เชื่อว่าแฟนหนังหลายคน ณ ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักนักแสดงล่ำบึ้ก จอห์น ซีนา (John Cena) นักมวยปล้ำแชมป์โลก 16 สมัยภายใต้สังกัด WWE ที่ตอนนี้กลายมาเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงแอ็กชันสตาร์ รวมทั้งยังเป็นดาราอีกคนที่ขึ้นชื่อเรื่องของความตรงต่อเวลา เป็นมิตร และใจบุญใจกุศลอีกด้วย แต่กว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้ ซีนาก็เป็นนักแสดงอีกคนที่ต้องผ่านช่วงชีวิตอันยากลำบากในช่วงต้นของชีวิตอันแสนลำบากมาไม่น้อย โดยเขาได้เล่าผ่านรายการ Hart to Heart ที่ดำเนินรายการโดยนักแสดงตลก เควิน ฮาร์ต (Kevin Hart)

ซีนาเล่าว่า ปี 1999 หลังจากที่เขาเรียนจบในสาขาสรีรวิทยาการออกกำลังกาย จากวิทยาลัยสปริงฟิลด์ (Springfield College) เขาเองจำต้องย้ายจากเมืองเวสต์ นิวเบอร์รี (West Newbury) รัฐแมสซาชูเซตส์ ไปยังเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อไปหางานทำ แม้ จอห์น ซีนา ซีเนียร์ (John Cena Sr.) พ่อของเขาจะสบประมาทว่าลูกชายจะไม่ประสบความสำเร็จ “พ่อบอกผมว่าผมจะวิ่งหางจุกตูดกลับมาบ้านภายใน 2 สัปดาห์แน่นอน ผมใช้เงินของผมไปอย่างรวดเร็วมาก ผมเลยต้องคิดให้รอบคอบ เพราะผมไม่อยากกลับไปร้องไห้ที่บ้าน”

ซีนาพยายามหางานที่เกี่ยวกับด้านสรีรวิทยาการออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหวร่างกายตามที่เขาเรียนจบมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถหางานอย่างที่ตัวเองอุตส่าห์ร่ำเรียนมาได้โดยง่าย เพราะว่าเขาตอนนั้นยังเป็นเด็กจบใหม่ที่ขาดประสบการณ์ “เรื่องความรู้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องของความฉลาด และประสบการณ์ชีวิตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จริง ๆ แล้วมันก็แค่วิชาเรียนออกกำลังกายนั่นแหละ (หัวเราะ)”

John Cena

“ผมไม่ได้ย้ายไปแอลเอเพื่อแสวงหาความบันเทิงนะ ผมออกมาที่นี่คือสมัครงานตามใบปริญญา แต่มันกลับล้มเหลว ใบปริญญาที่ทุ่มจ่ายไป 4 ปีแทบไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย เหมือน Springfield College กำลังบอกว่า เรารู้นะว่านายสนใจอะไร แล้วก็ไปเรียน จนได้สิ่งนี้มา แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีสนใจแม่-อีกต่อไป”

เมื่อเขาไม่สามารถหางานที่ต้องการทำได้ ทำให้ซีนาเริ่มประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักจนไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ และทำให้เขาต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน ต้องอาศัยนอนในรถยนต์ และทำงานในโรงยิม หรือแม้แต่ไปทำงานเป็นตำรวจทางหลวง “ผมเป็นคนไร้บ้านอยู่ช่วงหนึ่ง ผมนอนบนเบาะหลังรถ Lincoln Continental ปี 1991 ที่บังเอิญว่ามันกว้าง ผมเก็บเสื้อผ้าไว้ท้ายรถ ผมจะตื่นขึ้นมา ใช้ห้องล็อกเกอร์และห้องอาบน้ำโรงยิม ทำซ้ำแบบนี้วนไป ๆ”

ส่วนเรื่องอาหารการกิน ซีนาเล่าว่า เขาประทังชีวิตได้ด้วยการอาศัยกินพิซซ่าฟรีในร้านพิซซ่าที่ชื่อว่า Zeppy’s Pizza ที่มีกติกาว่า ถ้าสามารถกินคนเดียวทั้งถาดได้ก็จะได้กินฟรี ไม่ต้องเสียเงิน “ผมไปกินพิซซ่าที่นั่นแบบหมดถาดทุกคืน ผมเลยไม่ต้องจ่ายเงิน เพราะผมไม่มีเงินจะจ่ายอยู่แล้ว”

ซีนาเล่าสถานการณ์ชีวิตในช่วงนั้นว่า เป็นสิ่งที่สอนให้เขารู้ว่าตัวเขาเองเป็นใครและต้องการอะไรในชีวิต แต่มันก็โหดร้ายจนทำให้เขาคิดอยากจะกลับบ้านเหมือนกัน “ผมโชคดีมากที่ผมยังมีทางเลือกชีวิตในช่วงเวลาที่ยากลำบาก พ่อของผมบอกตลอดว่า ‘ลูกคือลูกของพ่อนะ พ่อรักลูก และยินดีต้อนรับกลับบ้านเสมอ’ ถ้าผมกลับไป ผมจะได้กินข้าว มีที่ซุกหัวนอน เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ แต่ผมก็เลือกที่จะอยู่ข้างนอก”

John Cena Fast X

แม้ทีแรกเขาเองไม่เชื่อว่านักมวยปล้ำจะเป็นอาชีพได้ แต่สุดท้ายก็ทำให้เขาได้เริ่มลงเรียนในสถาบันสอนกีฬามวยปล้ำ ก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับ WWF (หรือ WWE – The World Wrestling Entertainment ในปัจจุบัน) ในปี 2001 ที่เขาเริ่มต้นการเป็นนักมวยปล้ำอาชีพในชื่อว่า ‘The Prototype’ และโด่งดังในฐานะนักมวยปล้ำชื่อดัง จอห์น ซีนา และเริ่มต้นงานแสดงด้วยการรับบทนำครั้งแรกในหนังแอ็กชันฟอร์มเล็ก ‘The Marine’ (2006) ของ WWE

ส่วนปีนี้เราได้เห็นผลงานของเขาบนหน้าจอหนังอีกมากมาย ตั้งแต่การรับบทอาเจคอบใน ‘Fast X’ ไปโผล่รับเชิญเป็นเคนเมด (Kenmaid) ตัวขโมยซีนในหนัง ‘Barbie’ และล่าสุดกับหนังแอ็กชัน ‘Hidden Strike’ ที่เขาได้ประกบกับ เฉินหลง (Jackie Chan) เป็นครั้งแรก และยังมีงานพากย์เสียงเป็น ร็อกสเตดี (Rocksteady) หมูป่าวายร้ายของนินจาเต่า ในแอนิเมชัน ‘Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem’

John-Cena-Barbie-Kenmaid

นอกจากนี้ซีนายังเป็นนักแสดงใจบุญที่ตอบแทนกลับคืนสู่สังคมด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ Make-A-Wish Foundation ที่เขามักจะหาเวลาว่างไปเยี่ยมเยือนและมอบของขวัญให้กับเด็ก ๆ อายุ 2-18 ปีที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรง จนทำให้ Guinness World Records ได้บันทึกว่า ซีนาคือดาราที่ได้ไปเยี่ยมยือนและมอบคำอธิษฐานที่เป็นจริงให้กับเหล่าแฟนคลับตัวน้อยมากถึง 650 ราย


ที่มา: The Daily Mail, The Sun,

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส