ด้วยภาพลักษณ์ของชายผิวดำ แล้วยังเป็นอดีตขี้คุกอีก การจะเริ่มต้นใหม่ในสังคมปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะได้รับการนัดสัมภาษณ์งานด้วยแล้ว แต่ อารอน ทักเกอร์ (Aaron Tucker) กลับยอมทิ้งการสัมภาษณ์งานเพื่อช่วยเหลือชายแปลกหน้าที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่สุดท้ายวีรกรรมของเขาก็ไม่ถูกลืม แถมยังช่วยล้างภาพลักษณ์ของคนผิวดำ และอดีตนักโทษว่าไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกคน
และนี่คือวีรกรรมน่ายกย่องของ อารอน ทักเกอร์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2017 ที่ควรค่าแก่การหยิบมาเล่าสู่กันฟังครับ
อารอน ทักเกอร์ เป็นชายผิวดำวัย 32 ปี เขาอยู่ในเมือง บริดจ์พอร์ต รัฐคอนเนทิคัต เขาโดนจำคุกไปเกือบ 2 ปี ในข้อหาพกพาอาวุธ หลังพ้นโทษมาได้ทางการก็จัดหาบ้านพักอาศัยชั่วคราวให้เขาได้อยู่กับภรรยาและลูกชายวัย 2 ขวบ ซิ่งทักเกอร์จำต้องรีบหางานเป็นรายได้จุนเจือครอบครัว เพื่อจะได้มีที่พักของตัวเองโดยเร็ว ในที่สุดเขาก็ได้รับการตอบรับ นัดไปสัมภาษณ์งานที่ร้านอาหาร ไดโนเสาร์ บาร์บีคิว
ด้วยความตื่นเต้น ทักเกอร์ตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 เขารีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วสวมเชิ้ตตัวใหม่ที่ทางรัฐจัดหาให้ไว้ไปสมัครงาน ทักเกอร์กระโดดขึ้นรถเมล์จากป้ายหยุดรถใกล้บ้านเพื่อเข้าเมืองไปยังจุดหมาย พอได้ที่นั่งแล้วรถวิ่งไปสักครู่ ขณะที่เขากำลังงีบหลับนั้น ก็ต้องตกใจตื่น ที่รถเมล์เบรกกะทันหัน แล้วทักเกอร์ก็มองเห็นสาเหตุที่ทำให้คนขับรีบเหยียบเบรก เพราะใกล้กันนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งหงายท้องอยู่หลังจากพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง
ทักเกอร์ไม่ได้คิดถึงเรื่องนัดสัมภาษณ์งานอีกต่อ เขารีบลุกขึ้นและจะออกจากรถเมล์เพื่อไปช่วยผู้บาดเจ็บในรถคันนั้น แต่คนขับรถเมล์ก็รีบตะโกนดักเขาไว้ว่า ถ้าเขาลงจากรถไปแล้วจะไม่สามารถกลับขึ้นรถมาได้อีกนะ ทักเกอร์เลยถามคนขับกลับไป
“แล้วคุณจะไปช่วยเขาไหมล่ะ ?”
แล้วคนขับก็ตอบกลับมาว่า
“ผมน่ะไปช่วยไม่ได้หรอก แต่ถ้าคุณลงไปแล้ว ผมก็ต้องทิ้งคุณไว้ที่นี่นะ”
“ตอนนั้นน่ะผมเห็นควันลอยออกมาจากรถที่เกิดเหตุแล้ว แต่คนขับก็ยังบ่นไม่หยุด ส่วนควันก็พวยพุ่งออกมาเรื่อย ๆ ผมเลยตัดสินใจวิ่งลงจากรถมา”
พอทักเกอร์ไปถึงตัวรถ เขาก็มุดเข้าไปจนถึงตัวคนขับ ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วก็ลากตัวคนขับที่บาดเจ็บออกจากตัวรถมาได้สำเร็จทันก่อนที่รถจะเริ่มมีไฟลุกท่วม ขณะนั้นมีพนักงานจากอู่ซ่อมรถใกล้ ๆ กันนั้นเห็นเหตุการณ์ ก็รีบนำถังดับเพลิงมาพ่นดับไฟ ทักเกอร์ก็รีบปฐมพยาบาลให้กับคนขับที่บาดเจ็บมีเลือดไหล เขาบอกชายบาดเจ็บให้ใจเย็น ๆ เพราะเขาปลอดภัยแล้ว จากนั้นทักเกอร์ก็ถอดเสื้อเชิ้ตที่เขามีอยู่ตัวเดียวออก เพื่อมาซับเลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะผู้บาดเจ็บ
“ใจเย็น ๆ ไว้นะ ไม่เป็นอะไรแล้ว ครอบครัวของคุณรอพบคุณอยู่นะ พยายามลืมตาไว้นะครับ”
ทักเกอร์คอยพูดให้สติกับผู้บาดเจ็บซ้ำไปซ้ำมา รออยู่เป็นเพื่อนจนรถกู้ภัยฉุกเฉินมาถึงที่เกิดเหตุ
“มีคนต้องการความช่วยเหลือ แล้วมันเป็นสิ่งที่ผมทำได้ ผมก็เลยช่วยเขา”
แต่สุดท้าย ทักเกอร์ก็พลาดนัดสัมภาษณ์งาน แต่เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด
“ต่อให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ผมก็ตัดสินใจทำเช่นเดิมอยู่ดี เพราะผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
วีรกรรมของทักเกอร์ที่ไม่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองเลย ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งชุมชนเวสต์พอร์ต คาริน เดล (Karin Dale) ชาวบ้านในละแวกเวสต์พอร์ตได้ติดต่อไปหาทักเกอร์ เธอแจ้งว่าเธออยากจะช่วยเขาด้วยการเปิดระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเขาผ่านเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อที่เขาจะสามารถนำเงินก้อนนี้ไปตั้งตัวและช่วยเหลือครอบครัวได้
หลังประกาศไปแค่เพียง 3 วัน ก็มีคนใจบุญจากทั่วสารทิศบริจาคเงินมาช่วยเหลือทักเกอร์สูงถึง 23,000 เหรียญ ประมาณ 82x,xxx บาท
คาริน เดล บอกว่า ไม่ใช่แค่เงินเท่านั้นที่ได้รับบริจาคเท่านั้น ยังมีผู้ใจบุญบางรายบริจาคเสื้อผ้ามาให้ทักเกอร์เพื่อใส่ไปสัมภาษณ์งานครั้งต่อไป แล้วยังเผื่อแผ่ไปถึงอดีตนักโทษคนอื่น ๆ ที่ได้พักอยู่ในบ้านพักชั่วคราวหลังพ้นโทษแห่งนี้อีกด้วย น้ำใจอันล้นเหลือนี้ทำเอาทักเกอร์ปลื้มปีติอย่างมาก
“ไม่ว่าในอดีตจะเคยเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่เขาก็เป็นคนดี ฉันคิดว่าถึงตอนนี้เขาได้พิสูจน์ตัวตนให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าที่จริงเขาเป็นคนอย่างไร”
คาริน เดล พูดถึง อารอน ทักเกอร์
ถึงแม้เสียงชื่นชมจะถาโถมเข้ามา แต่ทักเกอร์ก็ยืนกรานว่าเขาไม่ใช่ฮีโรแต่อย่างใด ยังไงเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และเงินที่ได้รับบริจาคนั้น เขาตั้งใจจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับลูกชายของเขา
นายจ้างที่ ไดโนเสาร์ บาร์บีคิว ทราบถึงวีรกรรมของทักเกอร์ ที่พลาดนัดสัมภาษณ์ในวันพุธ ก็เลยยอมรอสัมภาษณ์เขาอีกครั้งในวันเสาร์ รอบนี้ คาริน เดล บอกว่าเธอจะขับรถไปส่งทักเกอร์เอง
มีเจ้าของธุรกิจนายหนึ่งบริจาคชุดสูทตัดใหม่เอี่ยมให้กับทักเกอร์ เพื่อว่าทักเกอร์จะได้ดูดีและมั่นใจมากขึ้นในการไปสัมภาษณ์งานครั้งต่อไป และคราวนี้ไม่ได้มีแค่งานที่ ไดโนเสาร์ บาร์บีคิว แค่นั้น แต่ยังมีกิจการห้างร้านต่าง ๆ เสนองานให้กับทักเกอร์อีกมากมาย
“มีงานเสนอมาให้ผมหลายงานเลย แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีเงิน ผมก็ต้องเลือกงานที่ดีที่สุดที่พอให้ผมสามารถดูแลลูกชายผมได้ก่อน”
ทักเกอร์เล่าว่าเขาจะให้ความสำคัญกับครอบครัวและลูกชายเป็นอันดับแรก
“ผมโดนจับ 3 อาทิตย์ก่อนที่ลูกชายผมจะคลอด ตอนที่ลูกชายผมคลอดนั้น โรงพยาบาลโทรมาหาผม ให้ผมได้ฟังเสียงลูกชายร้องอยู่ด้านหลัง วินาทีนั้นล่ะที่ผมคิดได้ว่า ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองเพื่อลูกชายของผม”
แล้วทักเกอร์ก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ เริ่มด้วยการสมัครเรียนในหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียน จนสำเร็จได้ประกาศณียบัตรระดับมัธยมปลาย แล้วยังรับอาสาเป็นติวเตอร์ให้เพื่อนร่วมเรือนจำอีกด้วย เมื่อเขาพ้นโทษมาแล้ว ทักเกอร์ตั้งใจจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกชาย
“ผมพ้นโทษออกมาโดยมีแต่ตัวเปล่าเลย ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ แต่ตอนนี้ผมรู้ล่ะว่าถ้าผมตั้งใจทำงานจริง ๆ ล่ะก็ เรื่องดี ๆ ก็จะเข้ามาหาผมเอง”