ปัจจุบันเราเห็นรถยนต์ไฟฟ้าขับขี่กันบนท้องถนนมากขึ้น โดยเฉพาะการมาถึงของ Tesla ที่มียอดจำหน่ายในรุ่น Model Y สูงที่สุดในโลกด้วย อีกทั้ง Tesla ยังขายรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองไปแล้วมากกว่า 4.6 ล้านคัน พร้อมด้วยสถานี SuperCharger กว่า 45,000 สถานีทั่วโลก ล่าสุด Tesla ขยับตัวครั้งใหญ่อีกครั้งในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว Tesla Center แห่งแรกในไทย แถมใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

Tesla Center แห่งแรกในไทยตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง ในพื้นที่ Paseo รามคำแหง ครอบคลุมทั้งบริการฝ่ายขาย เซอร์วิส ศูนย์ซ่อมและทำสี สถานี Supercharger ไปจนถึงส่งมอบรถในที่เดียว นอกจากนี้ Tesla Center ยังจัดแสดงผลิตภัณฑ์ใน ecosystem ของ Tesla ที่ไม่ได้มีแค่ตัวรถ แต่ยังมีหลังคารโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน เพื่อแสดงถึงเป้าหมายสูงสุดในการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่พลังงานที่ยั่งยืน

การสร้าง Ecosystem ของ Tesla ประกอบไปด้วยหลังคา Solar roof ที่มีความแข็งแรงกว่าโซลาร์เซลล์ทั่วไป ช่วยรับพลังงานจากแสงอาทิตย์แล้วส่งต่อไปที่ Power wall หรือแบตเตอรี่ช่วยกักเก็บพลังงานไฟฟ้า ที่สามารถติดตั้งเพิ่มได้เหมือนต่อเลโก้ (เพราะ Tesla ออกแบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เอง) หรือถ้าพื้นที่ไหนต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าระดับเมือง Tesla ก็มี Megapack ไว้รองรับในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติจนไฟดับทั้งเมือง สุดท้ายพลังงานไฟฟ้านั้นสามารถส่งกลับมายังรถ Tesla หรือรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้

สิ่งที่ทำให้ Tesla โดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ คือ Gigafactory ที่สามารถประกอบรถ Tesla ได้สูงสุด 1 ล้านคันนับตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี 2023 นอกจากนี้ยัง Tesla ยังมีชื่อจากระบบ Autopilot ที่ใช้เซนเซอร์รอบคันมาช่วยประมวลผลการขับขี่ พร้อมด้วย Tesla Fleet Learning ที่ทำให้ยิ่งขับขี่มากเท่าไหร่ตัวรถจะยิ่งฉลาดมากขึ้นเท่านั้น เพราะอาศัย Big Data เช่น ข้อมูลภูมิศาสตร์, สถิติและการขับขี่มาช่วยประมวลผลนั่นเอง

Tesla Center แห่งนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากวัฒนธรรมไทย เช่น หลังคาวัดมาทำเป็นซุ้มรับรองลูกค้า รองรับบริการต่าง ๆ รวมถึงศูนย์ซ่อมและทำสีตัวรถ ที่รับรองได้สูงสุด 400 คัน/สัปดาห์ ที่นี่ยังมีเครื่องตั้งศูนย์ล้อที่แม่นยำสูงสุด (เพราะ Tesla ใช้วิธีการจับศูนย์ล้อที่บริเวณขอบล้อ) ทาง Tesla แนะนำให้นำมาเช็กศูนย์ล้อทุก ๆ 40,000 กิโลเมตรหรือ 1 ปี

ส่วนการซ่อมสามารถเข้าผ่านแอปพลิเคชันได้ เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลาในการรอ ทางทีมงาน Tesla จะได้จัดเตรียมอะไหล่หรืออุปกรณ์ให้พร้อมก่อนเข้ารับบริการ หรือในบางกรณีผู้ใช้สามารถจัดการผ่าน OTA ได้เลย ยิ่งสะดวกขึ้นไปอีก

Tesla Center แห่งนี้ยังเป็นที่ส่งมอบรถ Tesla ในตัว โดยการส่งมอบไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานต้อนรับ แต่ลูกค้าสามารถรับฟังวิธีการตั้งค่าตัวรถผ่านเสียงวิทยุและปฏิบัติไปได้พร้อม ๆ กัน ใครที่เป็นเจ้าของ Tesla ในไทยน่าจะได้ประสบการณ์นี้ไปบ้างแล้ว ซึ่งปัจจุบัน Tesla สามารถส่งมอบรถได้สูงสุด 80 คันต่อวัน โดยแบ่งเป็น 4 รอบในแต่ละวัน
ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ด้วยพลังงานสะอาดจาก Tesla สามารถไปเยี่ยมชมหรือทดสอบขับขี่ได้ที่ Tesla Center แห่งแรกในไทยได้เลย Tesla Center เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น.
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส