ระหว่างที่บรรดาทีมงานเบื้องหน้าเบื้องหลังในฮอลลีวู้ดยังอยู่ในช่วงกักตัว แต่ละคนก็ตั้งทอปปิกนู่นนี่นั่นคุยกันผ่านโลกโซเชียลไปวัน ๆ ในทอปปิกหนึ่งที่เป็นกระแสฮิตก็คือ ‘five perfect movies’ ที่ส่งต่อกันอยู่ใน Twitter แต่ละคนก็เขียนรายชื่อหนังที่ตัวเองคิดว่า สมบูรณ์ ที่สุด 5 เรื่อง ออกมาแชร์กัน
แล้วก็มาถึงคิว เจมส์ กันน์ ผู้กำกับที่สร้างชื่อจาก Guardians of the Galaxy ก็ได้เขียนรายชื่อหนังที่เขาคิดว่า สมบูรณ์แบบ ที่สุดออกมา 5 เรื่อง ซึ่งมีหนัง Back to the Future ขึ้นมาเป็นชื่อแรก พร้อมทั้งอธิบายคำจำกัดความว่า imperfect และ perfect ตามทัศนคติของเขามาด้วย
“คำว่า หนังที่สมบูรณ์แบบ สำหรับผมหมายถึงอะไรน่ะเหรอ ต้องเกริ่นก่อนว่า หนังที่สมบูรณ์แบบ นั้นความหมายต่างจาก หนังเรื่องโปรด นะ แล้วก็ต่างจาก หนังที่ยอดเยี่ยม อีกด้วย ในความคิดของผม หนังที่สมบูรณ์แบบคือหนังที่เรียงร้อยเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดที่เห็นเด่นชัด ไม่ว่าจะพิจารณาในด้าน สุทรียศาสตร์ หรือ โครงสร้างของเรื่อง ก็ตาม และจะต้องไม่ละเลยในเรื่องตรรกะสำคัญ”
“สำหรับบางคน Back to the Future อาจจะมองว่าไม่น่าจะเป็นหนังที่ สมบูรณ์พร้อม ยกตัวอย่างเช่น ทำไมพ่อกับแม่จำมาร์ตี้ไม่ได้? แต่ผมก็ยังยืนกรานนะว่า มันเป็นหนังที่สมบูรณ์แบบ เพราะว่ามันอยู่บนเงื่อนไขที่สามารถเข้าใจได้ หรือบางทีผมอาจเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงก็เป็นได้”
หลายคนที่รักหนัง Back to the Future และน่าจะยังจำเรื่องราวการย้อนเวลาในภาคแรกกันได้อยู่ จากการชี้เป้าของ เจมส์ กันน์ ก็อาจจะทำให้หลายคนย้อนคิดตามได้ว่า ทำไมนะ พ่อกับแม่ถึงไม่รู้สึกคุ้นหน้าลูกชายตัวเองว่าทำไมโตมาแล้วช่างเหมือนกับ คาลวิน ไคลน์ เพื่อนจากสมัยมัธยมปลาย
จากที่แค่โพสต์เปรย ๆ ประกอบรายชื่อ 5 หนังสมบูรณ์แบบ ของเจมส์ กันน์ ที่ประกอบไปด้วย Chinatown, Rashomon, Eternal Sunshine of the Spotless Mind และ The Thing ก็กลายขึ้นมาเป็นประเด็นโต้เถียงกันจนได้ เมื่อ คริส แพรตต์ พระเอกจาก Guardians of the Galaxy เข้ามาแสดงความเห็นในข้อสงสัยของ เจมส์ กันน์
“บางทีพ่อแม่อาจจะจำได้ก็ได้นะ แต่ไม่ได้จดจำในฐานะมาร์ตี้ แต่จดจำในภาพของ คาลวิน เมื่อมาร์ตี้กลับมาในปี 1985 มันก็ยาวนานหลายปีแล้ว พ่อกับแม่อาจจะคิดกันก็ได้ว่า ลูกชายของเขามันช่างละม้ายอย่างน่าประหลาดกับเพื่อนสมัยไฮสคูลเมื่อ 20 ปีที่แล้ว”
แต่ในที่สุด คนที่เหมาะสมที่สุด ที่จะมาไขข้อข้องใจนี้ คือ บ็อบ เกล ผู้เขียนบท Back to the Future ตัวจริงเสียงจริงมาเองเลย แต่เขาไม่ได้มาตอบในทวีตของ เจมส์ กันน์ นะ บ็อบ เกล มาตอบผ่านนักข่าว Hollywood Reporter ที่ไปถามเขาในเรื่องนี้
“ย้อนทำความเข้าใจกันก่อนนะว่า จอร์จ กับ โลเรน รู้จัก คาลวิน เพียงแค่ 6 วันเท่านั้น สมัยเมื่อตอนเขาอายุ 17 ปี แล้วใน 6 วันนั้น ทั้งคู่ก็ไมได้เจอ คาลวิน ทุกวันอีกด้วย ผ่านมาหลายปีมาก เขาก็เหลือความทรงจำเพียงแค่ว่า ตอนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งที่ทำให้เขาได้เดตด้วยกันครั้งแรก”
“ถึงตรงเนี้ย ผมอยากจะย้อนถามทุกคนว่าลองย้อนนึกอดีตตัวเองกันดูนะ พวกคุณจำเพื่อนสมัยมัธยมได้ดีแค่ไหน เอ้าต่อให้เรียนด้วยกันทั้งเทอมเลยด้วย หรือบางคนโผล่หน้ามาแค่ครั้งเดียว ในกรณีที่ไม่มีรูปถ่ายด้วยกันนะ พอเวลาผ่านไป 25 ปี คุณก็จะเหลือความทรงจำแค่เพียงเป็นภาพลาง ๆ เท่านั้นแหละ”
สรุปจากคำอธิบายของ บ็อบ เกล ได้ว่า พ่อกับแม่ของมาร์ตี้น่ะยังจำเพื่อนสมัยมัธยมคนที่ชื่อ คาลวิน ไคลน์ ได้ดี แล้วพวกเขาก็รู้สึกว่า มาร์ตี้ ลูกชายของเขาน่ะ มีความคลับคล้ายคลับคลากับ คาลวิน ไคลน์ แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรตรงไหน
“ผมกล้าท้าเลยว่า ให้พวกคุณ ๆ ลองกลับไปดูหนังสือรุ่นสมัยมัธยมกันนะ มันจะต้องมีเพื่อนร่วมห้องสักคนสองคนแหละน่า ที่ดูคล้ายกับลูก ๆ เราเอง”
เจ้าตัวคนเขียนบทมาอธิบายเองแล้ว แฟน ๆ Back to the Future สบายใจกันได้ยัง