วันศุกร์ที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา Toyota ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นได้ประชุมทางโทรศัพท์รายงานผลประกอบการของบริษัท ในระหว่างนั้น Akio Toyoda ประธานของ Toyoto ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการวางแผนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวและต้องแข่งขันกับ Tesla บริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2020 ซึ่งแซงหน้าแชมป์เก่า Toyota ที่ครองอันดับมาถึง 7 สมัย
Toyoda ยอมรับว่ามูลค่าการประเมินของ Tesla ประมาณที่ 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (12 ล้านล้านบาท) ซึ่งสูงกว่ามูลค่าของบริษัทผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นทั้งหมด 7 บริษัทรวมกัน และกล่าวถึงคู่แข่งอย่างรู้ลึกว่า Toyota ได้มีโอกาสเรียนรู้ความสำเร็จของ Tesla ด้วยนักลงทุนและโมเดลของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงรายได้ที่มาจากรถยนต์ไฟฟ้า การขายเครดิตกฎระเบียบ ซอฟท์แวร์และผลิตภัณฑ์พลังงานหมุนเวียน
Toyoda ได้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทในเชิงคุณภาพว่าถ้าเปรียบเทียบธุรกิจรถยนต์กับร้านอาหาร Tesla ก็เป็นร้านอาหารที่ยังคงได้แค่โปรโมตสูตรอาหาร ในขณะที่ Toyota เป็นร้านอาหารที่บริการลูกค้าจำนวนมากแล้ว (อาจจะตีความได้ว่า Toyota ไม่กลัวที่จะแข่งขันเพราะเป็นที่รู้จักของตลาดอยู่แล้ว)
Toyoda เสริมว่า Tesla ยังไม่ได้สร้างธุรกิจที่แท้จริงในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งพยายามที่จะขายสูตรอาหารและเชฟกำลังบอกว่าสูตรของร้านกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานของโลกในอนาคต ส่วน Toyota มีครัวของจริงและเชฟตัวจริงด้วย และกำลังสร้างสรรค์อาหารต่าง ๆ รวมทั้งมีลูกค้าที่พิถีพิถันเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบกินเป็นอย่างมาก กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าและได้กินอาหารของร้านนี้แล้ว (เหมือนจะย้ำความเก๋าว่า Toyota อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานานเข้าใจผู้ใช้รถและมีฐานลูกค้ามาแล้วจำนวนมาก)
Toyota ผลิตและจำหน่ายหน่ายรถยนต์ในปริมาณที่มากกว่าและความหลากหลายของรถยนต์ก็มีมากกว่า Tesla ซึ่งในวันนี้มีรถยนต์ Toyota วิ่งอยู่บนถนนถึง 100 ล้านคันซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล รถเช่า และลูกค้าแบบอื่น ๆ อีกทั้งคาดว่าจะสามารถขายรถยนต์ประมาณ 7.5 ล้านคันในระหว่างปีงบประมาณ 2021 ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2020 ในขณะที่ Tesla คาดว่าจะขายรถยนไฟฟ้าในปี 2020 ได้ 500,000 คัน
Toyoda กล่าวขมวดปมว่า Totota นั้นได้นำเสนอรายการอาหารที่เรียงอยู่เต็มเมนู ซึ่งกำลังสื่อว่าบริษัทมีรถยนต์ที่ผสมผสานกันทั้งรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (เชื้อเพลิงน้ำมัน) ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรีบริสุทธิ์ และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง
Toyota เป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดด้วยการผลิต Toyota Prius ที่เริ่มออกวางขายในปี 1997 รวมทั้งได้ผลิตรถยนต์ RAV-4 SUV ไฟฟ้าแบตเตอรีรุ่นแรกในปี 1997 จนถึงปี 2003 จากนั้นปี 2012 ได้ปล่อย RAV-4 EV รุ่นที่ 2 ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Tesla อย่างไรก็ตาม Toyota ไม่ได้แผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี (BEV) ในปริมาณ จนกระทั่งปลายปี 2019 ได้ประกาศร่วมทุนกับ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Tesla
ผลประกอบการของ Toyota แม้ว่ากำไรจะลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาล่าสุด แต่ถ้าเทียบในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่ง Toyota สามารถทำยอดขายได้มากกว่าถึง 3% คาดการณ์ว่าทั้งปียอดขายจะฟื้นเพิ่มมากกว่า 2 เท่า และจะสร้างผลกำไรในปีนี้จนถึงเดือนมีนาคม 2021 ประมาณ 12,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
การเปรียบเปรยของประธาน Toyata ได้สะท้อนข้อมูลให้เห็นได้ชัดเจนว่า Tesla สามารถแซง Toyota ได้จากมูลค่าของบริษัทด้วยราคาหุ้น และผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ของ Tesla เห็นได้ชัดว่ากำไรมาจากรายได้ในการขายเครดิตกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมช่วยเอาไว้ นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนครึ่งปีแรกของปี 2020 BYD คู่แข่งรายใหญ่ที่สุดทำไว้สูงถึง 60,253 คัน ส่วน Tesla มียอดขายอยู่ที่ 49,714 คัน
อย่างไรก็ตาม อนาคตเมื่อ Tesla ผลิตแบตเตอรีที่ต้นทุนถูกลงทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลงด้วย และเมื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ Model ที่ขยายในจีน, Gigafactory 4 ในเบอร์ลินและ Gigafactory 5 ในเท็กซัส รวมทั้งการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า Semi, รถกระบะไฟฟ้า Cybertruck และรถ Roadster ได้เสร็จตามแผน ก็ไม่แน่ว่า Tesla อาจจะกลายเป็นร้านอาหารที่เชฟสามารถสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ที่คนอยากกินและหากได้กินแล้วจะติดใจก็เป็นไป อันนี้ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าร้านเก่าและร้านใหม่ใครจะเด็ดกว่ากัน
ที่มา : cnbc
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส