Play video

และแล้ว มหากาพย์บทรักเจ็บเสียวในห้องแดง ก็ดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์(ตามโฆษณา)เสียที หลังแนะนำเราให้รู้จัก คริสเตียน เกรย์ (เจมี ดอร์แนน) และ อันนาสเตเชีย (ดาโกตา จอห์นสัน) คู่รักเจ็บลึกที่สานสัมพันธ์กันมาทั้งในฐานะ คู่สัญญาเจ็บสวาทใน Fifty Shades of Grey (2015), แล้วพัฒนาจากความเปลี่ยวมาสู่ความรักใน Fifty Shades Darker (2017) จนมาถึง Fifty Shades Freed ภาคล่าสุด เมื่อชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ถูกทดสอบด้วยนิยามความเป็นครอบครัว และได้ลุ้นระทึกกับการตามล้างตามเช็ดของ แจ็ค อดีตหัวหน้าอันนาสเตเชียที่ถูกไล่ออกจากบริษัทไปในภาคที่แล้ว


 


สิ่งหนึ่งที่ควรทำความรู้จักกับหนังชุด Fifty Shades คือแม้มันจะเอาเซ็กส์แบบ BDSM (Bondage , Discipline, Sadism, Masochism) มาเป็นจุดขายแต่การนำเสนอก็ไม่ได้รุนแรงแบบถึงเลือดถึงเนื้อเหมือน In The Realm of the senses (1976) หนังญี่ปุ่นที่ถือเป็นบิดาแห่งหนังทางนี้ ตรงกันข้ามสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกดูจะคลั่งนิยายและหนังชุดนี้คงเป็นแฟนตาซีโรแมนติกชวนเพ้อเรียกง่ายๆนี่คือ ซินเดอเรลลาฉบับซั่มสวาทที่เปลี่ยนจากเจ้าชายมาเป็นหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีคลั่งเซ็กส์แบบเจ็บๆ และนางซินก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อันนาสเตเชีย ที่ค่อยๆถูกเปลี่ยนจากนักศึกษาแต่งตัวบ้านๆสู่ชีวิตครอบครัวไฮโซที่สาวๆสามารถเพ้อฝันเอาตัวเองไปแทนที่หล่อนเพื่อตอบสนองความสุขทางใจได้ ดังนั้นฉากเซ็กส์ต่างๆในหนังจึงถูกถ่ายทอดออกมาให้ชวนปรารถนามีทั้งความสวยงามของเรือนร่างนักแสดงและบทพูดที่ค่อยๆเปิดเปลือยให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว คริสเตียน เกรย์ ไม่ได้ไร้หัวใจอย่างที่เห็น (แหม่นึกถึงคาแรกเตอร์ เคน ธีรเดช ในละครหลายเรื่องเลยไหมล่ะ ฮ่าาา)  ดังนั้นหากใครจะหวังเห็นฉากถึงเนื้อถึงตัว โซ่ แส้ กุญแจ มือ เฆี่ยนตี บุกตะลุยกันถล่มทลาย นี่ไม่ใช่หนังของคุณแน่นอน



ข้อดีหลักๆของ Fifty Shades Freed เลยคือภาคนี้มันมีจุดขัดแย้งที่ทำให้เรื่องน่าสนใจ แม้อาการหึงหวงแบบหนังภาคก่อนๆจะยังมาสร้างความลำไยอยู่บ้างแต่พอภาคนี้มีการตามล้างแค้นของแจ็ค  ไฮด์ (อีริก จอห์นสัน)เลยทำให้เรื่องราวมีอารมณ์ ทริลเลอร์เรียกค่าไถ่ มีฉากแอ็คชั่น มีการสืบสวนสอบสวน น่าจะทำให้เหล่าหนุ่มๆที่ถูกลากไปดูไม่เซ็งเกินไป ควบคู่ไปกับบทเรียนชีวิตคู่ทั้งการสร้างครอบครัว ความไว้เนื้อเชื่อใจหลังแต่งงาน ที่หนังบอกเล่าได้หนักแน่นดีตามที่บทพอจะเอื้ออำนวยก็ทำให้หนังภาคนี้ไม่เบาบางด้านสาระเหมือนสองภาคก่อนหน้า และแน่นอนว่าภาคนี้ยังคงจัดเต็มเพลงประกอบเพราะๆคลอเคล้าสร้างความโรแมนติกชวนเพ้อฝันได้ดีเช่นเดิม รวมถึงหากวาเลนไทน์นี้ไม่รู้จะสรรหาความแปลกใหม่ของเกมรักอย่างไรดี หนังก็น่าจะเป็นครูที่ดีได้พอสมควรและน่าจะทำให้สาวๆกล้ารุกหนุ่มๆมากขึ้นเพราะภาคนี้ อันนาสเตเชียไม่รู้หิวมาจากไหน เอะอะ ‘ขอยิ้ม’ ตลอดไม่ว่าโกรธ เสียใจ โดยเฉพาะอาการ ‘หิวกลางดึก’ ที่นางทำให้ “ไอศกรีมรสมินต์” เป็นไอเทมสวาทประจำปีได้เลย



จุดบอดของหนัง-แน่นอนล่ะจากสถิติการเข้าชิงทั้งหนังยอดแย่ และนักแสดงยอดแย่เวทีแรซซี่อวอร์ดก็น่าจะการันตีหายนะด้านการแสดงได้ประมาณหนึ่งแล้ว แต่เอาล่ะ เราจะมองข้ามความสากกะเบือของนักแสดงไปก่อน แล้วไปพูดถึงฉากโจ๊ะพรึมๆแทน (ข้ามไปได้ไงวะเนี่ย ฮ่าาาา) แน่นอนล่ะว่าของเล่นหลายอย่างไม่ได้ถูก ‘รีวิว’ ในหนังสองภาคก่อน ภาคนี้เลยขอจัดเต็มแบบล้างสต็อคทั้งเครื่องสั่น เครื่องสอด ให้พอเสียวๆ แถมยังตัดสลับกับภาพนังอานัสเตเชียนั่งฟินกัดริมฝีปากในออฟฟิศไม่ทำงานมุ่งทำรักอย่างเดียวให้จั๊กกะจี้กันเล่นๆ อ้าว! แล้วฉากเซ็กส์เยอะๆไม่ดียังไงล่ะ- คำตอบก็คือแม้จะมาเยอะ เล่นกันหนักกว่าเดิม แต่ทั้งจังหวะจะโคนที่หนังใส่เข้ามาแบบไร้เหตุผลแถมมาแบบกะปริบกะปรอยอย่างกับฉี่แมวเงี้ยก็ค่อยฟินนักหรอก ยิ่งพระ-นางคู่เดิมเราก็หมดความตื่นเต้นเพราะได้เห็นทั้งคู่อวดเรือนร่างกันมา 2 ภาคแล้วแถมการแสดงของทั้งคู่ในฉากเข้าจังหวะก็ไม่ได้สมจริงอะไรนัก หน้า ดาโกต้า จอห์นสัน ก็ยังเหยเกในองศาเดิม ส่วน เจมี ดอร์แนน ก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกมาทางสีหน้าได้สักฉาก ฮีเลยครางเสียงต่ำๆแทนจนพาลหมดอารมณ์เสียเปล่าๆ



แถมจุดที่น่าเสียดายมากในภาคนี้คือการใส่ตัวละคร เจีย แมทเทโอ สถาปนิกจอมแอ๊ว (รับบทโดย เอเรียล แคบเบล ดาราซีรีส์ผมทองสุดเซ็กซี่) เข้ามาในเรื่องในฐานะบทพิสูจน์รักแท้ของคู่รักสกุลเกรย์ แถมในตัวอย่างยังมีฉาก “ตรวจบ้าน” ที่แซ่บด้วยการเชือดเฉือนระหว่างเธอ กับ แอนนาสเตเชีย แต่จนแล้วจนรอดตัวละครอย่าง เจีย กลับโผล่มา 2 ฉากและไม่ได้บทบาทอะไรกับเรื่องเลย ทั้งที่เปิดตัวได้น่าสนใจแถมกลางๆเรื่องยังมีประเด็นว่า หล่อน ไปยุ่มย่ามกับ เอเลียต เกรย์(ลุค ไกรมส์) คนรักของเคต (เอโลอิส มัมฟอร์ด) เพื่อนรักของเธออีกแหนะ แต่ทุกอย่างก็ถูกคลี่คลายอย่างรวดเร็วไม่ได้มีอะไรในกอไผ่เลยจนการมีอยู่ของเธอกลับไร้ความหมายต่อเรื่องราวจนน่าเสียดายเลยทีเดียว

สรุปเลยแล้วกันว่าสำหรับแฟนๆหนังชุด Fifty Shades ในภาคนี้ก็ยังมีทุกอย่างที่น่าจะทำให้ชื่นชอบได้ไม่ยาก แถมพ่วงด้วยอารมณ์ทริลเลอร์ที่พอให้ลุ้นระทึกกันเบาๆ แถมยังติวบทรักพิสดารที่ได้ทั้งโภชนาการจาก ไอศกรีมรสมิ้นต์ และเหล่าเครื่องสอด เครื่องสั่น ต่างๆ แบบล้างสต็อคกันเลยทีเดียว แต่หากคุณไม่ใช่แฟนหนังชุดนี้ เป็นคนโสดเปลี่ยวร้างมานาน หนังเรื่องนี้อาจฆ่าคุณด้วยบทรักหวานๆเลี่ยนๆได้อย่างเลือดเย็นเลยเชียวแหละ