเรื่องเติมราวได้แน่นขึ้น กลายเป็นหนังดราม่าครอบครัวที่ต้องต่อกรกับผีร้ายที่คุกคามได้น่าติดตาม ซึ่งก็เหมือนจะเป็นลายเซ็นของหนังในปกครองของ เจมส์ วาน เหมือนกันนะ ที่จะมีดราม่าพลังครอบครัวเป็นแก่นกลางเรื่องเสมอ
ดราม่าว่าดีแล้ว แต่ที่ต้องชื่นชมเลยคือ ส่วนของการสืบหาความจริงของตัวผีที่มักเป็นตัวเดินเรื่องสำคัญในหนังสยองขวัญยุคใหม่ ที่ทำได้ลุ้นและหลอนดี นักแสดงก็เล่นได้โอเคตามมาตรฐานหนังสยองขวัญ โดยเฉพาะนักแสดงนำอย่างสาว Teresa Palmer นั้นก็มีเสน่ห์ชวนดูจนจบได้เหมือนกัน ในขณะที่น้องหนู Gabriel Bateman ในบทน้องชายที่ต้องถูกคุกคามจากแม่และผีก็น่ารักชวนเอาใจช่วยอยู่เหมือนกัน ขัดใจนิดหน่อยตรงดีไซน์ของเจ้าตัวผี ที่ชวนให้นึกถึงหนังเรื่องอื่นๆพอสมควรทั้งมือเรียวยาวสีดำและผมเผ้าพะรุงพะรัง คือผมชอบดีไซน์ในตอนหนังสั้นมากกว่านะที่เห็นเป็นร่างเปลือยดูเลือดๆ ยืนหันหลังน่ะ หลอนมากจริงๆ
แล้วก็น่าเสียดายอีกนิดว่า ตัวเนื้อเรื่องที่ขยายมานี้ออกจะเชยๆ เดิมๆ กับหนังสยองขวัญที่ผ่านๆมาไปหน่อย ขนาดชื่อไทยยังเป็น มันออกมาขย้ำ คือโคตรฟีลหนังสยองยุคเก่าๆ เลย นี่ถ้าได้ตัวเรื่องล้ำๆบทมีสไตล์ๆหน่อยมาช่วยขับเน้นตัวพล็อตและไอเดียของผีที่มีวิช่วลด้านภาพเทพๆอย่างที่บอกนั้น หนังเรื่องนี้คงเป็นงานขึ้นหิ้งแบบ It Follows (2014) ที่มีองค์ประกอบคล้ายๆกันได้ไม่ยากเลยล่ะ
แต่ถึงจะว่าไปอย่างนั้น ตัวหนังจริงๆ ก็ยังดูสนุกเอามากๆ นะ โดยเฉพาะช่วงไคลแม็กซ์ของหนังที่ทำเอาคนดูช่วยลุ้นตัวละครจนก้นแทบไม่ติดเก้าอี้เลย แถมยังกล้าปล่อยมุกฮาๆ มาได้แบบแม่นยำด้วย เรียกว่าสุดยอดเลยล่ะสำหรับหนังยาวเรื่องแรกแบบนี้
ทริกการหลอกหลอนต่างๆก็ได้ทีมจาก เจมส์ วาน มาช่วยปรุงแต่งอย่างดี แม้จะไม่ได้เยอะและแม่นเท่าหนังอย่างเดอะ คอนจูริ่ง แต่ก็มีจังหวะหนักๆ เอาคนดูอยู่ ให้ผวาขนลุกเกลียวได้ตลอดเรื่องเลย แต่สำหรับคอหนังผีแบบฮาร์ดคอร์ก็คงต้องบอกว่ายังไม่บีบกดดันเราจนยอมแพ้ปิดตาดูขนาดนั้นล่ะนะ ทว่าสำหรับคนดูทั่วไปคิดว่าหนังโคตรน่ากลัวเลยล่ะ
สรุป
เชื่อว่าหลายคนไปดูคงหลอนติดหัวกลับมาบ้านแน่ๆ แนะนำว่าสำรวจไฟที่บ้านไว้ก่อนเลยนะครับว่าใช้หลอดประหยัดไฟมั้ย เพราะคงต้องนอนเปิดไฟกันไปอีกหลายๆ คืนแน่ๆ ล่ะ 55555
หนังเข้าฉายจริง 21 กรกฎานี้ แต่มีรอบพิเศษหลังสองทุ่มตั้งแต่คืนวันเสาร์นี้ไปครับ จัดซะ