เมื่อพูดถึงสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในไทย ส่วนใหญ่ที่เราเห็นมักจะเป็นสถานีธรรมดาที่จ่ายไฟได้ไม่สูงมากนัก ส่วนสถานีที่จ่ายไฟได้สูงจริง ๆ หรือพวกสถานีซูเปอร์ชาร์จ (Super Charge Station) จะมีอยู่ค่อนข้างน้อย หนึ่งในนั้นคือ สถานีชาร์จแห่งใหม่ประสิทธิภาพสูง Shell Recharge HPC (High Performance Charging) ที่เร็วและแรงที่สุดในขณะนี้ จากความร่วมมือของ แบรนด์รถหรู “พอร์ช (Porsche)” และปั๊มน้ำมัน “เชลล์ (Shell)” ที่สามารถจ่ายไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้ถึง 180 กิโลวัตต์ ฟังดูแล้วน่าสนใจใช่ไหม วันนี้แบไต๋จะพาไปดูและลองใช้งานสถานีใหม่แห่งนี้กัน


โดยการร่วมกันตั้งสถานีชาร์จในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นต้นแบบของสถานีบริการน้ำมันรูปแบบใหม่ ‘Site of the Future’ ที่จะให้บริการทั้งส่วนของน้ำมันที่เป็นแหล่งพลังงานเดิมและส่วนของไฟฟ้าแหล่งพลังงานใหม่ที่สะอาดกว่าในการขับเคลื่อนยานพาหนะ ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ สาขาบางใหญ่ใกล้ ๆ เซ็นทรัลเวสต์เกต ซึ่ง แพน ศรุต จากแบไต๋เองก็อาสาไปลองใช้งานจริงให้ถึงที่ (แผนที่สาขา : https://go.shell.com/3ABsEwy)
การเข้ามาใช้บริการ Shell Recharge ก่อนอื่นเราจะต้องมีแอป SHARGE ในมือถือซะก่อน ใครยังไม่มีก็โหลดทั้ง Android และ iOS ได้เลย หลังจากนั้นแอปจะให้เราลงทะเบียน ก็ทำตามขั้นตอนไป โดยในหน้าสุดท้ายจะเป็นการผูกบัญชีกับบัตรเครดิตเพื่อใช้หักค่าใช้จ่ายเวลาเข้ามาใช้บริการ
การจองคิวเพื่อเข้ามาใช้บริการ Shell Recharge ก็ไม่ยุ่งยาก ให้เราเลือกสถานีในแผนที่ แล้วดูว่ามีคนใช้บริการอยู่หรือไม่ หากไม่มีจะขึ้นข้อความว่า “ว่างตอนนี้” จากนั้นเราก็กด “จองเลย”
เสร็จแล้วระบบจะให้เราเลือกหัวชาร์จที่ต้องการ และเลือกระยะเวลาในการชาร์จ ซึ่งมีตั้งแต่ 15 นาที – 8 ชั่วโมง รวมถึงเลือกช่วงเวลาที่จะเข้ามาใช้บริการ
เมื่อถึงเวลาที่จองไว้ ก็ขับรถเข้ามาชาร์จไฟได้เลย โดยให้เสียบหัวชาร์จเข้ากับรถก่อน จากนั้นก็เปิดแอป SHARGE ขึ้นมาสแกน QR Code หน้าตู้ชาร์จ จากนั้นก็กดเริ่มชาร์จได้ทันที โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกคำนวณออกมา แล้วหักยอดในบัตรเครดิตที่เราผูกไว้ในช่วงแรก ประวัติการชาร์จและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะอยู่ในหน้าเมนูประวัติให้เราตรวจสอบย้อนหลังได้ โดยรวมถือว่าสะดวกสบายเลย
เรื่องประสบการณ์ชาร์จถือว่าน่าประทับใจ แต่เรื่องที่น่าสนใจจริง ๆ คือแผนที่ในการตั้งสถานีชาร์จต่อจากนี้ พอร์ชและเชลล์ วางแผนจะสร้างเส้นทางที่สามารถชาร์จรถไฟฟ้า EV ได้อย่างเต็มสมรรถนะกับอัตราการชาร์จที่สูงสุดถึงระดับ 180 กิโลวัตต์ กว่า 27 สถานี บนระยะทางกว่า 2,200 กิโลเมตร เชื่อมต่อ 3 ประเทศ ระหว่าง ไทย – มาเลเซีย – สิงคโปร์ เรียกว่าเป็นเส้นทางใหม่ที่จะช่วยให้คนที่ใช้ยานพาหนะพลังงานสะอาดเดินทางได้สะดวกขึ้น จากเชียงใหม่ภาคเหนือของไทยไปถึงประเทศสิงคโปร์เลย
โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 จะเปิดสถานีชาร์จประสิทธิภาพสูง HPC เพิ่มอีก 11 แห่งในไทย ถือเป็นการขับเคลื่อนการเดินทางสำหรับอนาคตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เกิดเส้นทางสัญจรที่ปราศจากมลภาวะมุ่งสู่การเดินทางที่ยั่งยืน
นอกจากนี้แล้วสำหรับผู้ใช้รถไฟฟ้า พอร์ช ไทคานน์ (Taycan) จะสามารถชาร์จได้อย่างเต็มกำลังไฟสูงสุด 180 กิโลวัตต์สามารถชาร์จพลังงานจาก 0% State of Charge (SoC) ถึงระดับ 80% ภายในเวลาประมาณ 30 นาที เดินทางได้สูงสุดถึง 390 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) ในส่วนของการใช้งานระบบชาร์จขนาด 270 กิโลวัตต์ที่เป็นสเปกสูงสุดที่พอร์ช ไทคานน์ (Taycan) สามารถรองรับได้นั้น จะใช้เวลาลดลงเหลือเพียง 22 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะสามารถใช้งานได้ในอนาคต
รวมถึงจะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับสถานะสมาชิกระดับ Platinum โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี โดยจะได้ส่วนลดค่าบริการ Pay-Per-Use (PPU) 50% พร้อมโควตาการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 850 กิโลวัตต์ต่อปี หรือการสำรองจุดชาร์จล่วงหน้าได้ระยะเวลาสูงสุด 1 ชั่วโมงก่อนเดินทางมายังสถานี Shell Recharge HPC ทุกแห่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และรับคะแนนสะสม Shell GO+ จำนวน 10,000 คะแนน สำหรับแลกรับส่วนลดผลิตภัณฑ์ ตลอดจนบริการต่าง ๆ ของเชลล์อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Shell Recharge HPC คลิกที่นี่ www.shell.co.th/shell-recharge-hpc
ที่มา: www.shell.co.th/th_th/media/media-2022/porsche-asia-pacific-and-shell-launch.html
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส