Our score
6.4104 Mins
จุดเด่น
- เล่าเรื่องมีต้น กลาง ปลาย ชัดเจน
- ใช้ศักยภาพนักแสดงได้เต็มที่ ออกมาแล้วเด่น
- มุกตลกลื่นไหล มีฮาก๊ากใหญ่ ๆ เยอะมาก
จุดสังเกต
- ยังคงมีมุกแป๊กบ้างแต่ไม่เยอะ
- ยังมีตัวละครที่โผล่มาแบบไม่มีที่มาที่ไปอยู่
-
ตรรกะความสมบูรณ์ของบทภาพยนตร์
5.0
-
คุณภาพงานสร้าง
6.0
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
ความฮา ความสนุก ตามแนวหนัง
7.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
7.0
ก่อนอื่นคือขอบันทึกไว้ก่อนเลยนะครับว่านี่เป็นหนังเปิดโรงเรื่องแรกหลังประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติโรคไวรัส COVID-19 ระบาด และที่สำคัญแม้เราไม่อาจเอาหลักการหรือทฤษฎีทางภาพยนตร์อะไรมายกย่องหรืออวยหนังอย่าง พจมานสว่างคาตา ได้แบบหนังทุนสูงหรือหนังที่หวังมาประเทืองปัญญาเรื่องอื่น ๆ แต่ในทางกลับกันนี่คือหนังที่มั่นอกมั่นใจในตัวเองทีเดียวว่าจะมาคลายเครียดและนำเสียงหัวเราะกลับมาสู่คนไทยอีกครั้ง ซึ่งยอมรับด้วยตาตัวเองเลยว่างานนี้ พี่พชร์ อานนท์ แกทำได้จริง ๆ แฮะ
โดยเรื่องราวที่หากเล่าแบบเข้าใจได้ง่ายที่สุด มันก็คือ มุกล้อเลียน (Parody) หนังเรื่อง บ้านทรายทอง นั่นเอง เพียงแต่มีเรื่องการหักหลังซ้อนแผนเมื่อคุณหญิงแม่ (จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก) หญ ิงเบ้อเริ่มเทิ่ม (เอกชัย ศรีวิชัย) และหญิงกะจิ๊ดริด (อาจารย์ ยิ่งศักดิ์) รวมหัวกันฆ่าพจมาน สว่างคาตา (โก๊ะตี๋ อารามบอย) และเอา แพนเค้ก (แพนเค้ก เขมนิจ) สาวสก๊อยมาสวมรอยหวังให้แต่งงานกับชายกลาง (แน็ก ชาร์ลี ปอทเจส) เพื่อฮุบสมบัติบ้านดอกไม้ทอง แต่แล้ววิญญาณของพจมานตัวจริงก็ปรากฏตัวเพื่อทวงความยุติธรรมคืน
แม้การดำเนินเรื่องและสไตล์การกำกับของพี่พชร์ อานนท์ จะไม่ได้ทำให้ พจมานสว่างคาตา หักศอกสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้เราเท่าไหร่ แต่นี่คือหลักฐานชั้นดีว่าเมื่อหนังไม่ได้เดินเรื่องหรือพยายามพามันไปไกลจากความถนัดของผู้กำกับนัก เราเลยเห็นความแม่นยำในการเล่าเรื่อง และพัฒนาการ (หรืออาจจะไกลแค่ ลำสาลี ก็ตาม) ที่เห็นได้ชัดเลยคือคราวนี้พี่พชร์ “เลือก” ใช้เฉพาะมุกที่ “ใช่” และ “โดน” เท่านั้น ที่สำคัญการมี บ้านทรายทอง เป็นเหมือนพิมพ์เขียวในการยั่วล้อและเอามุกทันเหตุการณ์ตามถนัดมาใส่ก็ทำให้หนังลงตัวพอดี
แม้จะมีมุกแป้กมาประปรายแต่มันก็ยังอยู่ในปริมาณที่พอดีและทำให้ มุก ฮา ๆ ทำงานได้ต่อเนื่องไม่สะดุดต่างจากหนังยุคหลังที่พยายามหนีการเล่าเรื่องแบบ หอแต๋วแตก จนผิดทิศผิดทาง ใส่ลูกเล่นและมุกอัปเดตหนักมือจนความสนุกไปไม่ถึงที่หมาย นั่นก็เพราะมันมีโครงเรื่องหลักและสูตรสำเร็จของนิยาย ก. สุรางคนางค์ เป็นแกนหลักที่มันตั้งใจยั่วล้อ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมุกเจน นุ่น โบว์ หรือ Social Distancing มันก็ยังไม่ทำให้โครงเรื่องหลักเสียไปแต่อย่างใด
และองค์ประกอบสำคัญและเป็นแกนกลางในการคิดบทเลยก็คงหนีไม่พ้นนักแสดง โดยเฉพาะ 4 นักแสดงหลักจากหอแต๋วแตกที่ยังรับส่งมุกกันอย่างถูกคอและลื่นไหล แถมคราวนี้ผู้กำกับอย่าง พี่พชร์ อานนท์ เองก็ยังนึกสนุกมาเล่นเป็นตัวประกอบถึง 3 บทบาทและช่วยให้หนัง ฮาขึ้นจากแอ็กติงแข็ง ๆ ของพี่เขาได้อีกด้วย นับเป็นอีกก้าวที่ชาญฉลาดมากในการประกาศความเป็นเจ้าของหนังของตัวเองนอกจากเหมาตำแหน่งออกแบบงานสร้างควบกำกับและเขียนบท ชนิดที่ผู้กำกับดัง ๆ ระดับโลกยังไม่กล้าทำเลยนะ
ส่วน MVP ประจำเรื่องเราคงต้องยกให้ แพนเค้ก เขมนิจ และ แน็ก ชาลี ปอทเจส มาเสริมทัพให้หนังมีความแปลกใหม่และกลืนข้ามเส้นแบ่งระหว่างชีวิตจริงนักแสดงกับเรื่องเล่าในหนังได้เป็นอย่างดี โดย แพนเค้ก นอกจากจะมาปรากฎตัวในฐานะแพนเค้กตัวจริงที่ตัวละครโก๊ะตี๋ไปยืมชื่อมาใช้ใน หอแต๋วแตก แล้ว เธอยังพิสูจน์ฝีมือในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ที่เล่นบทฮา ทะเล้นได้อย่างลื่นไหล
ส่วน ชาลี ปอทเจส ก็น่าจะได้บทที่เหมาะกับเขาที่สุดและเอื้อให้บุคลิกมึน ๆ ของเขาได้สร้างเสียงหัวเราะและเป็นอาหารสายตาให้แก่สาว ๆ และเหล่ากะเทยไทยได้กรี๊ดกร๊าดกับมุกใต้สะดือได้หลายก๊ากทีเดียว และแน่นอนว่าเป็นธรรมเนียมของหนังแบบพชร์ อานนท์ ที่จะเชิญพวกเน็ตไอดอลมาแสดง ซึ่งก็มีทั้งแม่ศิตางค์บัวทองที่กำลังดังและผลิตไวรัลมาเรื่อย ๆ หรือจะเป็นเหล่ากะเทยไอดอลทั้ง เอแคลร์ จือปาก และ นัทนิสา หรือ นัท หิ้วหวี กะเทยที่เพิ่งมีดราม่าแกงถุงละ 200 ช่วงCOVID-19 และคนอื่น ๆ ก็ถูกนำเสนอแบบพอดี ไม่เยอะแต่ได้บทเป็นชิ้นเป็นอันและเด่นกว่าหนังเรื่องอื่นของผู้กำกับเอง
กล่าวโดยไม่เกินจริงเลยคือ พจมานสว่างคาตา ก็คือหนังล้อเลียนที่กลับไปหารากเหง้าเดิมของ พี่พชร์ อานนท์ ที่ทำมาตั้งแต่ สติแตก สุดขั้วโลก ไปถึง โก ซิกส์ โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล เป็นหนังขายไอเดียและเหมือนเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ประเทศไทยในแต่ละสมัยคล้ายหนังหอแต๋วแตก และ หนังพี่พชร์ อานนท์ ในยุคหลัง ๆ แต่สิ่งที่อัปเดตจริง ๆ คือการเล่าเรื่องที่ดีขึ้น มีบทสรุปให้ตัวละครชัดเจน
ถือเป็นก้าวสำคัญเลยในการทำหนังตลกที่เริ่มเข้าหาคนดูหนังวงกว้าง ผนวกกับงานถ่ายทำที่ไม่สุกเอาเผากิน แม้แต่ฉากที่ถูกถ่ายซ่อมก็ยังแสดงถึงความตั้งใจเท่าที่งบประมาณจะพอมี และเพื่อให้หนังยังคงบันทึกหมายเหตุประเทศไทยไว้ได้อย่างตั้งใจ นอกนั้นก็คือสิ่งที่เราคุ้นเคยและต้องทำใจยอมรับเมื่อก้าวเข้าโรงเพื่อดูหนังของเขาคือมุกสัปดน ขายความหยาบคาย และการข้ามตรรกะชนิดที่มีตัวละครโผล่มาแบบไม่มีที่มาที่ไป แต่หากปรับโหมดให้ตรงกับจักรวาลหนังแบบ พชร์ อานนท์ ได้แล้ว ขอบอกว่า พจมานสว่างคาตา จะกลายเป็นหนังฮาลั่นไม่สนโลกที่คุณจะเกลียดตัวเองว่าชอบหนังเรื่องนี้ไปได้อย่างไรเชียวล่ะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส