การจากไปของพระเอก แชดวิก โบสแมน นับว่าเป็นข่าวช็อกโลก เพราะเป็นการจากไปในขณะที่เจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง และหนทางในอาชีพการงานกำลังสดใสไปด้วยดี
ประวัติโดยย่อ
แชดวิก โบสแมน เกิดในเมือง แอนเดอร์สัน รัฐเซาธ์ แคโลไรนา เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 1976 แม่ของเขาเป็นพยาบาล ส่วนพ่อเป็นเจ้าของบริษัทสิ่งทอ แชดวิก รู้ตัวว่ารักในวงการบันเทิง พอจบชั้นมัธยมเขาก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัย โฮเวิร์ด ในรัฐวอชังตัน ดี.ซี. สาขาการกำกับภาพยนตร์ หลังจบจากที่นี่ แชดวิก เข้าเรียนต่อทางด้านการแสดงที่ the British American Drama Academy ในเมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ในขณะที่เป็นนักศึกษา แชดวิกยังเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่โดดเด่นมาก แต่เขาก็ยังยึดมั่นในงานแสดง
แชดวิก เข้าวงการแสดงอย่างจริงจังในปี 2003 เริ่มต้นด้วยการแสดงบทสมทบในทีวีซีรีส์หลายเรื่องมาก จนได้รับบทำครั้งแรกใน Lincoln Heights ปี 2008 และในเรื่อง Persons Unknown ปี 2010 เส้นทางงานแสดงเริ่มมีแววสดใสในปี 2012 เมื่อเขาแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกและได้รับบทนำใน The Kill Hole ต่อเนื่องด้วย 42 ในปี 2013 ที่เขาได้รับบทนำและหนังได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก
แชดวิก เริ่มได้ส่วนร่วมในหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ครั้งแรกใน Gods of Egypt ปี 2016 และปีเดียวกันนี้ล่ะที่เขาได้รับโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิต เมื่อได้รับเลือกให้เป็น กษัตริย์ทีชาล่า หรือ Black Panther แนะนำตัวเข้าสู่จักรวาลหนังมาร์เวลใน Captain America: Civil War แต่โชคดีก็มาพร้อมโชคร้าย เพราะปีนี้ล่ะที่เขาตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ โรคที่พรากชีวิตเขาไปในที่สุด
เทย์เลอร์ ซิโมน เล็ดวาร์ด คู่ชีวิตของแชดวิกนั้น เป็นสาวนอกวงการ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสาวผู้นี้ พอรู้คร่าว ๆ ว่าทั้งคู่พบกันที่สนามบินนานาชาติ ลอส แองเจลิส แล้วสานสัมพันธ์กันต่อมานับแต่นั้น แชดวิกเปิดตัวเทย์เลอร์ เป็นทางการในงานเดินพรมแดง Screen Actors Guild Awards ในปี 2019 มีข่าวลือว่าทั้งคู่หมั้นหมายกันในเดือนตุลาคม 2019
แชดวิก ได้ร่วมแสดงในจักรวาลหนังมาร์เวลถึง 4 เรื่อง นอกจักรวาลหนังมาร์เวลเขาก็มีผลงานแสดงอีกหลายเรื่องและทุกเรื่องก็ใช้ชื่อของเขาโปรโมตเป็นจุดขาย เราจะได้ดูหนังเรื่องสุดท้ายของเขาคือ Ma Rainey’s Black Bottom ที่ปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้ว เป็นหนังเพลงที่ดัดแปลงมาจากละครเวที และยังมีผลงานพากย์เสียงเป็น Black Panther ในแอนิเมชัน What If ส่วน Yasuke หนังเรื่องใหม่ที่พลอตเรื่องน่าสนใจ เล่าเรื่อง ยาสุเกะ ซามูไรที่เป็นชาวแอฟริกันคนแรก ที่ยังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการสร้าง ก็น่าเสียดายที่แฟน ๆ ไม่มีโอกาสได้ดู แชดวิก โบสแมน ในชุดซามูไรเสียแล้ว ซึ่งทีมงานต้องหานักแสดงนำคนใหม่แล้วล่ะ
และนี่คือ 15 เรื่องน่าสนใจของ แชดวิก โบสแมน
1.เขามีความสามารถในการเขียนบทด้วย
ที่จริงแล้วเขาเคยได้รางวัลจากการเขียนบทมาแล้วด้วย ช่วงที่เขาเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษา เขาเคยเขียนบทละครเวทีเอง ในชื่อเรื่อง Crossroads ในช่วงนั้นล่ะที่เขายังคงมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์และผู้กำกับ ทำให้เขาเลือกเรียนในสาขากำกับภาพยนตร์
2.เขาเรียนต่อในสาขาการแสดง เพื่ออยากจะเข้าใจวิธีการสื่อสารกับนักแสดง
หลังแชดวิกเรียนจบทางด้านการกำกับภาพยนตร์ เขาก็เรียนต่อทางด้านการแสดง ไม่ใช่เพราะว่าเขาเปลี่ยนความตั้งใจมาเป็นนักแสดง แต่เขาต้องการเรียนรู้วิธีการสื่อสารกับนักแสดง กลุ่มผู้คนที่เขาจะต้องทำงานด้วยมากที่สุด ถ้าเขาได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ แต่เมื่อเขาเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว เขากลับได้รับโอกาสทางด้านการแสดงมากกว่าการจะได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์
3.เขาเคยแสดงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ถึง 3 ครั้ง
แม้ว่าโลกจะรู้จัก แชดวิก โบสแมน ในบทบาทของกษัตริย์ทีชาลา แต่บทบาทการแสดงนอกจักรวาลหนังมาร์เวลแล้วนั้น เขาได้รับบทที่ต้องแสดงเป็นบุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์มาแล้ว 3 ครั้ง
- 42 (2013) เขาแสดงเป็น แจ็กกี้ โรบินสัน นักกีฬาเบสบอลผิวดำคนแรกที่ได้เข้าไปเล่นในเมเจอร์ลีก
- Get On Up (2014) หนังชีวประวัติ เจมส์ บราวน์ นักร้องผิวดำระดับตำนานของอเมริกัน
- Marshall (2017) หนังชีวประวัติของ เธอร์กู๊ด มาร์แชล ผู้พิพากษาผิวดำคนแรกในศาลสูงอเมริกัน
แต่ แชดวิก ก็บอกว่าเขาอยากจะเล่นเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อีกสักคน นั่นก็คือ จิมิ เฮนด์ริกซ์ มือกีตาร์ร็อกระดับตำนานของเมริกันในยุค 70s
4.บทละครเวทีเขาได้เข้าชิงรางวัล
ปี 2006 แชดวิก เขียนบทละครเวทีในชื่อเรื่อง “Deep Azure” ตัวละครเวทีได้ออกแสดงที่ โรงละครคองโก้สแควร์ เขาเขียนเรื่องนี้ด้วยแรงบันดาลใจจากวงการเพลงฮิปฮอป ผ่านมุมมองจากหลากหลายวัฒนธรรมตั้งแต่ เชกสเปียร์ ไปจนถึงซูเปอร์ฮีโรมาร์เวล เรื่องราวค่อนข้างรุนแรง เพราะเกี่ยวกับตำรวจที่ยิงนักเรียนผิวดำตาย แต่ตำรวจที่ยิงก็ผิวดำด้วย เป็นเรื่องราวที่ชวนให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แต่เมื่อได้ออกแสดงแล้ว บทของเขาก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากบรรดานักวิจารณ์ ทำให้บทของแชดวิก ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Joseph Jefferson Award ในนิวยอร์ก
5.เขาชื่นชอบบาสเก็ตบอล
อย่างที่เล่าไปข้างต้นว่า แชดวิก เป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลตอนที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ แต่เมื่อเขาก้าวเข้าสู่วงการแสดงเต็มตัวแล้ว เขาก็ยังคงรักในกีฬาบาสเก็ตบอลอยู่ พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่เขาก็มักจะชวนเพื่อน ๆ เล่นบาสเก็ตบอลด้วยกันอยู่เสมอ เขายังไปเข้าชมการแข่งขัน ESPN รอบแรกด้วยแล้วก็ออกตัวชัดเจนว่าเชียร์ทีมไหน
“ผมยังคงจงรักภักดีต่อสถานศึกษาเดิมของผม นั่นก็คือทีม North Carolina Tar Heels ไม่จำเป็นหรอกว่าเขาจะเล่นดีหรือแย่อย่างไร ไม่จำเป็นด้วยว่าเขาจะได้ขึ้นนำหรือไม่ ชีวิตนี้คือ ทาร์ ฮีล”
นอกเหนือจากบาสเก็ตบอลแล้วเขาก็ยังสนใจในกีฬาหมัดมวยอีกด้วย
6.การแสดงเป็น เจมส์ บราวน์ ใช้พลังมากกว่าตอนแสดงเป็น Black Panther
อย่างที่หลาย ๆ คนได้บทบาทของแชดวิก ใน Black Panther กันไปแล้ว ในฐานะหนังแอ็กชันที่มีฉากต่อสู้มากมาย โดยเฉพาะฉากที่ต้องต่อสู้ในภาพลักษณ์ของกษัตริย์ทีชาล่า ที่ไม่ได้สวมชุด Black Panther นั้น แชดวิก ก็แสดงเองโดยไม่ได้ใช้สตันท์แมน เขายังโชว์ความแข็งแรงด้วยการดีดตัวจากนอนหงายมาลุกขึ้นยืนแบบสบาย ๆ (Backflips) เรา ๆ ก็เชื่อว่านี่น่าจะต้องเป็นงานแสดงที่โหดหินสำหรับเขามาก ๆ แต่แชดวิกกลับบอกว่าหนัง Get On Up ปี 2014 นั้นกินพลังจากตัวเขาไปมากกว่าตอนแสดง Black Panther เสียอีก
“ถ้าคุณเหนื่อยอ่อน คุณสามารถปกปิดมันภายใต้ชุดได้ แต่กับการร้องเพลงนั้นทำไม่ได้”
7.เขาอยู่ในร่างของ เจมส์ บราวน์ ตลอดการถ่ายทำหนัง Get On Up
สืบเนื่องจากข้อที่แล้วที่ แชดวิก เผยว่า Get On Up คืองานแสดงที่กินพลังในตัวเขาไปมากที่สุด นั่นก็เพราะเขาจริงจังและทุ่มเทกับบท เจมส์ บราวน์ ศิลปินที่ยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจคนหนึ่งของชาวอเมริกันอย่างมาก ในการสวมวิญญาณการแสดงให้สมจริงกับการเป็นตัวตนของ เจมส์ บราวน์ ให้ได้มากที่สุดนั้น แชดวิก ไม่ได้สวมบทบาทเป็น เจมส์ บราวน์ แค่หน้ากล้อง แต่เขาสวมวิญญาณของเจมส์ บราวน์ ตลอดการถ่ายทำ
“อย่างตอนที่เราได้พักเบรกกัน แล้วคุณมานั่งกินข้าวอยู่ข้างผม นั่นแปลว่าคุณกำลังกินข้าวกับเจมส์ บราวน์ อยู่นะ ต่อให้เลิกงานกลับบ้านแล้ว ผมก็ยังคงเป็น เจมส์ บราวน์ อยู่”
แชดวิก ตั้งอกตั้งใจอินกับบทนี้มาก เขาพยายามคงการพูดแบบติดสำเนียงใต้ของเจมส์ บราวน์ ที่ติดแหบหน่อย ๆ เอาไว้ตลอดเวลา
ซึ่งในเรื่องนี้ เทต เทเลอร์ ผู้กำกับหนังก็เห็นจริงตามนั้นด้วย
“เราไม่ได้เจอตัวตนของแชดอีกเลย เราเรียกชื่อเขาว่า มิสเตอร์ บราวน์ ตลอด มันทำให้รู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่า”
ยังมีเรื่องน่าสนใจอีกหลายเรื่องในหน้า 2 —————>
8.พอใจจะซื้อเอง
แน่นอนว่าในฐานะพระเอกของ Black Panther ทางสำนักพิมพ์มาร์เวลก็เลยเสนอว่าจะให้หนังสือการ์ตูน Black Panther เล่มก่อน ๆ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน แต่แชดวิกปฏิเสธ เขาบอกว่าอยากจะซื้อเอง แล้วเขาก็ทำแบบนั้น หลังหนังออกฉายไปแล้ว แชดวิกก็สวมแว่นดำ ใส่หมวก กะว่าแค่นี้จะพรางตัวตนของเขาได้แล้ว เขาก็ไปเข้าร้านหนังสือการ์ตูนเพื่อหาซื้อการ์ตูน Black Panther เล่มเก่า ๆ แต่แฟนหนังก็จำเขาได้ แล้วก็มารุมล้อม นับเป็นความเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่สำหรับแฟน ๆ Black Panther ที่เจอฝ่าบาททีชาล่ามาซื้อการ์ตูน Black Panther แบบนี้
9.เป็นตัวเลือกแรกที่จะมาเป็น Black Panther
เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก เควิน ไฟกี ประธานมาร์เวลเองเลย ว่าตอนที่หานักแสดงมารับบทนำใน Black Panther นั้น แชดวิก โบสแมน เป็นตัวเลือกแรก ๆ ของเขาเลย
“ผมว่าตอนนั้นผมใช้เวลาตัดสินใจ 24 ชั่วโมงได้ ก่อนที่จะเอ่ยชื่อเขาออกมาในการประชุม แล้วก็ติดต่อตัวแทนของเขาเลยแล้วผมก็ได้คุยกับเขาทางโทรศัพท์”
ด้วยความที่เป็นตัวเลือกของเควิน ไฟกี เอง แชดวิกจึงได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ต้องมาอ่านบทให้ฝ่ายแคสติ้งดู ในขณะที่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และ คริส อีแวน ยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษนี้
10.Expatriate หนึ่งในโพรเจกต์ที่น่าเสียดาย
ในปี 2018 มีการเผยข่าวโพรเจกต์หนังเรื่อง Expatriate หนังระทึกขวัญเล่าเหตุการณ์ไฮแจ็กในยุค 70s หนังรวมทีมงานที่น่าสนใจไว้มาก ตั้งแต่ผู้กำกับ แบร์รี่ เจนกินส์ ที่เพิ่งคว้าออสการ์มาจากหนัง Moonlight และที่น่าสนใจก็คือ แชดวิก โบสแมน นอกจากจะรับบทนำแล้ว เขายังจะเขียนบทภาพยนตร์เองด้วย แต่ที่น่าเสียดายก็คือข่าวคราวของ Expatriate ก็ไม่มีความคืบหน้ามาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ถ้าได้สร้างจริงก็เป็นหนังที่น่าสนใจมาก แต่ก็ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นแล้ว
11.50 เทค
ในหนังเรื่อง 42 ปี 2013 นั้น แชดวิก โบสแมน เล่นเป็น แจ็กกี้ โรบินสัน นักกีฬาเบสบอลผิวดำคนสำคัญในประวัติศาสตร์ ในหนังนั้นมีฉากสำคัญที่ แจ็กกี้ ขโมยเบสได้ ด้วยความที่เป็นฉากสำคัญผู้กำกับก็เลยอยากเน้นฉากนี้ด้วยการถ่ายด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน และจากความต้องการของผู้กำกับนี้ล่ะ ทำให้แชดวิก ต้องแสดงฉากนี้ซ้ำ ๆ ถึง 50 ครั้ง
12.ชุด Black Panther คือประสบการณ์เลวร้ายของแชดวิก
ถ้าสังเกตดี ๆ ในบรรดาชุดของซูเปอร์ฮีโรส่วนใหญ่จะเปิดบริเวณใบหน้า ก็มีบ้างบางรายที่ปิดหน้าอย่าง Iron Man, Ant-Man และ Spider-Man และ Black Panther ซึ่งชุดเหล่านี้สร้างความอึดอัดให้กับผู้สวมใส่อย่างมาก โดยเฉพาะ แชดวิก โบสแมน เขาบอกว่าตอนที่เขาใส่ชุด Black Panther ครั้งแรกในหนัง Captain America: Civil War นั้น มันคับและอึดอัดมาก
“บอกตามตรงเลยครับ มันปิดกั้นทุกช่องทางที่อากาศจะเข้าไปในชุดได้ พอผมสวมชุดแล้วก็ใส่หน้ากากเข้าไปอีก ผมทนไม่ไหว ต้องบอก เฮ้! พวกคุณช่วยเอาชุดนี้ออกจากตัวผมที”
นอกจากมันคับแล้วมันยังร้อนมาก
“ผมไม่เคยรู้สึกร้อนอบอ้าวถึงขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตผม จริง ๆ นะ”
พอเขาได้กลับมาสวมชุดนี้ครั้งที่ 2 ในหนังเดี่ยว Black Panther ปี 2018 ก็มีการปรับชุดให้ผ่อนคลายมากขึ้น และตัวเขาเองก็เริ่มคุ้นชินกันชุดมากขึ้นแล้ว
“ผมรู้สึกได้ว่าผมเริ่มรู้สึกว่ามันเป็นผิวหนังของผมไปแล้วในบางช่วง แต่มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควรนะกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้”
ชุดนี้มันน่าจะเป็นการออกแบบที่เลวร้ายจริง เพราะไม่ใช่แค่ แชดวิก เท่านั้นที่บ่น แต่เพื่อนนักแสดงก็ยืนยันด้วยเช่นกัน
เอลิซาเบ็ธ โอลเซ็น ผู้รับบท Scarlet Witch ก็บอกว่า “แชดวิกได้ชุดที่แย่ที่สุด”
ส่วน เจเรมี เรนเนอร์ ผู้รับบท Hawkeye ให้ความเห็นว่า “มันเป็นชุดที่แย่ที่สุดในทุกตัวละครของมาร์เวล”
13.เรียนจบเพราะ เดนเซล วอชิงตัน
ตอนที่ แชดวิก เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย โฮเวิร์ด เขาอยากจะไปเรียนการแสดงในช่วงฤดูร้อนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด แต่ก็ขาดแคลนทุนทรัพย์ โชคดีที่อาจารย์ของแชดวิก มีเพือนฝูงเป็นนักแสดงฮอลลีวูดที่อยากจะสนับสนุนนักศึกษาการแสดงที่เรียนดี แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวตน จนถึงช่วงที่แชดวิกเรียนจบ อาจารย์ถึงได้บอกว่าคนที่ให้ทุนการศึกษาแก่เขาก็คือ เดนเซล วอชิงตัน สร้างความปลาบปลื้มกับแชดวิกอย่างมากที่ได้รับน้ำใจจากนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้กล่าวขอบคุณเป็นการส่วนตัว จนถึงวันที่หนัง Black Panther เปิดตัว ในรอบปฐมทัศน์นั้น แชดวิกได้ขึ้นพูดกับผู้ชมในงาน เขาจึงใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณ เดนเซล วอชิงตัน ที่มีส่วนสำคัญทำให้เขาได้มีวันนี้
14.เขาทำท่าฉีกขาได้
เมื่อได้รับเลือกให้รับบทเป็น Black Panther ส่วนสำคัญที่สุดการที่ต้องฟิตซ้อมให้รูปร่างดูดี เพราะชุดที่เขาส่วมใส่จะเป็นแบบรัดรูปโชว์เรือนร่าง เพื่อการนี้แชดวิกต้องออกกำลังกายทุกวัน วันละ 5 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงที่เขารับบทนำใน Get On Up นั้น แชดวิกก็ฟิตร่างกายมาพอสมควร เพราะในเรื่องนั้นแชดวิกต้องร้องและเต้น และท่าที่โชว์บ่อย ๆ ก็คือท่าฉีกขา 180 องศา
15.มีทรัพย์สินส่วนตัว 8 ล้านเหรียญ
8 ล้านเหรียญ ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 248 ล้านบาท ทั้งหมดนี้ แชดวิก สะสมมาตั้งแต่ตอนเป็นนักแสดงทีวีซีรีส์ ถ้าพิจารณาในฐานะนักแสดงฮอลลีวูดที่มีชื่อเสียงก็ยังนับว่าไม่มากนัก แต่แชดวิกก็ยังอยู่ในช่วงเวลาขาขึ้นของอาชีพนักแสดง เขายังมีโพรเจกต์ในอนาคตอีกหลายเรื่อง บวกกับตัวเลขค่าตัวที่กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามชื่อเสียงของเขาที่มากขึ้น ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะมีทรัพย์สินสะสมได้ในระดับหลายสิบล้านเหรียญก็เป็นได้
Wakanda Forever