Play video

บาดแผลในอดีตกำลังจะกลับมาปลุกพลังฮีโร่ของเธออีกครั้ง

  • สร้างสรรค์โดย : เมลิสสา โรเซนเบิร์ก (เขียนบทภาพยนตร์ชุด Twilight)
  • เหมาะสำหรับ : คอหนังหรือซีรีส์ฮีโร่ที่เน้นดราม่าหนักๆ คอหนังหรือซีรีส์แนวเฟมินิสต์
  • ออกอากาศทาง : สตรีมมิ่ง ซีซั่นแรกจำนวน 13 ตอนทาง Netflix

หลังโฮป ชล็อตแมน (อีริน มอริอาร์ตี) ฆ่าพ่อแม่ตัวเองต่อหน้าต่อตา เจสสิกา โจนส์ (คริสเตน ริตเทอร์) นักสืบสาวแสบแห่งเฮลส์คิตเช่นได้ถูกดึงเข้าสู่เกมอันตรายถึงชีวิต และเพื่อช่วยโฮปให้พ้นตาราง เจสสิกา จำต้องสืบสาวหาตัว คิลเกรฟ (เดวิด เทนแนนท์) ชายผู้ดีที่มีพลังในการบงการมนุษย์ และเคยบังคับให้เจสสิกา ฆ่าคนตายมาแล้ว โดยนอกจาก เจรี โฮการ์ธ (แครี แอน มอสส์) ทนายเขี้ยวลากดินที่คอยหาหลักฐานมาสู้คดีแล้ว เจสสิกา ยังสานสัมพันธ์กับ ลุค เคจ (ไมค์ โคลเทอร์) บาร์เทนเดอร์หนุ่มคงกระพันที่การตายของภรรยาของเขาอาจเกี่ยวพันกับอดีตอันเลวร้ายของเธอ

เจสสิกา โจนส์ก็ได้ปรากฎตัวในฐานะตัวละครนำในคอมิคชื่อ เอเลียส เล่ม 1 วางแผงในเดือน พฤศจิกายน ปี 2001 ในชื่อ จีเวล ฮีโร่ชุดรัดรูปสีขาว

ต่อมาใน Pulse เธอได้กลายภรรยาของ ลุค เคจ และเป็นคุณแม่ของลูกสาว แดเนียล เคจ

บนหน้ากระดาษ เจสสิกา โจนส์ ปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะเพื่อนร่วมชั้นของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ หรือ สไปเดอร์แมน เธอได้พลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่คร่าชีวิตครอบครัวของเธอตอนไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์หลังคุณพ่อได้รับรางวัลสมนาคุณจากโทนี่ สตาร์ค เจ้านายของเขา หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเจสสิกาเคยใช้พลังทำร้ายปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เพราะเข้าใจผิดว่าเขามาเสแสร้งทำดีด้วยทั้งที่ปีเตอร์เห็นใจเพราะสูญเสียคนในครอบครัวไปเหมือนกัน จนเธอได้เป็นพยานรู้เห็นศึกระหว่างสไปเดอร์แมนและแซนด์แมนทำให้เธอเปลี่ยนใจในการใช้พลังที่มีในการทำความดี และหลายปีต่อมาเจสสิกา โจนส์ก็ได้ปรากฎตัวในฐานะตัวละครนำในคอมิคชื่อ เอเลียส เล่ม 1 วางแผงในเดือน พฤศจิกายน ปี 2001 ในชื่อ จีเวล ฮีโร่ชุดรัดรูปสีขาวตอนออกปฏิบัติการณ์จนได้ร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มอเวนเจอร์ใหม่และตัดสินใจถอนตัวจากการปฏิบัติภารกิจหลังคลอดลูกสาวของเธอกับลุค เคจ  และหันมาทำหน้าที่นักสืบคดีของเหล่าฮีโร่และผู้มีพลังพิเศษแทน

แม้เจสสิกา โจนส์จะไม่ได้สวมชุดฮีโร่ของเธอแบบในคอมิค แต่ชุด จีเวล ก็ได้ปรากฎในมือของ ทริช ในตอนที่ 5 ของซีรีส์ด้วย

สำหรับเจสสิกา โจนส์ ฉบับซีรีส์ เลือกปูที่มาตัวละครใหม่โดยอ้างอิงจากองค์ประกอบบางส่วนจากคอมิคเท่านั้น โดยตัวซีรีส์เลือกเปิดเรื่องที่การฆาตกรรมของ โฮป ชล็อตแมนน์เป็นมูลเหตุที่นำไปสู่การเปิดเผยอดีตอันลึกลับดำมืดของเจสสิกา โจนส์ อันเกี่ยวพันกับตัวละครอื่นๆ ทำให้ซีรีส์ฮีโร่มาร์เวลเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวในแนวทางของซีรีส์สอบสวนจนแม้ไม่ได้มีฉากแสดงพลังวิเศษตลอดเวลาก็ยังสามารถกระตุ้นความสนใจใคร่รู้ของผู้ชมและดูสนุกมากด้วยพล็อตที่แข็งแรงและตัวละครที่มีเสน่ห์น่าสนใจก็เพียงพอทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ทำหน้าที่สร้างความบันเทิงได้อย่างครบรสทั้งดราม่าและแอ็คชั่นอย่างลงตัว

และในเมื่อได้ เมลิสสา โรเซนเบิร์ก ผู้เคยเขียนบทหนังหญิงๆอย่าง มหากาพย์ Twilight ทั้ง 4 ภาคมาควบคุมงานสร้างก็สัมพผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นเฟมินิสต์ของเรื่องราวตั้งแต่ พล็อตหลักอย่างแผลเป็นในใจเจสสิกาอันเกี่ยวพันกับ คิลเกรฟ ที่เหมือนเป็นตัวแทนชายชั่วศัตรูของกลุ่มสิทธิสตรีอย่างสมบูรณ์แบบที่ข่มขืนทั้งร่างกายและจิตใจหญิงสาวโดยอาศัยพลังจากฟีโรโมนควบคุมจิตใจ ไปจนถึงการคิดซับพล็อตให้เจรี โฮการ์ธ ที่ซีรีส์ดัดแปลงจากตัวละครชายในคอมิคให้กลายเป็นทนายสาวเขี้ยวลากดินและเป็นเลสเบี้ยน กำลังฟ้องหย่ากับ เวนดี้ (โรบิน ไวเกิร์ต) เพื่อหวังจะได้เสวยสุขกับเลขาสาว แพม (ซูซี อโบรเมอิท) นอกจากนี้ตัวซีรีส์เองยังแวดล้อมไปด้วยตัวละครที่ต่างก็มีพื้นที่สีเทาทำให้ Jessica Jones เต็มไปด้วยตัวละครที่มีมิติและสามารถนำเสนอได้อย่างลงตัว

ซีรีส์แสดงความหัวก้าวหน้าด้วยการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันกับตัวละคร เจรี โฮการ์ธ และ แพม

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือความคิดสร้างสรรค์ในการดัดแปลงคอมิคให้กลายเป็นซีรีส์ในแบบฉบับของตัวเองโดยยังคงจิตวิญญาณของ Jessica Jones อยู่ได้อย่างน่าสนใจดังนี้

     ต้นกำเนิดพลังของเจสสิกา โจนส์และครอบครัวที่อุปการะ

ตอนที่ 8 AKA. WWJD? ช่วงเปิดเรื่องและฉากแฟลชแบ็คย้อนอดีตได้นำเสนอเหตุการณ์อุบัติเหตุที่ทำให้เจสสิกา โจนส์ ได้รับพลังมาแม้ในคอมิคจะบอกเล่าที่มาที่ไปเชื่อมโยงกับตัวละคร โทนี่ สตาร์ค หรือ Iron Man และสาเหตุของอุบัติเหตุคือรถบรรทุกสารเคมีของกองทัพ แต่ในซีรีส์กลับแสดงเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเริ่มจากเช้าวันเกิดเหตุที่เธอเตรียมตัวช้ากว่าคนอื่นแล้วอยู่ดีๆรถของครอบครัวก็ชนเข้ากับรถบรรทุกธรรมดา ซึ่งฉากแฟลชแบ็คดังกล่าวถูกนำมาอธิบายความรู้สึกผิดจากอดีตที่เธอเฝ้าโทษตัวเองเมื่อคิลเกรฟใช้พลังในการควบคุมจิตใจคร่าชีวิตผู้อื่น

ตอนที่ 11 AKA. I’ve got the blues ในฉากเปิดเรื่องและแฟลชแบ็คได้บอกเล่าเหตุการณ์หลังอุบัติเหตุ เจสสิกา โจนส์ ได้รับอุปการะจากครอบครัววอล์คเกอร์ โดยมี โดโรธี วอล์คเกอร์ คุณแม่นักปั้นดาราเด็กและ ทริช วอล์คเกอร์ ลูกสาวของเธอ โดยความน่าสนใจของพล็อตที่บอกเล่าที่มาตรงนี้เสมือนการวิพากษ์วิจารณ์ที่มาของดาราเด็กที่มักโตขึ้นเป็นวัยรุ่นมีปัญหา ซึ่งในซีรีส์ก็มีฉาก ทริช ถูกแม่บังคับให้อาเจียนเอาอาหารออกมาเพื่อคุมน้ำหนักจนเจสสิกาทนไม่ได้เข้าไปจับ โดโรธี ทุ่มออกนอกห้องน้ำจนความลับเรื่องพลังวิเศษถูกเปิดเผยก็เป็นการปูความสัมพันธ์ระหว่างทริชและเจสสิกา ได้เป็นอย่างดี

   ดัดแปลงตัวละครจากคอมิคได้อย่างชาญฉลาดและแสดงถึงความเป็นเฟมินิสต์ (Feminism)

เจรี โฮการ์ธ เปลี่ยนจากทนายหนุ่มใหญ่ในคอมิคมาเป็น ทนายสาวสุดเขี้ยวรับบทโดย แครี แอน มอสส์ จาก The Matrix

การเปลี่ยนแปลงสำคัญของซีรีส์ชุดนี้หนีไม่พ้นตัวละคร เจรี โฮการ์ธ ที่รับบทโดย แครี แอน มอสส์ที่โด่งดังจาก หนังไตรภาค The Matrix ที่ดัดแปลงจากผู้ชายในคอมิคมาเป็น ทนายสาวใหญ่และเป็นเลสเบี้ยนแต่ยังคงความเป็นสีเทาของตัวละครทั้งการว่าความที่ยึดเอาชัยชนะเป็นหลักและชีวิตส่วนตัวที่พยายามขอหย่าจากภรรยาเก่าเพื่อแต่งงานกับเลขาสาวสวย ซึ่งซับพล็อตดังกล่าวไม่เพียงถูกใส่เข้ามาเป็นสีสันแต่ยังส่งผลกับเรื่องราวจนเมื่อเรื่องราวของซีรีส์ขมวดปมเพื่อนำไปสู่บทสรุปก็สามารถนำเรื่องราวรักๆใคร่ๆที่ถึงขั้นมีฉากคารวะละครไทยอย่าง ผู้หญิงสองคนใช้วาทะเชือดเฉือนแย่งเจรี โฮการ์ธ ประหนึ่งดูละครแนวหักเหลี่ยมสวาท มาใช้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องราวได้อย่างชาญฉลาด

คิลเกรฟ จอมควบคุมจิตใจ รับบท เดวิด เทนแนนท์

นอกจากนี้บทของซีรีส์ยังแสดงถึงความเป็นหัวก้าวหน้าในการนำเสนอตัวละครหญิง มันแทบจะไม่พึ่งพาตัวละครผู้ชายในการดำเนินเรื่องยกเว้นผู้ร้ายอย่างคิลเกรฟ โดยซีรีส์ยังแฝงประเด็นการพึ่งพากันเองระหว่างผู้หญิงที่อาจปลอดภัยและอุ่นใจมากกว่าอยู่กับผู้ชายและบ่อยครั้งที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายออกแรงช่วยเหลือเหล่าสุภาพบุรุษด้วยซ้ำ  ทั้งความสัมพันธ์แบบพี่สาวน้องสาวระหว่าง เจสสิกา โจนส์และ ทริซ วอล์คเกอร์ (ราเชล เทเลอร์) ที่นำเสนอได้อย่างซาบซึ้งและสามารถสร้างความผูกพันให้คนดูได้อย่างน่าเชื่อถือ เจสสิกา และ โฮการ์ธ ที่เป็นที่พึ่งเดียวของ โฮป  แถมรายทางของมันยังแวดล้อมไปด้วยประเด็นผู้หญิงถูกกระทำมากมายจนทำให้ Jessica Jones เป็นซีรีส์ฮีโร่ที่โดดเด่นด้านความเป็นเฟมินิสต์หรือลัทธิสตรีนิยมมากกว่าหนังหรือซีรีส์ฮีโร่ทั่วไปเลยทีเดียว

โฮป ชล็อตแมน นักศึกษาสาวเหยื่อของ คิลเกรฟ รับบทโดย อีริน มอริอาร์ตี

ความเชื่อมโยงสู่จักรวาลซีรีส์ฮีโร่ The Defenders

ลุค เคจ บาร์เทนเดอร์คงกระพัน รับบทโดย ไมค์ โคลเทอร์

นอกจาก Jessica Jones จะบอกเล่าเรื่องราวตัวละครนักสืบสาวแสบพลังวิเศษแล้ว มันยังแนะนำให้คนดูรู้จัก ลุค เคจ ที่รับบทโดย ไมค์ โคลเทอร์ ในฐานะบาร์เทนเดอร์ที่ตามหาคนฆ่าภรรยาของเขา โดยนอกจากจะมีหน้าที่สร้างความโรแมนติกให้กับเรื่องแล้ว ลุค เคจ ยังมีหน้าที่สะท้อนความผิดบาปและแผลฉกรรจ์ในชีวิตเจสสิกา และทีละน้อยการปรากฎตัวของเขาได้ช่วยสร้างด้านสว่างให้ชีวิตของเธอ และแม้ว่าใน Jessica Jones ลุค กับ เจสสิกา จะยังไม่ได้ลงเอยเป็นสามี ภรรยากัน แต่ก็ช่วยปูพื้นฐานตัวละคร ลุค เคจ ไปสู่ซีรีย์แยกเดี่ยวของเขาต่อไป นอกจากนี้ยังมีการปรากฏตัวสั้นๆของ แคลร์ เทมเปิล พยาบาลของเหล่าฮีโร่ที่รับบทโดย โรซาริโอ ดอว์สัน มาเพื่อรักษา ลุค เคจและเอ่อ..สั่งให้เจสสิกาถอดกางเกง

แคลร์ เทมเปิล พยาบาลสาวของเหล่าฮีโร่

คริสเตน ริตเตอร์ รับบท เจสสิกา โจนส์ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ทางด้านนักแสดงคนที่ต้องชมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น คริสเตน ริตเตอร์ ที่เส้นทางอาชีพนักแสดงแทบไม่ต่างจากการเดินทางของตัวละคร เจสสิกา โจนส์ ของเธอ ตั้งแต่รับบทตัวประกอบเล็กๆในภาพยนตร์หลายเรื่องจนกระทั่งสปอตไลท์ก็ส่องแสงมาที่เธอ เมื่อได้ปรากฏตัวในบท เจน มาร์โกลิส ลูกสาวนักบินติดยาในซีซัน 2 ของ Breaking Bad (2010) ที่แจ้งเกิดจากการแสดงที่โดดเด่นจนไม่แปลกใจที่ผู้สร้างเลือกเธอมารับบท เจสสิกา โจนส์ ที่ต้องทำให้ผู้ชมเห็นหญิงสาวที่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายในอดีตแต่ไฟแค้นทำให้เธอมุ่งมั่นปกป้องเหยื่อสาวคนอื่นๆจากคิลเกรฟ ซึ่ง คริสเตน ริตเตอร์ก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้พลังดาราของ แครี แอน มอสส์ ที่เคยโด่งดังจาก The Matrix มารับบท เจรี โฮการ์ธ ทนายสาวสุดเขี้ยวก็ช่วยให้เรื่องราวทวีความเข้มข้นในทุกตอนที่เธอปรากฏตัว

แม้ Jessica Jones จะมียี่ห้อ มาเวล ศาสนาสถานของเหล่าฮีโร่แปะอยู่บนชื่อ แต่พลังวิเศษของซีรีส์ชุดนี้กลับมาจากพล็อตเรื่องและตัวละครสุดเข้มข้นที่แฝงไปด้วยประเด็นสังคมที่น่าขบคิดและปริศนาสุดคาดเดาจนคนดูลุ้นกันไม่ติดเบาะเลยทีเดียว

ความสัมพันธ์ระหว่าง เจสสิกา โจนส์ กับ ลุค เคจ ช่วยเพิ่มความโรแมนติคให้กับเรื่อง