[รีวิว] The Bridge Curse : คนรักษ์น้ำ ผีเปลืองน้ำ
Our score
6.0

Release Date

16/07/2020

ผู้กำกับ

เลสเตอร์ ชิห์

นักแสดง

หนิง ชาง, เชง โคว, เจ.ซี. หลิน

ความยาว

98 นาที

แนว

สยองขวัญ, ลึกลับ

[รีวิว] The Bridge Curse : คนรักษ์น้ำ ผีเปลืองน้ำ
Our score
6.0

คำสาปสะพานเฮี้ยน : The Bridge Curse

จุดเด่น

  1. เล่าเรื่องได้น่าสนใจ มีปริศนาซุกซอนภายใต้เรื่องผี
  2. หาโลเคชันได้ดี ทั้งสะพานและอาคารหอพักดูน่ากลัว
  3. มีการเล่า 2 ไทม์ไลน์คู่ขนานกันไป แล้วขมวดจบให้มาเชื่อมโยงกันได้

จุดสังเกต

  1. ผีไม่น่ากลัวเลย ฉากผีหลอกก็ไม่ชวนลุ้นนัก
  2. เขียนบทให้บรรดาเหยื่อโง่แต่ละรายดูโง่ และผิดสัญชาตญาณพื้นฐานมนุษย์เกินไป
  3. ปมปริศนาพอคาดเดาได้
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    6.5

  • คุณภาพนักแสดง

    5.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.0

  • ความน่ากลัวตามสไตล์หนังสยองขวัญ

    5.5

  • คุ้มเวลา และค่าตั๋วหนัง

    6.0

ในบ้านเราไม่ค่อยมีหนังไต้หวันมาเข้าฉายบ่อยนัก ถ้ามีมาก็มักจะเป็นหนังโรแมนติกเสียเป็นส่วนใหญ่ เพิ่งเห็นมีเรื่องนี้ล่ะครับ The Bridge Curse ในชื่อไทยว่า คำสาปสะพานเฮี้ยน แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นหนังผี แปลว่าหนังต้องมีดีที่ขายต่างประเทศได้ เพราะว่าหนังขึ้นอันดับ 1 ที่ไต้หวันมาแล้ว ทำรายได้ไป 41 ล้านหยวนเทียบเท่ากับเงินไทยก็ 188 ล้านบาท ขนาดที่ว่าเข้าฉายในช่วงที่โควิด-19 เพิ่งเริ่มต้นแพร่ระบาด ก็เป็นไปได้ว่าถ้าสถานการณ์ปกติ หนังน่าจะกวาดรายได้ไปมากกว่านี้

สนับสนุนบทความโดย

พลอตหนังก็น่าสนใจครับ เล่นกับเรื่องตำนานสยองในมหาวิทยาลัย ที่มีกันทุกประเทศทั้งไทย จีน ฝรั่ง เลย หนังไทยก็ยังเคยสร้างแนว ๆ นี้มาเลย แต่สำหรับ The Bridge Curse น่าจะเป็นตำนานที่แต่งขึ้นมาเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ว่ากันว่า ที่มหาวิทยาลัยตงหู มีสะพานต้องคำสาป ในอดีตมีนักศึกษาหญิงนัดกันแฟนหนุ่มที่สะพานแห่งนี้ตอนเที่ยงคืนเพื่อจะหนีตามกันไป แต่รอแล้วรอเล่าแฟนหนุ่มก็ไม่โผล่ เธอก็เลยกระโดดน้ำตาย กลายเป็นวิญญาณคอยสิงสู่สะพานแห่งนี้ ถ้าใครอยากลองดีให้ไปที่สะพานแห่งนี้ตอนเที่ยงคืน ปลายสะพานจะมีบันไดขึ้นสู่เนินเขา ให้เดินขึ้นไปแล้วนับขั้นบันไดออกเสียง ขั้นบันไดนี้จะมี 13 ขั้น แต่ตอนเที่ยงคืนจะมีขั้นที่ 14 โผล่ขึ้นมา เมื่อขึ้นไปขั้นบนสุดอย่าหันกลับมามองด้านหลัง ไม่เช่นนั้นจะเจอผี

กลุ่มตัวละครวัยรุ่นที่ต้องกลายมาเป็นเหยื่อให้ผีสาวพยาบาท

หนังเปิดเรื่องด้วยกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ 6 คน กำลังวางแผนการรับน้องด้วยการท้าพิสูจน์วิญญาณเฮี้ยนที่สะพานแห่งนี้ เริ่มด้วยการคลิปไปข่มขวัญรุ่นน้อง ที่รุ่นพี่ลองพิสูจน์ความเฮี้ยนกันก่อนแล้วบรรดารุ่นพี่ก็เจอดีกันจริง ๆ ฉากเปิดมาในแนว Found Footage ที่มีทั้งคลิปจากกล้องวิดีโอ และจากมือถือ ถ่ายจอแนวตั้งเสียด้วย ทำเอาใจคอไม่ดีนึกว่านี่ฉันจะต้องดูหนังที่ถ่ายด้วยสไตล์แฮนด์เฮลด์อีกแล้วหรือเนี่ย แต่ก็ยังดีที่เป็นแค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ดำเนินเรื่องด้วยภาพปกติ ไอเดียหนังน่าสนใจครับ หลังจากได้เห็นชะตากรรมของ 6 นักศึกษาแบบรวบรัดตัดความแบบช่วงสั้น ๆ ก็ย้อนมานับหนึ่งใหม่ เริ่มเล่าเรื่องของนักศึกษาทั้ง 6 นี้ตั้งแต่แรกก่อนเกิดเหตุ ตัดสลับไปมากับเหตุการณ์ปัจจุบันที่นักข่าวสาวจากรายการทีวี กับช่างภาพข่าวมาทำสกู๊ปเจาะลึกตำนานสะพานต้องคำสาปแห่งนี้

นักข่าวสาวผู้มาไขปริศนาคำสาปสะพานเฮี้ยน

สิ่งที่ทำให้ The Bridge Curse ดูมีความน่าสนใจขึ้นมาคือการสอดแทรกปริศนาเข้ามา เมื่อนักข่าวสาวเริ่มเจอเงื่อนงำอะไรบางอย่างในกลุ่มนักศึกษาทั้ง 6 คนนี้ ยิ่งเธอพยายามสืบค้น ตัวเธอเองก็เจอผีสาวก่อกวนเองด้วย ส่วนอีกหนึ่งเส้นเรื่องของนักศึกษา 6 คน ในคืนลองดีนั้น ก็มาในสไตล์หนังเชือด (slasher film) ที่มักแนะนำตัวละครวัยรุ่นขึ้นมากลุ่มหนึ่ง แล้วแต่ละคนก็ค่อย ๆ กลายสภาพเป็นเหยื่อ ก็เป็นแบบนั้นเลยครับ ทั้ง 6 คนนี้ก็ค่อย ๆ กลายเป็นเหยื่อของผีสาวเฝ้าสะพานไปทีละคน และจุดนี้ล่ะ ที่เป็นข้อด้อยหนัก ๆ ของหนังเลย ส่วนอื่น ๆ ของหนังอยู่ในเกณฑ์ดีเลยล่ะ ทั้งการเลือกสถานที่ได้น่ากลัว มุมกล้อง บทหนังที่มีปริศนาน่าติดตามกว่าหนังสยองขวัญทั่วไป แต่พอมาถึงฉากสยองที่นับว่าเป็นหัวใจของหนังสยองขวัญ กลับตกม้าตาย อย่างกับว่าใช้คนเขียนบทคนละคนเลย

ตัวผีสาวเล่นง่ายไปนิด แค่เพียงเมกอัปดำ ๆ

อย่างแรกเลย ฉากผีหลอกนั้นไปไม่สุด น่ากลัวมั้ยมันก็น่ากลัวอยู่หรอก แต่ก็เป็นลูกเล่นเก่า ๆ ธรรมเนียมเดิม ๆ ที่เคยผ่านตากันมาหมดแล้ว พอปูทางมาก็เดาได้แล้วว่าเดี๋ยวผีจะโผล่มาตอนไหนอย่างไร นั่งดูไปเคี้ยวพอปคอร์นไปได้สบาย ๆ ไม่ถึงขั้นต้องปิดตาหรือเบือนหน้าหลบจากจอ

อย่างที่สอง เมกอัปผีไม่น่ากลัว เล่นง่ายจัง ตัวผีสาวจริง ๆ ไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นเท่าไหร่หรอก ส่วนใหญ่อยู่ในเงามืด ๆ โผล่มาเห็นหน้าก็บางส่วนหน้าขาว ๆ ผมยาว ๆ เหมือนผีซาดาโกะ แต่ทีเห็นบ่อย ๆ คือบรรดาเพื่อน ๆ ที่โดนผีสิง ก็ทามาสคาร่ารอบตาให้ดำ ๆ พอกหน้าขาวแล้วเพิ่มลูกเล่นด้วยการเขียนเส้นเลือดดำ ๆ บนใบหน้า เสร็จแล้ว มันก็เลยออกไปแนวตลกมากกว่าน่ากลัว

ถ้าได้ยินเสียงดัง เห็นเงาแวบ ๆ จะต้องเข้าไปสำรวจ

และอย่างที่สาม ที่ชวนให้หงุดหงิดขัดใจมาก จนอยากตะโกนใส่หน้าจอว่า “วิ่งสิว้อย” ต้องโทษทั้งคนเขียนบทั้งผู้กำกับเลยครับในจุดนี้ เหยื่อ 6 ตัว โดนหลอกแล้วต้องมีปฏิกิริยาตอบรับรูปแบบเดียวกันเลย คือยืนจ้องผี รอให้ผีมาหักคอกันทั้งนั้นล่ะ หน้าตากลัวกันสุดขีดแต่ฉันไม่วิ่งหนี ทุกคนอยู่ในโหมด “โง่และสอดรู้” ตามสไตล์เหยื่อในหนังผี เห็นได้บ่อยในหนังผีฮอลลีวูด ถ้าได้ยินเสียงแปลก ๆ หรือเงาแวบ ๆ น่าสงสัย จะต้องเดินไปดู แล้วก็กลายเป็นเหยื่อ ทั้ง 6 คนในเรื่องนี้มาในรูปแบบนี้เป๊ะ ที่เพิ่มเติมคือดูไร้เหตุผลกว่ามาก โดนผีหลอกตอนนั่งอึ วิ่งออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ได้ยินเสียงน้ำเปิด พี่ก็ยังอุตส่าห์วิ่งไปชะโงกหน้าดู แล้วสิ่งที่เราไม่คาดฝันว่าจะได้เห็นก็คือ พี่แกเดินไปปิดน้ำทุกก๊อก โอ้วววว สำนึกรักษ์น้ำประปาบังเกิดในขณะหนีผี ผีก็กลัว แต่ฉันทนเห็นน้ำประปาถูกใช้อย่างสิ้นเปลืองไม่ได้ อีผีนี่ก็ช่างไม่รู้จักคุณค่าของน้ำเสียเลย ทำไมผมถึงต้องหยิบประเด็นมาพูด เพราะคนเขียนบทไม่ได้เล่นมุกนี้ครั้งเดียว แต่เล่นถึงสองครั้ง เหยื่อผู้หญิงโดนผีหลอกในห้อง มีหุ่นโชว์เคลื่อนไหวได้เต็มไปหมด ทันใดนั้นก๊อกน้ำเปิด น้องไม่หยุดใคร่ครวญเลย พุ่งตัวไปปิดก๊อกน้ำ น่าชื่นชมมหาวิทยาลัยตงหูครับ สั่งสอนบรรดาลูกศิษย์ให้มีจิตสำนึกรักทรัพยากรน้ำได้ดีมาก หนังเรื่องนี้ควรได้การประปาฯมาเป็นสปอนเซอร์ จะเหมาะมาก

ฉากสะพานผี จุดกำเนิดเรื่อง หาโลเคชันได้น่ากลัว

ด้านปริศนาของหนังก็ดูน่าสนใจนะ ปูความมาได้ดีเป็นชั่วโมง แล้วไปคลี่คลายในช่วง 15 นาทีสุดท้าย มีการสร้างตัวละครตัวการล่อหลอกให้คนดูสงสัยว่าจะเป็นคนนั้นคนนี้ สร้างจุดเชื่อมโยงได้ดีระหว่างเหตุการณ์นักศึกษาทั้ง 6 ในอดีต มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ของนักข่าวสาว แม้ว่าปมสุดท้ายคนดูก็น่าจะเดาทางกันได้หมดล่ะ

หนังยังอุตส่าห์มีฉากพิเศษหลังเครดิตจบถึง 2 ตัวเลยนะ มารูปแบบเดียวกับมาร์เวลเลยครับ คือมีตัวแรกหลังขึ้นเครดิตทีมงานหลัก แล้วตัวที่สองหลังเครดิตขนาดยาวตัวหนังสือวิ่งบนจอดำ ผมแนะนำว่าไม่ต้องดูทั้งสองตัวครับ หนังจบลุกขึ้นกลับบ้านได้เลย ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติม ไม่ได้ความบันเทิงเพิ่มเติมแม้แต่น้อย กลับกันถ้านั่งดูจะชวนหงุดหงิดด้วยซ้ำว่า…………………เสียเวลานั่งรอดูอะไรหวาเนี่ย