ช่องทางทวิตเตอร์ของแบไต๋ (beartai (แบไต๋)) ได้รับรางวัลจากโครงการเวทีรางวัลเชิดชูเกียรติสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ในประเภท ‘สื่อออนไลน์’ สาขา Twitter (Social media) ได้เป็น 1 ใน 97 ผลงานที่ได้เข้าชิงรางวัลเชิดชูเกียรติที่จะคัดเหลือเพียงแค่ 13 ผลงานเท่านั้น !
ซึ่งรางวัลเชิดชูเกียรตินี้ จัดขึ้นโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อรณรงค์ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการ กำกับดูแลสื่อในเชิงบวก (Positive regulation) โดยการเชิดชูเกียรติสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ผ่านการคัดเลือกจากภาคีมหาวิทยาลัย 24 แห่ง และได้คัดเลือกเป็นผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 97 ผลงาน จาก 8 ประเภทของสื่อ ประกอบไปด้วย สื่อโทรทัศน์, สื่อภาพยนตร์, สื่อวิทยุ, สื่อสิ่งพิมพ์, สื่อออนไลน์, สื่อโฆษณา/ประชาสัมพันธ์, สื่อท้องถิ่น และ นวัตกรรมสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (ซึ่งแบไต๋ได้รางวัลในประเภทสื่อออนไลน์นะ !) และได้จัดงานประกาศรางววัลและรับประกาศนียบัตรในวันนี้ (20 กรกฎาคม)
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประธานมอบประกาศนียบัตรในครั้งนี้ กล่าวว่า ปัจจุบัน “สื่อ” เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลกับผู้คนในสังคม ทั้งในด้านทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อ และพฤติกรรมที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบ ทั้งในมิติของสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของชาติ ผู้ผลิตสื่อ ซึ่งเป็นต้นน้ำของการสื่อสาร และ ผู้บริโภคสื่อ ซึ่งเป็นทั้งปลายน้ำและต้นน้ำของการสื่อสารต่อไปยังผู้อื่น จึงเป็นผู้มีอิทธิพลที่สามารถชักจูงให้สังคมเดินไปในทิศทางต่างๆ ได้ หากเราต้องการขับเคลื่อนสังคมให้เป็นสังคมอุดมปัญญา เป็นสังคมที่รู้เท่าทันสื่อ เท่าทันข่าวสาร เป็นผู้นำในการใช้สื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อนำสังคมไปสู่สังคมที่ดีนั้น เราจำเป็นต้องผนึกกำลังร่วมกัน เพื่อเชิดชูผู้ผลิตสื่อ และผู้บริโภคสื่อน้ำดี เพื่อนำพาสังคมของเราก้าวไปในทิศทางที่ดี
“ผลงานสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ทั้ง 97 ผลงาน ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โครงการเวทีรางวัลเชิดชูเกียรติ
สื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ อันเกิดจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจของท่าน ถือเป็นแบบอย่างของการผลิตผลงานสื่อน้ำดี ที่สามารถให้วิธีคิด สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างการเรียนรู้ให้กับผู้คนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณธรรม จริยธรรม ทักษะชีวิต การเรียนรู้ ยอมรับ เข้าใจความหลากหลายในสังคม รวมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว” นายอิทธิพล กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากคัดเลือกเหลือเพียง 97 ผลงานแล้ว จะมีการคัดเลือกในลำดับต่อไป จนเหลือเพียงแค่ 13 ผลงานเท่านั้นที่จะได้รับรางวัลเป็นถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนาราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อไป