Our score
7.9Johnny English Strikes Again
จุดเด่น
- หนังมีปริมาณมุกฮาในระดับน่าพอใจ
- โรแวน แอตคินสัน ยังเชื่อมือได้ ออกมากี่มุก็ฮา
- ทำให้หายคิดถึงหนังสายลับแบบเจมส์ บอนด์ยุคเก่าได้
จุดสังเกต
- หนังให้ภาพเทคโนโลยีเลวร้ายมาก
- บางมุกก็ดูอังกฤษมากเกินไป
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
เนื้อหา ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท
7.5
-
นักแสดง
8.0
-
ความสนุก
8.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
8.0
เมื่อระบบความมั่นคงถูกแฮ็คจนสายลับในเอ็มไอเซเว่นถูกเปิดโปง นายกหญิงแห่งเกาะอังกฤษ (เอ็มมา ธอมป์สัน) ก็จำใจในระดับกล้ำกลืนฝืนทนเรียกตัว จอห์นนี อิงลิช (โรแวน แอตคินสัน) สายลับเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่ถูกเปิดโปงมาสืบหาอาชญากรไซเบอร์ก่อนที่โลกจะถูกครอบงำด้วยบิ๊กดาต้าในมือของทรชน โดยมี โอฟีเลีย (โอลกา คูริเลนโก) สายลับสาวสุดร้อนแรงที่ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูคอยเป็นหอกข้างแคร่ในปฏิบัติการที่สายลับแห่งโลกอนาล็อคต้องต่อกรกับวายร้ายยุคใหม่โดยมีอินเตอร์เน็ตและความมั่นคงเป็นเดิมพัน
การกลับมาของสายลับจำเป็นอย่าง จอห์นนี่ อิงลิช เป็นครั้งที่ 3 ทิ้งห่างจาก Johnny English Reborn (2011) ภาคที่แล้วเพียง 7 ปีเท่านั้น แต่หนังยังคงมาในสูตรเดิมทั้งพล็อตที่่ต้องเริ่มจาก จอห์นนี่ อิงลิช คือสายลับที่ไม่มีใครต้องการแต่กลับกลายเป็นความหวังเดียวของอังกฤษที่คอยแต่จะสร้างปัญหาปวดหัวให้ทางการก่อนจะแก้ไขสถานการณ์ให้โลกสงบสุขได้แบบฟลุ๊คๆ ซึ่งโดยโครงเรื่องแล้วก็แทบไม่ต่างจากทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมาที่เป็นการเล่นตลกท่าทางกึ่งวันแมนโชว์ของ โรแวน แอตคินสัน ที่เน้นเอาความเปิ่นความเฟอะฟะเกินจะเป็นสายลับได้มาสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้หายคิดถึง มิสเตอร์บีน ซึ่งโรแวนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลายมุกที่เหมือนจะไม่รอดพอได้จังหวะการเล่นตลกท่าทาง (comedy of manner) อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาช่วยไว้ก็ทำให้คนดูได้ก๊ากดังๆได้หลายครืนอยู่นะ
แต่สิ่งที่ภาคนี้ดูจะเน้นเป็นพิเศษคือการให้จอห์นนี่ อิงลิชเป็นตัวแทนสายลับฉบับอนาล็อคผู้ปฏิเสธสมาร์ตโฟนเพราะไม่อยากถูกติดตาม ขับรถแอสตัน มาร์ติน ที่ซดน้ำมันเป็นว่าเล่นแทนรถไฮบริดหรือการเรียกหาแต่แกตเจ็ตสุดล้ำที่เป็นทั้งอาวุธและเครื่องมือเสริมบารมี ซึ่งไม่ต้องเป็นคอหนังระดับฮาร์ดคอร์ก็คงพอเดาออกว่านี่คือภาพจำมาจากหนังสายลับสุดดังอย่าง เจมส์ บอนด์ โดยเฉพาะยุคอนาล็อคในสมัยฌอน คอนเนอรี หรือ โรเจอร์ มัวร์ รับบทพยัคฆ์ร้ายเจ้าเสน่ห์ในยุคที่ยังไม่มีสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวทำได้ทุกอย่างเหมือนทุกวันนี้ ที่ทำให้เกิดแกตเจ็ตเท่ๆมากมายให้คนดูได้บริหารจินตนาการกันมากกว่าแค่จะกลายเป็นหนังขายของ SONY เหมือนหนังเจมส์ บอนด์ยุคหลัง ประหนึ่งจะบอกว่าความล้าสมัยคือความดีงามอย่างหนึ่งของคนอังกฤษอย่าไปตามโลกมันมากนักเลย ให้ภาพนอสทัลเจีย (Nostalgia) รำลึกอดีตอันหอมหวานของหนังสายลับกันแบบโต้งๆเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นบทหนังเองยังมองเทคโนโลยีในแง่ร้ายแบบสุดขั้วจริงๆอย่างตัวผู้ร้ายเองก็แทบถอดแบบมาจาก มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก และใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าเป็นอาวุธสำคัญแทนที่นิวเคลียร์ในยุคสงครามเย็น และวางเดิมพันเป็นเสถียรภาพในการใช้อินเตอร์เน็ตของคนทั่วโลกก็ยิ่งให้ภาพเทคโนโลยีแบบดิสโทเปียชัดเจนมาก และยิ่งมีฉากที่ จอห์นนี อิงลิช ต้องมาใช้ VR ในการฝึกบุกรังผู้ร้ายแต่กลายเป็นการสร้างความวินาศให้ทางการไปเสียอีกเป็นการยืนยันอุดมการณ์ของหนังอย่างหนักแน่น
นอกจากนี้ที่ยิ่งกว่าการที่ โรแวน แอตคินสัน มาเต๊ะท่าล้อเลียนเจมส์ บอนด์ แล้ว หนัง 2 ภาคหลังยังจงใจนำสาวบอนด์มาปรากฎตัวเพื่อให้เกิดภาพของการล้อเลียนชัดขึ้นไปอีก ในภาคที่แล้ว Reborn หนังได้ โรซามุนด์ ไพค์ จาก 007 Die Another Day (2002) มาแสดง ส่วนในภาค Strikes Again นี้หนังก็คว้า โอลกา คูริเลนโก จากเจมส์ บอนด์ภาค Quantum of Solace (2008) มารับบทสายลับรัสเซียสุดเซ็กซี่แบบที่เราเคยอยากเห็นเธอในหนังเจมส์ บอนด์แต่กลับผิดหวัง จนกลายเป็นว่า Johnny English Strikes Again กลับทำให้เราสมหวังแทนโดยนำ โอลกา มารับบทง่ายๆโชว์เสน่ห์ทั้งหน้าตาและหุ่นสุดเซ็กซี่ให้หนุ่มๆได้กระชุ่มกระชวยกันไปประหนึ่งหนังจะบอกกับผู้สร้างเจมส์ บอนด์ว่าคนดูไม่ได้ต้องการดูหนังบอนด์เครียดๆนะเว้ย เขาอยากได้อะไรเดิมๆกลับมาดูอีกครั้งต่างหาก
เอาเป็นว่าใครคิดถึงมุกแบบมิสเตอร์บีนในมาดสายลับก็ไปดูเถอะรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ยิ่งใครเครียดๆนี่เรียกใช้บริการสายลับศูนย์ศูนย์ก๊ากของเราได้เลยรับรองหาย แต่อาจประสบปัญหากรามค้างแทนนะ ฮ่าาาา
อยากบริหารกรามกับพยัคฆ์ร้ายสายก๊ากแค่เคาะนิ้วที่รูปด้านล่างก็ตีตั๋วฮาได้เลย