แม้ว่าจะยังไม่มีหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายในบ้านเรายาวไปถึงช่วงปีใหม่ ตามแนวทางการฉายหนังของตลาดโลกที่เลื่อนวันฉายหนังระดับถล่มตารางหนังทำเงินหนีไปฉายปี 2021 ทั้งหมดแล้ว ในอีก 3 เดือนที่เหลือจึงเป็นหนังฟอร์มเล็กหรือหนังเก่าจาก 1-2 ปีก่อนที่ผู้จัดจำหน่ายเลือกหนังมาฉายไปพลาง ๆ ซึ่งไม่ได้ความว่าจะไม่มีคุณภาพหรือไม่น่าดู แต่โรงหนังและค่ายหนังก็ต้องยอมรับสภาพที่ไม่อาจทำกำไรได้ เพียงแต่ยังสามารถเรียกทุนคืนได้บ้าง ดีกว่าไม่มีคนเข้าไปใช้บริการโรงหนังเลย

ในเดือนตุลาคมนี้เองก็มีภาพยนตร์เข้าใหม่อยู่ถึงกว่า 20 เรื่องด้วยกัน ซึ่งถ้าเทียบกับสองเดือนก่อนหน้านี้ก็จะมีจำนวนน้อยกว่านี้อยู่ที่ราว ๆ 15 เรื่อง ซึ่งก็เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ชมคนไทยมากขึ้น ทั้งหนังไทย หนังฮอลลีวูดทั้งแนวสงครามแลวดราม่า หนังจีน หนังแอนิเมชัน คละกลุ่มเป้าหมายทำนองว่าคงจะโดนใจกลุ่มคนดูเข้าสักกลุ่มนึง วันนี้ What the Fact ขอนำเสนอรายชื่อหนังน่าดูพร้อมข้อมูลและรีวิวของ WTF เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกไปชมกัน โดยขอแบ่งเป็นครึ่งแรกและครึ่งหลังของเดือนเพื่อไม่ให้เยอะมากเกินไป

THE LAST FULL MEASURE (2019) – 1 ตุลาคม

https://www.youtube.com/watch?v=_3pieoeAOV4

หนังเก่าปี 2019 ที่ยังดูไม่ล้าสมัยและกับฉากหลังที่เป็นหนังสงครามก็ชวนให้น่าจะเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์สำหรับ The Last Full Measure หนังเป็นเรื่องราวของความพยายามที่จะพิสูจน์วีรกรรมของทหารหาญในสงคราม เพื่อขอพิจารณาเลื่อนระดับอิสริยาภรณ์จาก Air Force Cross (เหรียญกล้าหาญลำดับชั้นที่ 2) เป็น Medal of Honor (เหรียญเกียรติยศลำดับสูงสุด) สดุดีให้กับพลร่มกู้ภัยทางอากาศ (Pararescueman Jumper หรือ PJ) สังกัดกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า William H. Pitsenbarger (บทของ Jeremy Irvin) เขาได้เสียสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเพื่อนทหารกว่า 60 นาย ระหว่างภารกิจช่วยเหลือในสงครามเวียดนาม เมื่อวันที่ 11 เมษายน 1966

The Last Full Measure

เมื่อ Pitsenbarger ได้รับโอกาสให้อพยพกลับทางเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้ายขณะที่ถูกระดมยิงอย่างหนักจากข้าศึก แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่ในพื้นที่การรบต่อเพื่อช่วยเหลือเพื่อนทหารในกองพลทหารราบที่ 1 (U.S. Army’s 1st Infantry Division) หนังจะเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ในสงคราม กับการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับเพื่อนทหารที่เป็นประจักษ์พยานผู้ร่วมเหตุการณ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อขอพิจารณาเลื่อนระดับเหรียญกล้าหาญ ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ Scott Huffman (บทของ Sebastian Stan) ซึ่งเกิดขึ้นในอีก 30 ปีให้หลัง ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามเวียดนามสิ้นสุดไปแล้ว (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

The Last Full Measure

หนังเต็มไปด้วยนักแสดงแถวหน้าไล่ตั้งแต่รุ่นใหญ่ Christopher Plummer จาก Knives out, William Hurt จาก Captain America: Civil War, Ed Harris จาก The Rock, Samuel L. Jackson จาก The Avengers และ Bradley Whitford จาก Get Out ส่วนรุ่นเล็กก็มี Sebastian Stan จาก Avengers: Endgame และ Jeremy Irvine จาก War House หนังเป็นผลงานกำกับของ Todd Robinson จากหนังทหาร Phantom (2013) และหนังพีเรียด Lonely Hearts (2006) ซึ่งหนังเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยด้วย (ชวนอ่าน “รู้หรือไม่? หนังฮอลลีวูดที่เข้ามาถ่ายทำที่ไทย ในรอบ 20 ปีมานี้มีเรื่องอะไรบ้าง“)

  • นักแสดง: Sebastian Stan, Christopher Plummer, William Hurt, Ed Harris, Samuel L. Jackson, Bradley Whitford, Jeremy Irvine
  • ผู้กำกับ: Todd Robinson (Phantom, Lonely Hearts)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 20 / 3 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 59% / 6.7/10

BILLIE (2019) – 1 ตุลาคม

ไม่บ่อยครั้งที่จะได้รับรู้เรื่องราวชองศิลปินเพลงแจ๊ส ด้วยเป็นแนวเพลงที่อาจจะยังไม่ได้รับความนิยมนักในบ้านเรา ดังนั้น Billie จึงเป็นยิ่งกว่าสารคดีแต่อาจจะเป็นประตูบานแรกของผู้ชมที่จะได้ทำความรู้จักกับเพลงแจ๊สสำหรับใครหลายคน ผ่านศิลปินผู้เป็นตำนานอย่าง Billy Holiday สารคดีเรื่มต้นด้วยข้อความบนจอกล่าวถึงการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ Linda Kuehl นักข่าวที่เก็บเสียงสัมภาษณ์ผู้คนรอบตัวของ Billie ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันโลดโผนโจนทะยานของนักร้องคนดัง เริ่มจากวัยเด็กในสลัม เคยเป็นโสเภณีเมื่อเริ่มแตกเนื้อสาว และหนทางชื่อเสียงของเธอที่เต็มไปด้วยความรักไม่สมหวัง เซ็กส์แบบไร้ขอบเขต และยาเสพติดที่ทำให้เธอต้องจบชีวิตลงในวัยเพียง 44 ปี (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF และเกร็ดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับศิลปิน Billy Holiday ที่สหมงคลฟิล์มผู้จัดจำหน่ายรวบรวมเอาไว้)

  • นักแสดง: Billy Holiday (สารคดีเล่าเรื่องของเธอเอง)
  • ผู้กำกับ: James Erskine (The Ice King, The Whiteroom)
  • iMDB Rating: 7/10

DELIVER US FROM EVIL – 1 ตุลาคม

https://youtu.be/kG1NnBMgpeU

หนังเกาหลีที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ของเรื่อง และชวนให้นึกถึงหนังไทยและหนังเกาหลีที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันยุค 90s หนังที่ได้ชื่อไทยว่า “ให้มันจบที่นรก” เล่าเรื่องของ “อินนัม” (ฮวังจองมิน จาก The Wailing (2016)) นักฆ่าสัญญาจ้างฝีมือฉกาจที่เพิ่งจะปิดงานสุดท้ายลงได้ไม่นาน แต่หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าเกิดคดีลักพาตัวเด็กคนหนึ่งขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเด็กคนนั้นจะเกี่ยวข้องกับตัวเขา อินนัมจึงต้องเดินทางมาประเทศไทยเพื่อสืบหาความจริง ในขณะเดียวกัน “เรย์” (อีจองแจ จาก Along With the Gods (2017)) ที่เพิ่งรู้ว่าน้องชายแท้ ๆ ของเขาถูกอินนัมฆ่าตาย เขาก็เลยต้องบินมายังประเทศไทยเพื่อไล่ล่าอินนัมด้วยตัวเอง (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

นี่คือผลงานการกำกับเรื่องใหม่ของ “ฮงวอนชาน” เจ้าของผลงาน Office (2015) ภาพยนตร์ที่ถูกรับเลือกให้เข้าฉายในงาน Cannes Film Festival พร้อมด้วย ฮงกยองพโย ผู้กำกับภาพจากภาพยนตร์รางวัลออสการ์อย่าง Parasite (2019) มาร่วมสร้างสรรค์ฉากแอ็กชันสุดมันในครั้งนี้ หนังถ่ายทำกันใน 3 ประเทศ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และไทย เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศที่แตกต่างไปจากภาพยนตร์เกาหลีเรื่องอื่น ๆ โดยฮวังจองมินเล่าถึงเหตุผลที่เลือกประเทศไทยเป็นโลเคชันถ่ายทำว่า กรุงเทพ​มีกลิ่นอายของความแปลกใหม่และให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนใคร ​​ทำให้รู้สึกไม่คุ้นชินและรู้สึก​กระวนกระวาย​ได้พร้อมกันในที่เดียว

https://www.youtube.com/watch?v=y3Sx60Uk3UY
  • นักแสดง: ฮวังจองมิน, อีจองแจ, พักจองมิน
  • ผู้กำกับ: ฮงวอนชาน (The Office)
  • iMDB Rating: 6.7/10

VANGUARD – 1 ตุลาคม

https://www.youtube.com/watch?v=TkRk0RNYYkc

เลื่อนฉายในบ้านเราจากช่วงตรุษจีนตอนต้นปีเพราะหนีโควิด และได้ฤกษ์มาฉายเกือบปลายปีสำหรับหนังจีนประจำปีนี้ของเฉินหลง หนนี้เขาต้องรับบทเป็น ถังฮั่วถิง (เฉินหลง) และหัวหน้านำทีมปฏิบัตภารกิจบู๊ระห่ำข้ามทวีป กับเรื่องราวการต่อสู้ไล่ล่าข้ามทวีปของทีม “แวนการ์ด” องค์กรรักษาความปลอดภัยระดับนานาชาติ เขาต้องรวมทีมกับสมาชิกมากฝีมืออย่าง เหลยเจิ้นอวี่ (หยางหยาง) ที่ต้องเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายเพื่อช่วยเหลือนักธุรกิจชาวจีนและลูกสาวของเขา และต้องยุติแผนการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่มีชีวิตผู้บริสุทธิ์นับล้านเป็นเดิมพัน (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

Vanguard
Vanguard

ในการถ่ายทำเรื่องนี้ เฉินหลงได้ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อไปติดอยู่ใต้หินก้อนหนึ่งระหว่างการถ่ายทำฉากเจ็ตสกีที่ทะเลแห่งหนึ่งของจีน เฉินหลงไม่สามารถสลัดให้หลุดออกจากก้อนหินได้จนเขาเกือบจะจมน้ำ แต่ทีมงานก็ตอบสนองได้ทันท่วงที และช่วยเขากลับขึ้นมาเหนือน้ำได้สำเร็จ

Vanguard หน่วยพิทักษ์ฟัดข้ามโลก
  • นักแสดง: เฉินหลง, หยางหยาง, อ้ายหลุน, มิย่า มูฉีม, จูเจิ้งถิง
  • ผู้กำกับ: Stanley Tong (วิ่งสู้ฟัด 3-4, ใหญ่ฟัดโลก, โยคะสู้ฟัด)
  • iMDB Rating: 5/10

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

THE SECRETS WE KEEP – 8 ตุลาคม

https://www.youtube.com/watch?v=VFj6RNYZvBU

จากบทละครเวที “Death and the Maiden” ที่เคยถูกสร้างเป็นหนังชื่อเดียวกัน โดยผู้กำกับรางวัลออสการ์ Roman Polanski ออกฉายเมื่อปี 1994 มาก่อน (รับบทโดย Sigourney Weaver และ Ben Kingsley) หนังได้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดหนังฉบับกึ่งรีเมกชื่อ The Secrets We Keep ที่ได้นักแสดงมีฝีมืออย่าง Noomi Rapace จาก Prometheus (2012), Joel Kinnaman จาก Suicide Squad (2016), Chris Messina จาก Argo (2012) และ Amy Seimetz จาก Alien: Covenant (2017) มาเชือดเฉือนการแสดงกัน

WHAT THE FACT รีวิว The Secrets We Keep
WHAT THE FACT รีวิว The Secrets We Keep

หนังวางเหตุการณ์ให้อยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Maja เหยื่อของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยนาซีที่รอดชีวิตมาได้และเริ่มต้นชีวิตใหม่แต่งงานกับสามีชาวอเมริกัน วันหนึ่งเธอได้ลักพาตัวเพื่อนบ้านมาขังไว้และทรมานเขา เพราะเธอเชื่อว่าเขาคือทหารนาซีที่ทรมานเธอกับครอบครัวอย่างทารุณเมื่อ 10 ปีก่อน เธอไม่มีหลักฐานจึงจำเป็นต้องทรมานเขาเพื่อให้รับสารภาพ ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่คนที่เธอคิดว่าเป็น ส่วนสามีก็ต้องชั่งใจว่าจะเชื่อ Maja หรือจริง ๆ แล้วเป็นอาการหลอนจากพิษสงครามของเธอ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

  • นักแสดง: Noomi Rapace, Joel Kinnaman, Chris Messina, Amy Seimetz
  • ผู้กำกับ: Yuval Adler (The Operative)
  • รายรับรวมทั่วโลก: 217,744 เหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 63% / 7/10

THE WAR WITH GRANDPA – 8 ตุลาคม

https://www.youtube.com/watch?v=UcxO2yHX2GA

หนังว่าด้วยเรื่องราวของ Peter (Oakes Fegley จาก Pete’s Dragon (2016)) เด็กหนุ่มสุดแอ็คที่ต้องยอมยกห้องนอนสุดรักของตัวเองให้ Ed (Robert De Niro) คุณปู่ของเขา Peter จึงวางแผนแกล้งปู่ทุกวิถีทางเพื่อให้เปลี่ยนใจ ไม่ให้ปู่ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันกับเขา แต่งานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อคุณปู่จอมแสบก็ไม่ยอมถูกหลานแกล้งง่าย ๆ อยู่ฝ่ายเดียว สงครามสุดป่วนปนฮาของปู่และหลานจึงเปิดฉากขึ้น (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

ช่วงหลังมานี้นักแสดงเจ้าของสองรางวัลออสการ์อย่าง Robert De Niro เล่นแต่หนังเครียด ๆ มาหลายเรื่อง ทั้ง Joker (2019) และ The Irishman (2019) ปีนี้คุณปู่ก็คงอยากพักผ่านสมองบ้างเลยกลับมาเล่นหนังเป็นคุณปู่สุดฮาอีกครั้ง ใน The War with Grandpa หรือชื่อไทยของหนังที่ตั้งเสียแสบว่า “ถ้าปู่แน่ ก็มาดิครับ” และทำให้นึกถึงบททำนองนี้ของ De Niro ในหนังสุดฮิตอย่างไตรภาค Meet The Parents (2000-2010) และ Dirty Grandpa (2016) ยังไงยังงั้น สมทบด้วยนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย ทั้ง Uma Thurman จาก Kill Bill (2003), Christopher Walken จาก Catch Me If You Can (2002) และ Jane Seymour นักแสดงอมตะและเคยเป็นสาว Bond 007 ในภาค Live and Let Die (1973) กำกับโดย Tim Hill จากหนัง Alvin and the Chipmunks (2007) และหนังการ์ตูนแอนิเมชัน The SpongeBob Movie: Sponge on the Run (2020)

  • นักแสดง: Robert De Niro, Oakes Fegley, Uma Thurman, Christopher Walken, Jane Seymour
  • ผู้กำกับ: Tim Hill (Alvin and the Chipmunks, The SpongeBob Movie: Sponge on the Run)
  • รายรับรวมทั่วโลก: 2.7 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 26% / 5.5/10

THE EIGHT HUNDRED – 8 ตุลาคม

หนังเล่าถึงเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์สมัยสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ครั้งที่ 2 ซึ่งถูกเรียกว่า สมรภูมิเซี่ยงไฮ้หรือยุทธการเซี่ยงไฮ้ ปี 1937 เล่าถึงช่วงศึกป้องกันคลังสินค้า “ซื่อหัง” ของหน่วย 524 หนึ่งในหน่วยทหารพลีชีพพิเศษของกองพันที่ 88 แห่งกองทัพสาธารณรัฐจีน หน่วยนี้มีพลทหารแค่ 423 นาย แต่สามารถหลอกข้าศึกญี่ปุ่นว่าทหารอยู่ราว 800 นายหรือประมาณ 2 เท่า กองพันที่ 88 เป็นหนึ่งในกองทหารที่ได้รับการฝึกพิเศษจากกองทัพของประเทศเยอรมนีในสมัยที่ยังไม่ได้ประกาศเป็นฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีทหารประจำอยู่เกือบหมื่นนาย

ผู้บัญชาการเลือกจะไม่ทิ้งทหารกองพันที่ 88 ให้ไปตายหมด จึงขอแค่อาสาสมัครแค่ 400 กว่าคน ที่พร้อมพลีชีพยันทัพญี่ปุ่นที่คลังสินค้าซื่อหัง พวกเขาสามารถปักหลักยันการปิดล้อมของกองทัพญี่ปุ่นนานถึง 4 วัน 4 คืน (26 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 1937) ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดญี่ปุ่นจะตีเซี่ยงไฮ้แตก แต่ศึกป้องกันคลังสินค้าซื่อหังนี้ก็เป็นที่โจษจันในกลุ่มคนจีนซึ่งมักจะถูกหยิบมาเล่าเป็นวีรกรรมของประเทศ รวมถึงมีการยกให้หน่วย 524 เป็น “วีรบุรุษ 800” (ที่มาของชื่อหนัง) พอเข้าสู่สนามรบจริง กองพันนี้เสียทหารไปแค่ 10 กว่าคน ส่วนฝ่ายญี่ปุ่นเสียไพร่พลมากกว่า 200 คน (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

The Eight Hundred หรือชื่อไทยว่า “นักรบ 800” เป็นหนังจีนเรื่องแรกที่ถ่ายทำด้วยระบบ IMAX ทั้งเรื่อง ใช้ทุนสร้างไปราว 80 ล้านเหรียญฯ เป็นผลงานกำกับของกวน หู (Hu Guan) ผู้กำกับฝีมือดีจากหนังจีน Cow (2009), Mr. Six (2015) และ Wo He Wo De Zu Guo (2019) ปัจจุบันหนังทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกในปีนี้ (เอาชนะหนังฮอลลีวูดทุกเรื่อง) โดยทำรายได้ไปแล้วถึงวันนี้ 441.7 ล้านเหรียญฯ และยังคงเดินหน้าทำเงินในจีนต่อไป

  • นักแสดง: หวง จื้อจง, โอว ห่าว, เจียง หวู่, จาง อี้, วิชั่น เว่ย, จาง โหยวเหา, ถัง ยี่ซิน, หลี เฉิน
  • ผู้กำกับ: กวน หู (Cow, Mr. Six, Wo He Wo De Zu Guo)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 80 / 441.7 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 84% / 7.2/10

LOVE YOU FOREVER (2019) – 8 ตุลาคม

https://youtu.be/3CM1mNmpuSY

หนังจีนที่เข้าฉายในเดือนนี้ยังไม่หมดที่หนังแอ็กชันและหนังสงคราม เพราะยังมีหนังรักรแมนติกพลอตชะลอวัยย้อนเวลามาให้ชมกันอีกเรื่องด้วย Love You Forever หรือชื่อไทยว่า “ย้อนรัก ให้ยัง มีเธอ” เล่าถึง “หลินเก๋อ” (หลี่หงฉี) ชายหนุ่มหัวทื่อที่หลงรัก “ชิวเชี่ยน” (หลี่อี้ถง) สาวนักเต้นผู้หวังจะผลักดันตัวเองไปสู่เวทีระดับโลกแต่โชคร้ายที่เธอต้องประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต และในโมงยามที่โลกมืดมนที่สุดหลินเก๋อก็ได้พบความสามารถของตนที่สามารถย้อนเวลาไปก่อนเกิดเหตุได้หนึ่งวันแต่ตัวเขาจะต้องแก่ขึ้นและชิวเชี่ยนรวมถึงคนอื่น ๆ รอบตัวก็จะจำเขาไม่ได้ สุดท้ายหลินเก๋อจะเลือกโกงชะตาชีวิตแล้วยอมไร้ตัวตนบนโลกใบนี้เพื่อคนที่ตัวเองรักหรือจะปล่อยให้ชะตากรรมทำให้เขาต้องสูญเสียเธอไปตลอดกาล (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

  • นักแสดง: หลี่หงฉี, หลี่อี้ถง, จางเชา
  • ผู้กำกับ: เหยาถิงถิง
  • รายรับรวมทั่วโลก: 60 ล้านเหรียญฯ
  • iMDB Rating: 6.8/10

เลิฟยูโคกอีเกิ้ง – 8 ตุลาคม

หนังจะต่อยอดจากละคร “ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์” ที่ออกอากาศทางช่อง 7 เมื่อเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมเมื่อปี 2562 และครองสถิติละครที่ทำเรตติ้งสูงสุดในบรรดาทุกช่องของยุคทีวีดิจิทัล (มากกว่าบุพเพสันนิวาส) อย่ากระนั้นเลยพระเอก เวียร์-ศุกลวัฒน์ และนางเอก เซฟฟานี่ อะวานิค พร้อมทั้งผู้กำกับละครอย่าง ธงชัย ประสงค์สันติ จากค่ายพอดีคำ ค่ายละครคุณภาพก็กลับมาจับมือกันในหนังเลิฟยูโคกอีเกิ้ง ที่จะไม่ใช่ภาคต่อโดยตรงจากละคร แต่เป็นการดัดแปลงและตีความใหม่ โดยเรื่องนี้จะเป็นผลงานกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของธงไชย ในชื่อค่ายว่าบัฟฟาโล ฟิล์มด้วย

หนังเล่าเรื่องราวของ “บักพล” (เวียร์-ศุกลวัฒน์) ที่ได้กลับคืนสู่บ้านเกิดที่หมู่บ้านโคกอีเกิ้งอีกครั้ง และได้พบว่า “แหม่ม” (เซฟฟานี่ อะวานิค) ลูกครึ่งฝรั่งอีสานที่เขาหลงรักและกำลังจะถูกพ่อฝรั่งบังคับให้แต่งานกับหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งอีสานเหมือนกัน ร้อนถึงเหล่าสมาชิกวงกลองยาวโคกอีเกิ้งเริงร่า วงของครอบครัวบักพลต้องเฮโลมาช่วยกันทำให้งานแต่งของแหม่มล่มให้ได้ ต่อมาบักพลเลยต้องพาแหม่มหนีไปกรุงเทพ พ่อฝรั่งของแหม่มอย่าง “บักจอห์นนี่” เสียใจจนตายและกลายเป็น “ผีจอห์นนี่” สร้างความเฮี้ยนให้ชาวโคกอีเกิ้งไปทั่ว บักพลและแหม่มจึงต้องกลับมาขอขมา และบักพลก็ต้องพิสูจน์ความรักที่มีต่อแหม่ม เพื่อให้ผีพ่อตายอมรับและยกลูกสาวให้ด้วยการชกมวยเดิมพันล้างหนี้ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

  • นักแสดง: เวียร์-ศุกลวัฒน์, เซฟฟานี่ อะวานิค, สมรักษ์ คำสิงห์, วิทย์ ภูธฤทธิ์, หมวย-อัญษนา, นัท-อติรุจ , ฝ้าย-สุภาพร
  • ผู้กำกับ: ธงชัย ประสงค์สันติ

HONEST THIEF – 13 ตุลาคม

https://www.youtube.com/watch?v=IgvB37uwPsE

ลุง Liam Neeson จากไตรภาค Taken (2008-2014) ไม่เคยห่างหายไปจากนักบู๊ และในปีนี้เขาก็กลับมาบู๊ในสไตล์เดิม (ที่แฟน ๆ ก็ยังตามอุดหนุนและตามที่ลุงแกเคยบอกไว้ ถ้ายังบู๊ไหวก็จะไม่เลิกเล่นหนังบู๊อย่างแน่นอน) เป็นเรื่องที่สิบได้แล้ว กับ Honest Thief (เรื่องนี้ยังได้ผู้กำกับคิวบู๊จาก Taken และเป็นนักแสดงแทนขาประจำของ Nesson กลับมาทำหน้าที่เดิมด้วย) หนังได้ผู้กำกับ Mark Williams ที่เคยทำหน้าที่อำนวยการสร้างหนังบู๊สไตล์ขรึมแต่ดูสนุกอย่าง The Accountant (2016) และอำนวยการสร้างซีรีส์ Ozark มากำกับ

หนังเล่าเรื่องของ Tom อดีตโจรมือฉมังต้องการล้างมือจากวงการปล้นธนาคาร เพราะอยากไปใช้ชีวิตสุจริตกับ Annie คนรักของเขา ความรักครั้งนี้ทำให้เขาอยากเปลี่ยนตัวเองใหม่ ถึงแม้ว่าจะวางแผนปล้นด้วยความรอบคอบหลีกเลี่ยงการใช้กำลังมาเสมอ เขาตัดสินใจมอบตัวกับเอฟบีไอและคืนเงินที่ปล้นไปทั้งหมดเพื่อแลกกับอิสรภาพและล้างประวัติของเขาใหม่ แต่เมื่อเขาตระหนักได้ว่า ฝ่ายตำรวจเองก็ชั่วช้าไม่ต่างจากโจร เส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วเป็นสีเทา เขาจึงต้องต่อสู้เพื่อกู้ชื่อเสียงตัวเองกลับคืนมา (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

  • นักแสดง: Liam Neeson, Jai Courtney, Kate Walsh, Jeffrey Donovan, Anthony Ramos
  • ผู้กำกับ: Mark Williams (A Family Man)
  • iMDB Rating: 6.5/10

DRAGON RIDER – 13 ตุลาคม

หนังแอนิเมชันต้อนรับเดือนแห่งการปิดเทอม (ซึ่งถ้าเป็นปีอื่นที่ไม่ใช่ปีโควิดก็จะเต็มไปด้วยหนังแอนิเมชันมากมายของหลายค่ายที่อั้นไว้เพื่อมาปล่อยให้คุณผู้ชมหนู ๆ ได้ชมกันในเดือนนี้) กับหนังมังกรที่กลิ่นอายชวนให้นึกถึงไตรภาคฮิตอย่าง How To Train Your Dragon (2010-2019) อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ย้อนไปเล่าฉากหลังในยุคโบราณแต่เป็นยุคปัจจุบันนี้เอง

ภาพยนตร์แอนิเมชั่นผจญภัยแฟนตาซีสุดตระการตาที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ คอร์เนลีอา ฟุงเคอ เล่าเรื่องราวของมังกรหนุ่มสีเงินที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการซ่อนตัวในหุบเขาไม้ แต่เมื่อมนุษย์พยายามจะทำลายที่ซ่อนสุดท้ายของครอบครัวเขา เจ้ามังกรกับภูตภูเขา จึงต้องออกค้นหาขอบสุดของสวรรค์ (Rim of heaven) ที่หลบภัยลึกลับของเหล่ามังกร และการเดินทางครั้งนี้เอง ทำให้พวกเขาได้เจอกับ Ben เด็กกำพร้าที่อ้างว่าตนเองเป็นผู้ขี่มังกร การผจญภัยของสามสหายต่างเผ่าพันธุ์จึงเริ่มต้นขึ้น พร้อม ๆ กับที่ต้องหนีการถูกไล่ล่าจากปีศาจกินมังกรที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ต้องการทำลายมังกรให้หมดสิ้นไปจากโลกมนุษย์ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

  • ให้เสียงพากย์: Felicity Jones, Freddie Highmore, Thomas Brodie-Sangster, Patrick Stewart
  • ผู้กำกับ: Tomer Eshed
  • ทุนสร้าง: 17.7 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 84% / 7.2/10

เฮ้ย! ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ – 13 ตุลาคม

https://youtu.be/G_hw_puyjeA

ห่างหายไปนานสำหรับภาพยนตร์ของค่ายหนังไทยอย่าง Transformation Film ที่กลับมาครั้งนี้ก็เล่นใหญ่ด้วยการเอา เต๋อ-ฉันทวิชช์ ชนะเสวี พระเอกร้อยล้านของค่าย GDH รวมถึงพระเอกดังของช่อง 3 อย่าง โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ กลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้ง (จริง ๆ แล้วโป๊ปเคยเล่นหนังไทยเรื่อง “October Sonata รักที่รอคอย” ตอนปี 2552 และแสดงเป็นตัวประกอบในหนัง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3-5” (2554-2557) ก่อนจะมาโด่งดังขีดสุดกับละคร “บุพเพสันนิวาส”) ในหนังของผลงานของผู้กำกับภวัต พนังคศิริ ที่เคยทำหนังดราม่าเข้มข้นอย่าง “นาคปรก” (2553) , “หลุดสี่หลุด” ตอน คืนจิตหลุด (2554) และ “ตีสาม After Shock” ตอน ทางด่วน (2561) รวมถึงละครดังอีกหลายเรื่องทั้งบุพเพสันนิวาส, ลิขิตรักข้ามดวงดาว, บ่วง และมัจจุราชสีน้ำผึ้ง

เฮ้ย!ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ” ว่าด้วยเรื่องราวของนักแข่งรถฝีมือดีที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับพ่อเท่าไร แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการมหัศจรรย์ ทำให้เขาย้อนเวลากลับไปยังตอนก่อนที่เขาจะเกิดและเจอกับพ่อในวัยหนุ่มที่เป็นนักเลงในยุคนั้น การได้เข้าแก๊งของพ่อทำให้เขาได้รู้จักตัวตนของพ่อและเข้าใจพ่อมากขึ้น หนังไทยเองก็เคยมีเรื่องราวทำนองนี้เป็นส่วนประกอบในหนัง “2538 อัลเทอร์มาจีบ” ของผู้กำกับเสือ-ยรรยง คุรุอังกูร หรืออาจจะพูดได้ว่า เรื่องย้อนเวลากลับไปหาพ่อหรือแม่กลายเป็นพล็อตหนังที่คลาสสิกจนถูกหยิบเอามาเล่นกันหลายเรื่องก็พูดได้ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF และภาพงานแถลงข่าวของหนังได้ที่นี่)

  • นักแสดง: เต๋อ-ฉันทวิชช์ ชนะเสวี, โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, แซมมี่ เคาวเวลล์ , เจมส์ ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์, เฟม ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล
  • ผู้กำกับ: ภวัต พนังคศิริ (นาคปรก, หลุดสี่หลุด, ตีสาม After Shock)

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส