Death Note 2016 Light Up the New World เป็นชื่อภาคล่าสุดฉบับหนังโรง หลังจากปล่อยสองภาคก่อนหน้าออกมาในปี 2006 โดยดัดแปลงมาจากหนังสือมังงะชื่อดังซึ่งแฟนๆน่าจะคุ้นชื่อกันดีแล้ว กับการต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันระหว่างสองอัจฉริยะที่ถือหางความยุติธรรมกันคนละด้าน คิระ หรือ ยางามิ ไลท์ เด็กหนุ่มผู้ได้รับพลังจากสมุดมรณะของยมทูตนาม ลุค ซึ่งเลือกสร้างความยุติธรรมโดยการใช้พลังฆ่าอาชญากรทั่วโลก กับ นักสืบปริศนาสมญานาม L ผู้ไล่ล่าคิระในฐานะอาชญากรคนสำคัญเพื่อสร้างความเป็นธรรมว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ โดยเป็นการฟาดฟันกันด้วยชั้นเชิงและไหวพริบล้วนๆ
มาในภาคใหม่นี้ ได้เดินเรื่องต่อจากภาคก่อนหน้าเป็นเวลา 10 ปีถัดมา หรือในปี 2016 นี้เองโดยเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ตามกำหนดฉายของตัวหนังด้วย สำหรับใครที่ไม่เคยดูหนังสองภาคก่อนหน้า ไม่เคยดูทีวีซีรีส์ ไมเคยอ่านมังงะ หนังมีการปูเนื้อเรื่องให้เข้าใจได้โดยไม่สับสนครับ เริ่มจากแนะนำและอธิบายว่าอะไรคือสมุดมรณะกันเลยทีเดียว สำหรับแฟนๆที่ติดตามกันมาอย่างงอมแงมหนังก็จั่วหัวด้วยการบอกว่าในบทใหม่นี้โลกมนุษย์มีสมุดมรณะทั้งหมด 6 เล่มเลย ก็สร้างความสนใจให้ติดตามเนื้อเรื่องไปพร้อมๆกับคนเพิ่งดูได้ไม่เบื่อครับ
หนังเล่าถึงทีมงานไล่ล่าของกรมตำรวจที่ยกชุดใหม่ มีเพียงตัวละครเก่าจากภาคก่อนรอดมาแค่เพียง มัตสุดะ โดยทีมใหม่นี้มีศูนย์กลางอยู่ที่ มิชิมะ นายตำรวจผู้หมกมุ่นกับสมุดมรณะเป็นแนวหน้าหลัก นอกจากนี้ยังได้รับการช่วยเหลือจาก ริวซากิ ผู้สืบทอดอุดมการณ์และความแปลกประหลาดอินดี้ของ L มาแบบเต็มๆ ซึ่งก็ไม่แปลกนักเพราะเจ้าตัวแนะนำตัวแต่ต้นว่าตัวเองคือโคลนของ L นั่นเอง แล้วทีมนี้ก็เปิดตัวด้วยความไม่ลงรอยระหว่างสองหนุ่มนี้ล่ะครับ ออกจะใช้สูตรแบบหนังตำรวจคู่หูมาเล่นพอสมควร
ทางด้านฝ่ายตัวร้ายก็มาแบบให้ปริศนาตัวโตๆกับคนดู โดยยื่นโจทย์มาเลยว่า ชิเงน อาชญากรไซเบอร์ผู้มีความสามารถด้านการแฮกระบบเป็นผู้รับเจตนารมณ์ของคิระมา โดยเจ้าตัวประกาศว่าไลท์อาจจะยังมีชีวิตอยู่ในนาม คิระคนใหม่ ที่ออกมาฆ่าคนจำนวนมากหลังจากคดีสมุดมรณะเว้นหายไปถึง 10 ปีเต็ม ชิเงนได้รับโจทย์จากจดหมายที่คิระคนใหม่ส่งต่อผ่านยมทูตลุคมาว่า ให้รวบรวมสมุดมรณะทั้ง 6 เล่มให้ได้ แล้วจะเปิดดอกาสให้มาพบกับคิระตัวจริง ชิเงนจึงต้องดึง มิสะ ผู้ถือสมุดมรณะในภาคก่อนมาเพื่อสานทางไปยังคิระตัวจริง ที่เขาเชื่อว่าคือพระเจ้าของโลกยุคใหม่
งานนี้จึงเป็นการแข่งขันกันทั้งภายในทีมตัวเอก และภายในทีมตัวร้าย ทั้งเป็นการไล่ล่าชิงไหวพริบกันระหว่างตำรวจและผู้ร้ายด้วย โดยมียมทูตเป็นตัวประสานเสี้ยมอยู่เบื้องหลัง ซึ่งในหนังภาคใหม่ก็มาทั้ง ลุค เจ้าเก่า รวมถึงหน้าใหม่อย่าง เบ็ปโปะ และ อาม่า ด้วย
หนังภาคนี้พูดตรงๆ มีโปรดักชั่นที่ดีสมกับเป็นหนังฟอร์มใหญ่ของญี่ปุ่นครับ ซีจีสวยเนียนตามากๆ แคสติ้งต่างๆก็ลงตัว ไม่มีหลุดเอาฮาประหลาดๆเลย หนังค่อนข้างคุมธีมเคร่งขรึมและดราม่าอยู่ในที โดยคลุมทั้งหมดด้วยปริศนาต่างๆให้คนคิดสืบหาว่าใครคือคิระกันแน่ด้วย ผมดูไปถึงช่วงท้ายก็พบว่าหนังน่าจะคิดพล็อตจากบทสรุปคืออยากให้เรื่องเดินมาจบแบบนี้ แล้วค่อยมาคิดวิธีเดินเรื่องมาให้ถึงบทสรุปทีหลังมากๆครับ เพราะบทคลี่คลายและส่งท้ายของหนังค่อนข้างหวือหวาและประกาศการเริ่มต้นใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากๆสมชื่อ New World จริงๆ ทั้งการเฉลยเป้าหมายที่แท้จริงของเหล่ายมทูตซึ่งเหมือนจะเป็นเป้าหมายใหม่ของหนัง และการสร้างตัวละครใหม่ที่จะดำเนินเรื่องในภาคถัดๆไปด้วย
ในขณะเดียวกัน ระหว่างทางก่อนมาถึงบทสรุป หนังเดินเรื่องได้แบบเสมอตัวค่อนข้างออกไปทางน่าเบื่อนิดๆด้วยครับ ไม่มีความน่าสนใจหรือสถานการณ์พลิกผันให้ตื่นเต้น การชิงไหวชิงพริบก็จัดว่าอยู่ในขั้นธรรมดาๆมาตรฐานๆ ไม่ว้าวเท่าไร ที่พยุงตัวหนังอยู่ได้มาจากปริศนาที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องล้วนๆครับทั้งเรื่อง ยางามิ ไลท์ ที่อาจจะยังไม่ตาย รวมถึงตัวตนของคิระคนใหม่ ถ้าไม่มีตรงนี้มาดึงให้ต้องติดตามหนัง ตัวหนังค่อนข้างน่าหลับกันเลยล่ะครับ
สรุป
หนังเหมาะทั้งแฟนเก่า และคนที่ไม่เคยดูครับ ก็ดูรู้เรื่องพอสมควรเลย เพราะหนังปูให้ใหม่เหมือนพวกหนังภาคแรก ซึ่งก็จบแบบหนังภาคแรกที่ทะเยอทะยานเรียกร้องการมีภาคต่อมากๆด้วย ตรงนี้ก็เลยให้ความรู้สึกว่าหนังมันเริ่มว้าวแค่ช่วงๆหลังๆถึงจบ ในขณะที่ช่วงแรกถึงกลางๆจัดว่าเฉยๆ จนถึงน่าเบื่อเสียด้วยครับ แต่ตรงนี้ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับแฟนๆแน่ครับ หนังมีรายละเอียดให้ชวนคิดตามได้เรื่อยๆเลย ถ้าชอบกันมาก็ควรดูครับเพราะหนังเปิดทางใหม่ๆไว้เยอะเลย แต่ถ้าไม่ได้อะไรกับหนังภาคเดิมๆ นี่ก็ไม่ใช่หนังที่ต้องขวนขวายรีบไปดูขนาดนั้นครับ