สำนักข่าว Automotive News รายงานว่า ฟอร์ด (Ford) จะลดเป้าหมายการผลิตรถกระบะไฟฟ้า F-150 Lightning ในปี 2024 ลงครึ่งหนึ่ง โดยอ้างจากบันทึกช่วยจำที่ฟอร์ดได้ส่งไปถึงซัปพลายเออร์ ซึ่งระบุว่าเริ่มต้นในเดือนมกราคมจะผลิต Lightning เฉลี่ยประมาณ 1,600 คันต่อสัปดาห์ ณ โรงงาน Rouge ในเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน จากเป้าหมายที่เคยวางไว้ที่ 150,000 คันต่อปี หรือประมาณ 3,200 คันต่อสัปดาห์ จึงแสดงให้เห็นว่าเป้าหมายการผลิตในปี 2024 ได้ถูกปรับลดลงมาครึ่งหนึ่ง
เดือนตุลาคม 2023 ฟอร์ดได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2023 ซึ่งผู้บริหารของฟอร์ดได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และชะลอการลงทุนประมาณ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (429,120 ล้านบาท) ตามความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ลดลง โดยจะลดการผลิต Mustang Mach-E และเลื่อนการตั้งโรงงานนผลิตแบตเตอรี่แห่งที่ 2 ในรัฐเคนตักกี้ แต่ไม่ได้พูดถึง F-150 Lightning อย่างชัดเจนมากนัก
อย่างไรก็ตาม โฆษกของฟอร์ดเผยว่าบริษัทจะยังคงยืนยันที่จะผลิต Lightning ตามความต้องการของลูกค้าต่อไป แต่ไม่ได้ยืนยันเกี่ยวกับบันทึกที่ถูกกล่าวอ้าง
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้สวนทางกับกระแสในเดือนมกราคมปี 2022 ที่ฟอร์ดได้ยอดจองรถกระบะไฟฟ้า F-150 Lightning จำนวน 200,000 คัน ซึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจึงได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 150,000 คันต่อปี ภายในกลางปี 2023 ซึ่งต่อมาช่วงต้นปี 2023 ฟอร์ดได้ปิดโรงงาน Rouge ในรัฐมิชิแกนลงชั่วคราว เพื่ออัปเกรดให้รองรับกำลังการผลิตที่ตั้งเป้าเอาไว้
แม้ว่าฟอร์ดจะมีแผนปรับลดการผลิตตามความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลง แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ของปีนี้ยังคงเติบโตจนทะลุ 1,000,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่สอดคล้องกับแผนการผลิตที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ค่ายต่าง ๆ ได้ตั้งเป้าหรือวาดฝันเอาไว้อย่างมากมาย จนทำให้หลายบริษัทต้องลดการลงทุน ชะลอการปรับปรุงโรงงานหรือสร้างโรงงานใหม่ และลดกำลังการผลิต
ที่มา : techcrunch.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส