Our score
8.1Daybreak
จุดเด่น
- ซีรีส์มีเทคนิคแปลกใหม่ในการนำเสนอ
- ตัวละครมีสีสัน
- เป็นหนังโลกแตกที่มีเรื่องราวเบาสมอง คลายเครียดดี
จุดสังเกต
- บทมีจุดบกพร่องอยู่บ้าง
- การแสดงของ โคลิน ฟอร์ด ยังไม่มีเสน่ห์เท่าที่ควร
-
คุณภาพบทและความแปลกใหม่
9.0
-
คุณภาพงานสร้าง
8.5
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
ความสนุกน่าติดตามแต่ละตอน
8.0
-
ความคุ้มค่าในการติดตามชม
8.0
หลังเหตุการณ์นิวเคลียร์ถล่ม จอช วีลเลอร์ (โคลิน ฟอร์ด) มุ่งมั่นที่จะออกตามหา แซม (โซฟี ซิมเนต) สาวคนรักที่ยังไม่ทันได้ไถ่โทษความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น และระหว่างทางเขาก็ได้พบกับ เวสลีย์ (ออสติน ครูต) ซามูไรนักกีฬาฟุตบอลผิวสีที่มีความลับบางอย่างปกปิดไว้ แองเจลิกา (เอลิเวีย เอลิน ลินด์) สาวน้อยเจ้าปัญหาผู้ชอบระเบิดสิ่งของเป็นชีวิตจิตใจ อีไล (เกรกอรี คาซิอัน) หนุ่มเนิร์ดที่หวังยึดครองห้างไว้เสวยสุขคนเดียว และ มิสครัมเบิล (คริสตา รอดริเกวซ) ครูสาวผู้กลายเป็นปอบ แต่อุปสรรคของจอช ไม่ได้มีเพียงเหล่าผู้ใหญ่ที่กลายเป็นปอบหิวเนื้อคนเท่านั้น แต่ยังมีทั้ง เทอร์โบ (โคดี เคียสลีย์) หัวหน้าเผ่ากีฬาที่หวังกำจัดเขา รวมถึงเจ้าแห่งปอบในตำนานอย่าง แบรอน ไทรอัมพ์ ที่หลายคนเกรงกลัว
เดิมที Daybreak เป็นกราฟิกโนเวลของ ไบรอัน ราล์ฟ ที่ได้ตามมาเขียนบทให้ฉบับซีรีส์ด้วย โดยเรื่องราวก็ดูจะได้แรงบันดาลใจจากหนังซอมบี้ อย่าง Dawn of the dead ของ จอร์จ เอ โรเมโร ผสมกับ งานดีไซน์ที่แทบจะถอดแบบ Mad Max : The Road Warrior มาเขย่ารวมกับเรื่องราวการตามหาคนรักในวันสิ้นโลกที่ทั้งโรแมนติกและกาวสุดขั้วไปในคราวเดียวกัน โดยซีรีส์ได้ แบรด เพย์ตัน ที่เคยกำกับหนัง “เดอะร็อค” ทั้ง San Andreas, Journey 2 และล่าสุดคือ Rampage มากุมบังเหียนทั้งร่วมเขียนบทกำกับ 2 ตอน และ นั่งแท่นอำนวยการสร้างบริหารร่วมกับ โทนี อีไล โคเลต ซึ่งก็พอการันตีได้ระดับหนึ่งว่าหนังจะออกบันเทิงแน่นอน โดยสิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นในการเล่าเรื่องของซีรีส์ได้แก่ การทำลายกำแพงที่ 4 ของตัวละคร หันหน้ามาพูดกับคนดูโดยตรง ซึ่งตรงกับคอนเซปต์Ferris Bueller’s Day Off ฉบับโลกแตกที่ เพย์ตันวางไว้ เพราะไอเดียการพูดกับคนดูของตัวละคร แมตธิว โบรเดอริก ในหนังดังของจอห์น ฮิวจ์ เรื่องนั้นได้ถูกนำมาให้ จอช วีลเลอร์ ใช้สื่อสารกับคนดู รวมไปถึงตัวละครอื่น ๆ ในตอนต่อมาด้วย ซึ่งก็ถือว่าเข้ากับหนังที่มีวัยรุ่นเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักแบบ Daybreak อยู่ไม่น้อยเลย รวมถึงการเล่นกราฟิกตัวหนังสือบนจอ เพื่อเล่นมุก ชวนสังเกต หรือกระทั่งการนำเสนอฉากเดิมซ้ำอีกรอบแต่เปลี่ยนรายละเอียดก็นับว่าเป็นวิธีอันชาญฉลาดไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกจุดที่นับว่าเป็นสีสันสำคัญได้แก่การคิดระบบสังคมในโลกหลังล่มสลายที่แบ่งเป็นเผ่า ได้แก่ เผ่านักกีฬาที่นำโดย เทอร์โบ ก็ดูเป็นพวกบูลลีคนอ่อนแอเหมือนในหนังวัยรุ่นแต่ถูกปรับให้โหดกว่าเดิมก็ดูเป็นตัวร้ายที่น่าสะพรึงกลัว แต่ก็ยังมีมุกตลกโหด ๆ มาสร้างความบันเทิงได้ตลอด หรือจะเป็นเผ่า เชียร์มาซอน ที่เน้นรักสวยรักงาม เล่นโยคะ กินคลีน ก็ดูจิกกัดกิจกรรมพวกเฮลตี และด้วยลุคแบบสวยเริ่ดเชิดหยิ่งก็หนีไม่พ้นคาแรกเตอร์แบบสาวไฮสคูลตัวร้ายที่เคยเห็นมามาปรับเป็นสีสันของเรื่องได้ดีเลย ส่วนเผ่าอื่น ๆ ในซีซันนี้อาจถูกกล่าวถึงแบบผิวเผินไปนิด ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปในซีซันหน้าว่าจะมีเผ่าไหนมีบทบาทขึ่นมาไหม รวมไปถึงการให้ ผู้ใหญ่ ในเรื่องชอบกินเนื้อเด็กกลายเป็นปอบกันหมด ก็ดูจิกกัดวงการการศึกษาได้เจ็บแสบไม่น้อยเลย โดยเฉพาะตัวละคร ครูใหญ่เบอร์ ของ แมตธิว โบรเดอริก ที่ผู้สร้างจงใจเลือกมาเล่นเพื่ออ้างอิงหนัง Ferris Bueller’s Day Off ก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนน่านับถือทว่ากลับยึดผลประโยชน์ตัวเอง เป็นการนำเสนอมุมมองทางสังคมที่แหลมคมได้อย่างกลมกล่อมเลยทีเดียว
บรรดานักแสดงหนุ่มสาวในเรื่องต้องยอมรับว่า เต็มไปด้วยคนหน้าตาดีเต็มไปหมด แม้ว่า โคลิน ฟอร์ด ในบท จอช วีลเลอร์ ไม่อาจทำให้ตัวละครมีเสน่ห์ได้อย่างบทต้องการแต่ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาก็พอทำให้สาว ๆ ละลายได้เหมือนกันแหละน่า ส่วนสาว ๆ ในเรื่องก็น่าจะทำให้หนุ่มหลงรักได้ไม่ยาก ตั้งแต่รุ่นเล็กที่น่าจะโดนใจคนรักเด็กอย่าง เอลิเวีย เอลิน ลินด์ ในบทแองเจลิกา ก็น่ารักแบบแก่น ๆ มีแววโตแล้วเป็นสาวสวย หรือ โซฟี ซิมเนต ในบท แซม นางเอกของเรื่องก็หน้าตาเก๋ไก๋ เป็นสาวผมบลอนด์ที่ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย และที่พลาดไม่ได้เลยคือ เชลซี จาง ในบท เคเจ สาวจีนที่พาหน้าหมวย ๆ มาทำให้ใจละลายได้ตั้งแต่แรกเจอ ไม่เพียงเหล่านักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดีเท่านั้น Daybreak ยังมีนักแสดงที่น่าจับตามองอย่าง คริสตา รอดริเกวซ ในบทครูครัมเบิล ที่แม้จะถูกเมกอัปให้ดูเป็นปอบ ทว่าเธอกลับฉายเสน่ห์จนขโมยซีนได้หลายฉาก และแน่นอน แมตธิว โบรเดอริก อดีตดาราขวัญใจวัยรุ่นยุค 80 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับบทครูใหญ่ เบอร์ ที่ทั้งน่าสะพรึงกลัว แต่แอบรั่วจนเราอดหัวเราะไม่ได้อยู่ดี
เรียกได้ว่า Daybreak คือซีรีส์วัยรุ่นอีกเรื่องของ Netflix ที่ทำออกมาได้บันเทิงไม่น้อย แม้จะยังมีปัญหาเรื่องบทและการแสดงส่วนใหญ่ที่ยังไม่อาจทำให้เราอินตามตัวละครได้มากนัก แต่ถ้าเทียบกับความสร้างสรรค์ในการหาเทคนิคเล่าเรื่องอันแปลกใหม่ก็พอทำให้ซีรีส์ทั้ง 10 ตอนสามารถสร้างความสนุกในวันหยุดได้ดีเลยครับ
ชม Daybreak ได้แล้วทาง Netflix
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส