Our score
6.2[รีวิว] รักนะ ซุปซุป – ยังไม่ถูกปากแต่น่าให้กำลังใจ
รักนะ ซุปซุป
กำกับโดย : เกรียงไกร มณวิจิตร
นักแสดง : เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล, เต้-ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์, นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา และสมาย-ซัซนี วิระฉัตร
เข้าฉาย : 30 กรกฎาคม 2563
จุดเด่น
- นำเสนอวัฒนธรรมมุสลิมได้น่าสนใจ
- งานภาพสวยงาม ทำให้หนังออกมาน่ามอง
- นุ๊ก สุทธิดา และ เต้ ปิติศักดิ์ เติมความหวานให้หนังได้เป็นอย่างดี
จุดสังเกต
- หนังยังไม่ลงตัวนักในแง่เนื้อเรื่องว่าจะไปทางโรแมนติกหรือดรามา ทำให้หนังออกมาครึ่ง กลาง ๆ อย่างน่าเสียดาย
- ตัวนักแสดงหน้าใหม่อย่าง สมาย-ซัซนี วิระฉัตร ไม่สามารถทำให้ผู้ชมอยากจะเอาใจช่วย หรือ มีเสน่ห์มากพอจะดึงสายตาคนดูได้
- เข้ม หัสวีร์ ยังสลัดแอ็กติงแบบละครช่อง 7 ที่เขาแสดงไม่ออก ส่วน น้าจิ้ม ชวนชื่น ก็เล่นใหญ่แบบกันซีนทุกคนเกินไป
-
ตรรกะ ความลงตัวของบทภาพยนตร์
6.0
-
คุณภาพงานสร้าง
7.0
-
คุณภาพนักแสดง
6.0
-
ความสนุกตามแนวหนัง
6.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
6.0
เป็นเรื่องน่ายินดีไม่น้อยที่หนังไทยกำลังพยายามพาตัวเองไปสู่แนวทางใหม่ ๆ ควบคู่กับหนังประจำตลาดทั้งหนังตลกและหนังผี ซึ่งปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็มีหนังไทยจากผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง เกรียงไกร มณวิจิตร ที่หยิบเอาเรื่องราวของอาหารสูตรมุสลิมมาเป็นกิมมิกในการเล่าเรื่องราวดรามาของนางเอกที่พยายามจะหาสูตรซุปที่หายไปและความรักของเธอกับเจ้าของกิจการร้านอาหารมุสลิมที่ต้องการทวงคืนศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล
รักนะ ซุปซุป เริ่มเรื่องราวด้วยการกล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของซุปวัวหลังวังของพ่อครัวหลวง ก่อนจะมาเล่าถึงชีวิตของ มินนี (ซัซนี วิระฉัตร) สาวน้อยผู้ฝันอยากเป็นเชฟโดยมีพ่อครัวหลวงปู่ทวดของเธอเป็นไอดอล แต่ด้วยฝีมือการทำอาหารที่เข้าขั้นป่วยจิตเธอจึงได้ไปเรียนกับ เชฟ (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ผู้บูชาฝีมือปู่ของเธอและพามินนีเข้าทำงานในร้านของ ฮันซัส (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล)
แต่แค่วันแรกก็เกิดเรื่องใหญ่โตเมื่ออาหารที่นำเสิร์ฟท่านฑูตดันมีขาแมลงสาบและเธอเผลอโรยเกลือเดดซีใส่ขาแกะจนร้านอาหารถูกยึดดาวมุสลิมสตาร์ไป งานนี้เชฟและมินนี จึงต้องออกตามหาสูตรซุปวัวหลังวังของพ่อครัวหลวงที่หายสาบสูญเพื่อหวังทำคะแนนให้ได้มุสลิมสตาร์กลับคืนมา และในขณะเดียวกันเธอกับฮันซัสก็เริ่มมีความรู้สึกดีต่อกัน ส่วนเชฟก็ต้องถามหัวใจตัวเองว่าเขารู้สึกยังไงกับเฟญ่า (สุทธิดา เกษมศันต์ ณ. อยุธยา) ผู้ช่วยเชฟที่แอบมีใจให้เขามานานแล้ว
ก่อนอื่นคือต้องบอกว่า รักนะ ซุปซุป อาจจะยังไม่ใช่หนังที่ดีและลงตัวนักนะครับ แต่รีวิวถูกเขียนขึ้นด้วยหวังจะเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของหนังไทยในปี 2020 ว่ามีคนทำหนังที่พยายามแหวกตลาดและหยิบจับวัฒนธรรมนอกกระแสมานำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์บ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวคือมองว่าเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนับสนุนอย่างยิ่ง
สำหรับวัฒนธรรมมุสลิมที่หนังนำมาเสนอก็นับว่ามีเรื่องน่าสนใจไม่น้อยโดยเฉพาะในส่วนของปรัชญาชีวิตของชาวมุสลิมที่มักเป็นเรื่องดำมืดพ้นจากการรับรู้ของคนนอกศาสนาอย่างผม การจะรับรู้คำแปลก ๆ อย่างวันอีด (หรือชื่อเต็ม อีดิลอัฎฮา ภาษามลายูปัตตานีเรียก ฮารีรายอฮัจยี มุสลิมภาคกลางเรียก วันอีดใหญ่ ) ก็ด้วยความเข้าใจเผิน ๆ ว่าเป็นวันหลังการนับถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิมเท่านั้น แต่ในหนังก็ได้นำหัวใจของวันสำคัญทางศาสนามาบอกเล่าให้เราทำความเข้าใจในเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี
อีกจุดเด่นที่น่าชื่นชมคืองานภาพของหนังที่เกรียงไกล มณวิจิตร นอกจากจะกำกับเขียนบทตัดต่อและแทบจะเหมาทำหลายอย่างในหนังเรื่องเดียวกันแล้ว เขายังกำกับภาพด้วยตัวเองและผลงานที่ออกมาก็ทำให้เห็นว่าเกรียงไกรมีฝีมือไม่น้อยเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นภาพอาหารหรือ Food Shot ที่ถ่ายทำได้สวยทำให้อาหารน่ากินมาก การวางคอมโพสิชันของภาพก็ทำได้น่าชื่นชมเรียกได้ว่าเป็นคนทำหนังเป็นและน่าจะมีประสบการณ์ด้านโปรดักชันไม่น้อยเลย
ทีนี้จุดที่หนังมาพลาดจริง ๆ น่าจะเป็นที่การเลือกเอาคอนเทนต์ด้านวัฒนธรรมมุสลิมมาใส่ในหนังโรแมนติกที่ทำให้เห็นเลยว่าเกรียงไกรเองก็ไม่ได้แม่นในการปรุงหนังเรื่องนี้ให้ออกมาถูกใจคอหนังรักในวงกว้างแถมยังทำให้เรื่องราวในส่วนของการต่อสู้เพื่อให้สามารถกลายเป็นเชฟอย่างที่ฝันสลายไปกับพลอตโรแมนติกที่ยังหนีไม่พ้นพลอตพ่อแง่แม่งอนที่คนดูไม่ได้อินด้วยทั้งในส่วนของ ฮันซัสที่อยู่ดี ๆ ก็มาชอบมินนีแบบไม่มีเหตุผลและเฟญ่าที่อยู่ ๆ ก็งอนเชฟเพราะมินนีเข้ามา
ซึ่งเชื่อว่าถ้าเกรียงไกรเชื่อในเรื่องเล่าของตัวเองและยืนพื้นให้มันเป็นดราม่า หนังก็มีสตอรีที่แข็งแรงอยู่แล้วสองส่วนได้แก่ประเด็นการต้องมารับความกดดันของฮันซัสกับการบริหารร้านอาหารมุสลิมระดับพรีเมียมของครอบครัวหลังการจากไปของคุณพ่อ หรือการต่อสู้เพื่อให้ตัวเองได้เป็นเชฟของมินนีกับการฝ่าอคติผู้คนไปให้ได้ แต่หนังก็กลับไปเสียเวลากับมุกโอเวอร์แอ็กติงของพี่จิ้ม ชวนชื่นที่เล่นใหญ่แบบกะกลบคนอื่นทุกซีน หรือมุกเปิ่ีน ๆ โก๊ะ ๆ ของมินนีที่คนดูไม่ได้ขำด้วยเท่าใดนัก
การแสดงของหนังในภาพรวมดูจะพึ่งพิงการแสดงแบบละคร ๆ ของเข้ม หัสวีร์ ที่ยังหลุดไม่พ้นบีตในการพูดเหมือนละครช่อง 7 ที่เขาแสดงแต่โชคร้ายว่าหนังก็ดันแคสติงนางเอกมาแบบผิดเบอร์มากเพราะการเอานักแสดงหน้าใหม่อย่าง สมาย ซัซนี ที่บอกตามตรงว่านอกจากความเป็นสาวมุสลิมแล้ว เธอก็แทบไม่มีเสน่ห์อะไรให้เราอยากมองหรืออยากติดตามเลย ยิ่งพอต้องมาเห็นเข้มตามจีบสมายคนดูยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่ว่าเจ้าของโรงแรมมาหลงรักอะไรในตัวมินนี เพราะบทเองก็ดูจับยัดจนคนดูยากจะอินตามจริง ๆ
ดังนั้นหนังเลยต้องพึ่งพานักแสดงมืออาชีพที่เล่นหนังดีอยู่แล้วอย่างเต้ ปิติศักดิ์ และนุ๊ก สุทธิดา มาทำให้หนังดูสนุกอยู่บ้างตัวเต้ ปิติศักดิ์ พยายามเต็มที่ที่จะให้คนดูเชื่อว่าเขาศรัทธาในตัวพ่อครัวหลวงอย่างแท้จริงตั้งแต่ซีนเปิดตัวละครของเขา และการมีบทโรแมนติกระหว่างเขากับนุ๊ก สุทธิดาก็ยังเติมความหวานและความน่ารักให้หนังแบบชดเชยตัวละครนำทั้งสองได้อย่างดี
สรุปท้ายแล้ว หากในอนาคตคนทำหนังไทยคิดจะหยิบจับวัฒนธรรมมาขายอีกอยากให้เน้นไปที่เรื่องเล่าเป็นสำคัญ และถ้าจะให้ดีคือการกล้าคิดเรื่องที่แปลกใหม่จริง ๆ เพราะอย่างคอนเทนต์ของรักนะ ซุปซุปนี้เชื่อว่าหากหนังตั้งใจทำเป็นดรามาปนฉากตื่นเต้นของการแข่งทำอาหารเหมือนอย่างที่คนดูหวังจะเห็นในหนังไทยแล้วเชื่อว่าตัวหนังจะเป็นที่น่าจดจำมากกว่านี้ครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส