งาน CP+ หรืองานแสดงกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพจัดขึ้นที่เมือง Yokohama ของญี่ปุ่น ซึ่งก็มีกล้องใหม่เปิดตัวมากมาย แบไต๋ไฮเทคจึงขอคัดกล้องตัวที่เจ๋งๆ ออกมาให้ดูกัน
1. Sigma DP Quattro
Sigma บริษัทผลิตเลนส์ชั้นนำของญี่ปุ่นนั้นพยายามเข้าสู่ตลาดกล้องดิจิตอลมายาวนาน ด้วยเทคโนโลยีเซนเซอร์รับภาพเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนบริษัทอื่นอย่าง Foveon X3 ที่แบ่งชั้นรับสีออกเป็น 3 ชั้น เริ่มจากน้ำเงิน เขียวและแดงตามลำดับ ซึ่งทำให้คุณภาพสูงกว่าเซนเซอร์ชั้นเดียวแล้วอาศัยตารางสี Bayer เพื่อคำนวนสีที่ขาดหายไปแบบที่กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่ของโลกใช้กัน แต่ที่ผ่านมา Foveon ก็ยังมีปัญหามาก เพราะการที่ต้องรับข้อมูลภาพถึง 3 ชั้น ทำให้กล้องต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล (มากกว่า 40 ล้านพิกเซล) ทำให้กล้องทำงานได้ช้า และยังมีปัญหา Noise และสีของภาพดร็อปเมื่อเร่ง ISO ขึ้นไปสูง
หลังจากพัฒนามายาวนาน Sigma ก็ปล่อยเซนเซอร์ Foveon ในยุคใหม่ที่เรียกว่า Quattro ที่ลดปริมาณข้อมูลในชั้นที่ 2 และ 3 ที่ต้องคำนวนลง ทำให้กล้องทำงานได้เร็วขึ้น ให้ภาพขนาด 20 ล้านพิกเซล (ที่ใช้ข้อมูล 39 ล้านพิกเซลสร้างขึ้นมา) ซึ่งเซนเซอร์ตัวนี้จะใช้ในกล้อง 3 ตัวคือ Sigma DP1, DP2 และ DP3 ที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงเลนส์ ที่ DP1 จะใช้เลนส์เทียบเท่า 28mm ส่วน DP2 ใช้ 45 mm และ DP3 เป็น 75mm (ทุกตัวเป็น f/2.8)
นอกจากนี้ Sigma DP ยังออกแบบตัวกล้องใหม่ในรูปทรงประหลาด จับง่ายกว่าเดิมด้วยกริปขนาดใหญ่ งานนี้ Sigma คงไม่เน้นขายคนทั่วไปเหมือนเดิม แต่ Sigma DP นั้นสร้างขึ้นสำหรับช่างภาพที่ต้องการคุณภาพสูงสุดโดยเฉพาะ
ราคากับวันวางจำหน่ายยังไม่ระบุ
2. Sony A6000
Sony ออกกล้อง Mirrorless ระดับกลางตัวใหม่ออกมาแทน NEX-6 ตัวเดิมที่อยู่ในตลาดมาเกือบ 2 ปี โดยปรับปรุงประสิทธิภาพแต่ลดราคาลง
จุดเด่นของ a6000 คือระบบโฟกัสแบบใหม่ที่ประกอบด้วยระบบค้นหาโฟกัสแบบ Contrast 25 จุดและแบบ Phase อีก 179 จุด ทำให้ a6000 สามารถหาโฟกัสได้เร็วสุดเพียง 0.06 วินาที
นอกจากนี้ความละเอียดก็ยังเพิ่มไปที่ 24 ล้านพิกเซล (NEX-6 16 ล้าน) ด้วยเซนเซอร์ขนาด APS-C โดยใช้หน่วยประมวลผล Bionz X ตัวใหม่ ทำให้ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วขึ้น ส่วนจุดเด่นของ NEX-6 ที่ a6000 ยังคงไว้คือมีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) มี Wifi ในตัวพร้อม NFC และช่องเสียบแฟลชแบบมาตรฐาน
เนื่องจาก a6000 ขายพร้อมเลนส์ 16-50 ราว 26,000 บาท ซึ่งถูกกว่า NEX-6 ตอนเปิดตัวราว 200 เหรียญหรือ 6000 บาท ทำให้สเปกของจอ EVF ลดลงจากจอความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซลเหลือจอ 1.44 ล้านพิกเซลเท่านั้น และลดคุณภาพของจอ LCD ด้านหลังลง หากใครที่รอกล้องคุ้มราคาจาก Sony ก็กำเงินรอได้เลย
ที่มา: dpreview
3. Canon EOS 1200D
หลังจากปล่อยให้กระแสของกล้อง Mirrorless มาแรงจนกลบกล้อง DSLR ระดับเริ่มต้นไปจนเกือบมิด Canon ก็ส่งกล้องรุ่นล่าสุด ในตระกูลล่างสุดของ DSLR ออกมาให้ยลโฉมกันแล้ว
1200D เป็นกล้องรุ่นที่พัฒนาต่อจาก 1100D ที่ออกมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (รหัส 4 ตัว เป็นกล้องรุ่นล่างสุดของ DSLR) โดยเพิ่มความละเอียดจาก 12 ล้านพิกเซลเป็น 18 ล้านพิกเซล แต่ก็ยังใช้หน่วยประมวลผล Digic 4 เหมือนรุ่นเดิมอยู่
นอกจากนี้ยังขยายจอหลังจาก 2.7 นิ้วเป็น 3 นิ้ว โดยเพิ่มความละเอียดอีกเท่าตัวเป็น 460,000 พิกเซล และปรับปรุงให้ถ่ายวิดีโอได้ถึง 1080p จากรุ่นเดิมถ่ายได้แค่ 720p ส่วนบอดี้นั้นก็ยังมีขนาดเท่าเดิม หนักประมาณ 480 กรัม
ราคาประมาณ 18,000 บาท
แต่ถ้าเทียบกับ EOS 100D ที่เป็น DSLR ทรงเล็กเหมือนกัน 100D จะจัดเป็นกล้องเกรดสูงกว่า ด้วยราคาที่แพงกว่าราว 6,000 บาท (ตอนนี้ 100D ศูนย์ไทยขายราว 23,000) แต่จะได้บอดีโลหะผสม หน่วยประมวลผลเป็น Digic 5 ที่ใหม่กว่า ถ่ายความไวแสงสูงสุดที่ 25600 (1200D ถ่ายได้ที่ ISO 6400) ระบบโฟกัสดีกว่า จอภาพด้านหลังละเอียด 1 ล้านพิกเซล ละเอียดกว่า 1200D อีกเท่าตัว พร้อมจอสัมผัส
ที่มา: dpreview
4. Canon PowerShot G1X Mark II
กล้องตัวนี้มาจาก Canon กับ PowerShot G กล้องตระกูลที่หลายคนหลงรัก ที่หลังจากปล่อยตัวเทพอย่าง G1X ไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนี้ก็ได้รับการอัปเกรดเป็น G1X Mark II แล้ว
จุดเด่นของ G1X ที่ Mark II ยังคงสืบทอดคือเซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1.5 นิ้ว ที่มีขนาดใหญ่กว่า เซ็นเซอร์ขนาด m4/3 ของกล้อง Mirrorless จาก Panasonic กับ Olympus หลายรุ่นใช้กันเสียอีก โดยที่ Mark II ให้ภาพ 13 ล้านพิกเซล ส่วน G1X ให้ภาพ 14 ล้านพิกเซล
จุดที่ Mark II ปรับปรุงขึ้นมาคือช่วงเลนส์ที่กว้างขึ้นเป็น 24-120 (เดิม 28-112) แถมให้รูรับแสงได้ที่ f/2.0-3.9 (เดิม f/2.8-5.8) ทำให้ถ่ายที่มืดได้ดีขึ้นไปอีก ถ่ายมาโครได้ที่ระยะ 5 cm (เดิม 20 cm) แล้วก็ใช้หน่วยประมวลผล Digic 6 ตัวใหม่ ระบบหาโฟกัสก็ดีขึ้น ถ่ายภาพต่อเนื่องเร็วขึ้น ถ่ายวิดีโอ 1080p เก่งขึ้น จอด้านหลังก็ละเอียดขึ้น พร้อมเปลี่ยนเป็นจอสัมผัส
ขนาดกล้องก็เล็กกว่าเดิมนิดหนึ่ง เพิ่มวงแหวนควบคุมคู่ตรงเลนส์ แต่ตัดช่องมองภาพออก
เรียกว่า Mark II มากลบจุดอ่อนของ G1X ได้ทั้งหมด ขายในราคาประมาณ 26,000 บาท
ที่มา : dpreview