วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ ปักกิ่งได้จับรางวัลแจกอั่งเปาให้แก่ประชาชนมูลค่า 10 ล้านหยวน (46 ล้านบาท) ในสกุลเงินหยวนดิจิทัลให้แก่ผู้โชคดี 50,000 คน ๆ ละ 200 หยวน (928 บาท) เพื่อต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนและเป็นการทดสอบใช้สกุลเงินดิจิทัลของจีนเมืองที่สามที่ถัดจากเซินเจิ้นและซูโจว
ผู้ที่ได้รับรางวัลสามารถใช้จ่ายเงินผ่านร้านค้าออนไลน์และที่หน้าร้านแบบออฟไลน์ โดยใช้ได้ทั้งกับร้านเสื้อผ้า รองเท้า โรงภาพยนตร์ โรงแรม ร้านอาหารและร้านค้าอื่น ๆ เริ่มตั้งแต่ 10 – 17 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งได้เปิดให้ประชาชนในปักกิ่งลงทะเบียนตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา
ในวันเดียวกันซูโจวก็ได้จับรางวัลแจกอั่งเปา 200 หยวนในสกุลเงินดิจิทัลด้วยมูลค่า 30 ล้านหยวน สามารถจ่ายได้ทั้งร้านค้าออนไลน์และหน้าร้านแบบออฟไลน์กว่า 10,000 แห่ง ตั้งแต่ 10 – 26 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อทดสอบการใช้สกุลเงินดิจิทัลของจีนเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้ทดสอบครั้งแรกไปเมื่อเดือนธันวาคมด้วยมูลค่า 20 ล้านหยวน
ถึงตอนนี้จีนได้ทุ่มเงินทดสอบการใช้สกุลเงินหยวนดิจิทัลไปแล้ว 110 ล้านหยวนใน 3 เมืองใหญ่ คือ ล่าสุดปักกิ่ง 10 ล้านหยวน, ซูโจวรวม 2 ครั้ง 50 ล้านหยวน และเซินเจิ้นอีก 50 ล้านหยวน จากเดือนตุลาคม 10 ล้านหยวน, มกราคม 20 ล้านหยวน และ 1 – 9 กุมภาพันธ์ 20 ล้านหยวน
เมษายน 2020 ธนาคารกลางสาธารณะรัฐประชาชนจีน (PBoC) ประกาศว่าจะเริ่มมีการทดสอบใช้เงินหยวนดิจิทัล โดยเริ่มจาก 4 เมืองหลัก ได้แก่ เซิ่นเจิ้น, ซูโจว, เฉิงตู และ สงอัน รวมทั้งยังมีแผนที่จะใช้ในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งในปี 2022 อีกทั้งมกราคมที่ผ่านมา 3 มณฑลที่ร่ำรวยที่สุดของจีน คือปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และกวางตุ้งประกาศว่ามีแผนที่จะทดสอบใช้เงินหยวนดิจิทัลเช่นเดียวกัน
เงินหยวนดิจิทัลถูกควบคุมโดยธนาคารกลางของจีน จัดทำขึ้นเพื่อต้องการผลักดันให้จีนไปสู่สังคมไร้เงินสดที่สามารถควบคุมและตรวจสอบได้ดีกว่าการใช้เงินสด และไม่ได้ทำมาแทนที่กระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) อย่าง Alipay หรือ WeChat Pay แต่จะถูกนำมาใช้ร่วมกันรวมไปถึงธนาคารต่าง ๆ ด้วย
เงินหยวนดิจิทัลแตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์อย่าง Bitcoin ที่ไม่มีใครควบคุมถูกมองว่าใช้ในการเก็งกำไรและมีความผันผวน แต่นักลงทุนได้หันมาซื้อ Bitcoin มากขึ้นเพื่อหนีความเสี่ยงที่จะเกิดจากเงินเฟ้อ ซึ่งล่าสุดได้แตะราคาสูงสุดที่ 48,226 ดอลลาร์หลังจากที่ Tesla เปิดเผยว่าได้ลงทุน 1,500 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin
ส่วนคู่แข่งของเงินหยวนดิจิทัลก็คือ Libra เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบ Stable Coin ที่มูลค่าคงที่โดยอ้างอิงตามมูลค่าของสกุลเงินหลัก (เงิน Fiat ที่ดูแลโดยธนาคารกลาง) และใช้สินทรัพย์มาค้ำประกันมูลค่า ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (เช่นเดียวกับ BitCoin) จะใช้สำหรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งการโอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟน นโยบายล่าสุดจะออกมาสนับสนุนสกุลเงินเดียว เช่น LibraUSD และเดือนธันวาคมได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Diem โดยมีแผนจะเปิด Diem Dollar ออกมาก่อนซึ่งคาดว่าจะเป็นต้นปีนี้
ที่มา : scmp และ chinadaily
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส