Rated : PG
Time : 94 Min.
Director: Tim Hill
Writers: Tom J. Astle, Matt Ember
Stars: Robert De Niro, Uma Thurman, Rob Riggle
Our score
6.6the war with grandpa : ถ้าปู่แน่ ก็มาดิค้าบ
จุดเด่น
- หนังไร้พิษภัย ดูได้ทั้งครอบครัว
- นักแสดงสมทบรุ่นใหญ่หลายราย ได้เห็น อูมา เธอร์แมน, คริสโตเฟอร์ วอล์กเค็น และ เจน ซีมัวร์
- น้องหนู ป๊อปปี้ แก็กนอน น่ารักสดใสมาก
- ได้เสียงหัวเราะคลอทั้งเรื่อง
จุดสังเกต
- มีฉากเอาใจเด็กเยอะ เช่นฉากข้าวของเสียหาย วินาศสันตะโร จึงค่อนข้างเหมาะกับผู้ชมรุ่นเล็ก
- ตัวประกอบเยอะเกิน กระจายบทได้ไม่ทั่วถึง
- เพราะเป็นหนังเรต PG สไตล์ครอบครัว ปัญหาต่าง ๆ ในหนังจึงคลี่คลายได้อย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน
-
ตรระกะ ความสมเหตุสมผลของบทภาพยนตร์
5.0
-
คุณภาพงานสร้าง
7.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.0
-
ความสนุกตามแนวหนัง
7.0
-
คุ้มเวลา+ค่าตั๋ว
6.0
น่าแปลกไปสักนิดที่หนังในสไตล์ครอบครัวเช่นนี้มาออกฉายในช่วงต้นเดือนตุลาคม ทั้งที่ปกติหนังแนวนี้จะออกมาในช่วงปลายปีใกล้เทศกาลคริสต์มาส ที่เหมาะกับการให้พ่อแม่ลูกจูงมือกันเข้าโรงหนัง แล้วบรรยากาศรวมถึงเนื้อหาของ The War With Grandpa ก็ดูจะเข้าทางในแนวนั้นเสียด้วย หนังสร้างเสร็จมาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว แต่ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เลื่อนไกล จนมาได้กำหนดฉายช่วงนี้ล่ะ ก็ยังแปลกใจนะที่หนังรอดไม่ถูกขายไปลงช่องสตรีมมิงเสียก่อน
เนื้อหาของ The War With Grandpa ก็มาตามชื่อเรื่องเลย เมื่อคุณตาเอ็ดต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียวในบั้นปลายชีวิต หลังจากภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากชิงจากไปเสียก่อน หนังแสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้นของคุณตาเอ็ด ที่มีปัญหากับการดำเนินชีวิตประจำวันที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องโกลาหล ร้อนถึงแซลลี ลูกสาวที่แยกไปมีครอบครัวแล้ว จำต้องแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดด้วยการบังคับให้พ่อย้ายไปอยู่กับเธอ เพราะเธอเบื่อกับการบึ่งรถข้ามรัฐมาแก้ปัญหาที่พ่อก่ออยู่บ่อย ๆ ไม่ไหว แต่ครอบครัวของแซลลีที่มีลูกถึง 3 คนก็เลยเป็นบ้านที่ค่อนข้างแออัด เดือดร้อนไปถึงปีเตอร์ ลูกชายคนกลางวัย 12 ปีที่ต้องอัปเปหิให้ย้ายไปอยู่ห้องใต้หลังคา เพราะโดนบังคับให้เสียสละห้องเดิมให้กับคุณตา เมื่อไปบ่นให้เพื่อน ๆ ฟังว่าโดนตายึดห้องไป ปีเตอร์ก็เลยโดนลูกยุจากเพื่อน ๆ ให้ชิงห้องเดิมคืนมา ปีเตอร์เลยประกาศสงครามประสาทกับคุณตา ด้วยการแกล้งคุณตาต่าง ๆ นานา เพราะหวังว่าคุณตาจะทนไม่ไหว แล้วยอมคืนห้องให้กับเขา
แม้ว่าหนังจะมีชื่อ Grandpa เหมือนกับ Dirty Grandpa หนังตลกเน้นมุกสัปดน ที่โรเบิร์ต เดอนีโร แสดงไว้ในปี 2016 แต่รอบนี้ The War With Grandpa มาในแบบหนังขาวสะอาดปราศจากมลพิษทั้งภาพและบทสนทนา ที่เน้นจุดขายคือการแกลังกันระหว่างรุ่นใหญ่กับรุ่นเล็ก แม้ว่าจุดขายจะมีความละม้ายกับ Home Alone หนังแฟมิลี่คลาสสิกเมื่อปี 1990 อยู่บ้างในเรื่องหนูน้อยที่วางแผน เล่นกับดักกับรุ่นใหญ่ แต่ว่าแผนการแต่ละครั้งที่ปีเตอร์จัดการกับคุณตาก็ค่อนข้างเบา เรียกเสียงฮาได้ขณะชม แต่ไม่ถึงกับอยากดูซ้ำหรือหยิบมาเล่าต่อ แล้วส่วนใหญ่ก็หยิบมาขายในตัวอย่างหนังหมดแล้วด้วย หนังยังคงมีฉากอีรุงตุงนัง ข้าวของวินาศสันตะโร ที่เหมือนไฟต์บังคับจะต้องมีในหนังแฟมิลี่ทุกเรื่อง The War With Grandpa ก็เลยไม่ใช่ข้อยกเว้น ซึ่งก็น่าจะถูกใจผู้ชมรุ่นเล็กเสียมากกว่า
หนังได้นักแสดงชื่อดังมาร่วมงานหลายคน ซึ่งน่าจะใช้โปรโมตเรียกคนดูได้มาก แต่กลับใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มค่า ที่ดูแล้วรู้สึกได้ว่าเอาใครมาเล่นก็ได้นะ มีทั้ง อูมา เธอร์แมน ในบท แซลลี่ ลูกสาวของคุณตาเอ็ด, คริสโตเฟอร์ วอล์คเก็น รับบทเป็น เจอร์รี ซี้เก่าของคุณตาเอ็ด, เจน ซีมัวร์ อดีตนางเอกสุดสะพรั่งในยุค 80s มารับบท ไดเอน กิ๊กคนใหม่ของคุณตาเอ็ด และยังมี ชีช มาริน, ร็อบ ริกเกิล ในบทสมทบ ด้วยเหตุที่บทหนังเขียนให้ ปีเตอร์มีเพื่อนร่วมแก๊งอีก 3 คน ส่วนคุณตาเอ็ด ก็มีเพื่อนร่วมแก๊งอีก 3 คน สมาชิกในครอบครัวก็มีพ่อแม่และลูกอีก 3 คน รวมกันแล้วก็ทำให้หนังมีตัวละครเยอะมาก ซึ่งก็ทำให้หนังที่มีความยาวแค่ 94 นาทีรวมเครดิตท้ายเรื่องด้วยนี้ ไม่สามารถกระจายบทบาทให้แต่ละคนได้พอเพียง บรรดาเพื่อนหลาน เพื่อนตานี่เรียกว่าไม่มีฉากขายของตัวเองกันเลย ส่วนเพื่อนของปีเตอร์นี่ดูจบแล้วยังจำไม่ได้เลยว่าแต่ละคนชื่ออะไรกันบ้าง ที่น่าจะจำกันได้ก็มีเพียง สตีฟ คนเดียว ที่ต้องโดนพี่สาวแกล้งทำให้ขายหน้า และเป็นมุกที่เล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่หลายครั้ง แต่เชื่อว่ารายที่ใครดูแล้วจะต้องจำได้ก็คือ หนูน้อย ป๊อปปี้ แกนนอน ในบท เจนนิเฟอร์ หลานสาวคนเล็ก เธอน่ารักสดใสมากในทุก ๆ ฉากที่ออกมาสามารถเรียกรอยยิ้มจากคนดูได้เสมอ
และด้วยความที่เป็นหนังครอบครัวนี่ล่ะ ทุกอย่างมันก็เลยดูเบาบางไปหมด ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายโดยง่าย ก็ด้วยกรอบของความเป็น “หนังครอบครัว” และเรต PG จึงกลายเป็นกรอบที่แคบมาก ทำให้หนังเล่นอะไรเลยเถิดไม่ได้มาก ความบาดหมางของตาและหลานก็ลงเอยกันแบบง่าย ๆ พอง่ายมันก็เลยไม่ชวนให้อินตามเท่าใดนัก บางประเด็นก็ปูมาเหมือนจะมีอะไร อย่างเรื่องความกินแหนงแคลงใจระหว่างพ่อตาเอ็ด กับอาร์เธอร์ที่เป็นลูกเขย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าพอกับที่ปูมาตั้งแต่ต้นเรื่อง คาดว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัวบทภาพยนตร์นี่ล่ะ เพราะว่าหนังดัดแปลงมาจากนิยายในชื่อเดียวกันของ โรเบิร์ต คิมเมล สมิธ นักประพันธ์นิยายสำหรับเยาวชน ตัวนิยายตีพิมพ์เมื่อปี 1984 และกวาดรางวัลต่าง ๆ ทั่วโลกมาถึง 11 รางวัล แปลว่าสารบางอย่างอาจจะไม่ได้ถูกถ่ายทอดมาถึงในเวอร์ชันภาพยนตร์นี้ละมั้ง
หนังใส ๆ ปลอดสารพิษ ดูแล้วยิ้มได้ เหมาะกับผู้ชมรุ่นเล็กมากครับ