แหล่งข่าว The Financial Times และ BBC อ้างว่า บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษจะประกาศห้ามจำหน่ายรถยนต์เชื้อเพลิงเบนซิลและดีเซลที่อังกฤษเร็วขึ้นเป็นภายในปี 2030 ส่วนไฮบริดจะขายต่อไปได้จนถึงปี 2035 ทั้งนี้คาดว่านายกฯ จะประกาศในสัปดาห์หน้า ซึ่งมีโอกาสจะปรับเปลี่ยนเป็นปี 2032 แต่เชื่อว่าจะเป็นปี 2030 มากกว่า
เมื่อปี 2017 มีกระแสข่าวว่าอังกฤษต้องการจะห้ามขายรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันภายในปี 2040 ต่อมาต้นปี 2020 ได้มีข่าวว่าจะขยับเวลาเร็วขึ้นมาเป็นปี 2035 ดังนั้นการขยับมาครั้งนี้จึงเร็วขึ้นกว่าเดิม
เหตุผลของการขยับกรอบเวลาที่เร็วขึ้นเพราะรัฐบาลอังกฤษมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและช่วยให้อังกฤษเข้าใกล้ Climate Target Plan คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยที่สุด 55% ในปี 2030 โดยรัฐบาลอังกฤษจะทุ่มทุน 500 ล้านปอนด์ (20,000 ล้านบาท) สนับสนุนระบบชาร์จพลังงานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมภายในประเทศ
สิ่งที่น่ากังวลก็ คือ การขยับเวลาที่เร็วขึ้นโดยไม่ปรึกษาผู้ผลิตรถยนต์ไว้ก่อน อาจจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีฐานการผลิตอยู่บนเชื้อเพลิงน้ำมันตั้งหลักกันแทบไม่ทัน ซึ่ง Honda แย้งว่าการห้ามขายแม้กระทั่งรถยนต์ไฮบริดจะเป็นการจำกัดที่มากเกินไป ส่วน Toyota ผู้บุกเบิกและเจ้าของรถยนต์ไฮบริดชั้นนำ เตือนว่าหากห้ามขายรถยนต์ไฮบริดอาจทบทวนการลงทุนในอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลอังกฤษจะขยับเวลาให้รถยนต์ไฮบริดนานขึ้นอีก 5 ปี แต่ผู้ผลิตแทบจะไม่มีเวลาได้หายใจมากนัก กลับกันหากผู้ผลิตรายใดไม่ฮึดสู้ก็อาจจะต้องสูญเสียตลาดให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาทำตลาดอย่างแน่นอน ยิ่งระบบชาร์จจะมีพร้อมทั่วประเทศ และถ้าได้รับเงินจูงใจคืนภาษีจากรัฐบาลด้วย บวกกับราคารถยนต์ไฟฟ้าที่จะถูกลงตามต้นทุนของแบตเตอรีในอนาคต เชื่อได้เลยว่าใครที่ปรับตัวช้าก็อาจจะตามเขาไม่ทัน
ที่มา : engadget
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส