เรื่องเกิดที่รัฐอิลลินอยส์ เมื่อมีการแจ้งเหตุโจรกรรมจากหญิงตั้งครรภ์วัย 34 ปี เจ้าของรถยนต์ Volkswagen ที่มีลูกชายวัย 2 ขวบนั่งอยู่ในรถคันดังกล่าวด้วย และทางตำรวจก็ได้ดำเนินทางติดต่อไปยังบริการ Car-Net ของ Volkswagen เพื่อใช้ติดตาม GPS ในตัวรถ แต่ทาง Volkswagen กลับปฏิเสธและยื่นข้อเสนอให้ทางเจ้าของรถชำระค่าสมาชิกเสียก่อน

ก่อนอื่นไปทำความรู้จักบริการ Car-Net ของ Volkswagen กันก่อนว่าคืออะไร ฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถตรวจสอบระดับน้ำมันของตัวรถ หรือแสดงข้อมูลการชาร์จไฟ (สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น) และยังสามารถติดตามรถด้วยระบบ GPS ไปจนถึงสามารถสั่งบีบแตรระยะไกลได้ด้วย ซึ่งใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Car-Net กับรถ Volkswagen หลายรุ่น

บริการ Car-Net ของ Volkswagen

กลับมาที่เหตุการณ์นี้อีกครั้ง สาเหตุที่ Volkswagen ปฏิเสธให้ความร่วมมือ เนื่องจากเจ้าของรถไม่ได้ต่ออายุสมาชิก จึงไม่สามารถเปิดระบบ GPS ค้นหาตำแหน่งตัวรถให้ได้ แม้ในท้ายที่สุดจะมีญาติของผู้เสียหายเป็นคนควักเงินจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวน 150 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5,200 บาท) เพื่อเปิดใช้งานบริการ Car-Net อีกครั้ง

โดยทาง Volkswagen ออกมาอธิบายเพิ่มเติมว่า “บริการ Car-Net เป็นการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการอื่น ซึ่งพวกเขาดำเนินตามขั้นตอนเช่นเดียวกับเหตุการณ์อื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้” น่าเสียดายที่กรณีนี้เป็นเหตุโจรกรรมที่ต้องการความรวดเร็วในการแก้ปัญหา จึงเกิดคำถามตามมามากมายว่า หากบริการติดตามรถยนต์ไม่สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจะมีประโยชน์อะไร?

ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมาก็มีลูกค้า Volkswagen จำนวนมากออกมาเรียกร้องบริการ Car-Net ที่ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากสร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยี 3G ที่ล้าสมัย และเพิ่งจะมาเปลี่ยนเป็นระบบ 4G เมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงการที่ Volkswagen ทำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหลุดไปกว่า 3 ล้านรายในปี 2021 เช่นกัน

แม้เรื่องนี้จะจบลงด้วยดีที่ว่า เด็กขายวัย 2 ขวบที่อยู่ในรถจะปลอดภัยดี โดยพบว่าถูกทิ้งไว้ที่ลานจอดรถ และตัวรถก็สามารถติดตามเอากลับคืนมาได้ในเวลาไม่นาน แต่เห็นได้ชัดว่าระบบ Car-Net ของ Volkswagen ค่อนข้างจะล้าสมัย ไม่ทันเหตุการณ์ และดูจะไม่รู้สึกปลอดภัยเท่าไหร่กับการฝากข้อมูลตำแหน่งไว้กับ Volkswagen ซะแล้วสิ

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส