คณะกรรมการไกล่เกลี่ยของนอร์เวย์ได้ตัดสินเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนธันวาคม 2020 จากกลุ่มเจ้าของรถยนต์ Tesla Model S จำนวน 30 คนที่กล่าวหาว่าการอัปเดตซอฟต์แวร์เมื่อปี 2019 ส่งผลกระทบต่อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ที่ผลิตระหว่างปี 2013 – 2015 ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จที่นานขึ้น โดยมีคำสั่งให้เทสลาต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวน 136,000 โครเนอร์ (512,936 บาท) ให้ผู้เสียหายแต่ละคน ซึ่งมีซื้อรถยนต์รุ่นดังกล่าวในช่วงนั้นประมาณ 10,000 คัน จึงอาจต้องจ่ายค่าปรับรวมเป็นเงินราว 1,360 ล้านโครเนอร์ (5,127 ล้านบาท)
คำสั่งมีผลให้เทสลาต้องจ่ายเงินภายในวันที่ 31 พฤษภาคม หรือจะใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการประนีประนอมของออสโลได้ภายในวันที่ 17 มิถุนายน
ก่อนหน้านี้ในปี 2019 เทสลาได้ถูกกลุ่มผู้ซื้อรถยนต์ฟ้องร้องต่อศาลประจำภูมิภาคในเขตทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนียด้วยข้อกล่าวหาว่าการอัปเดตซอฟต์แวร์ส่งผลต่อความจุของแบตเตอรีทำให้ได้ระยะวิ่งและความเร็วในการชาร์จลดลง ซึ่งเทสลาได้ชี้แจงว่าการอัปเดตซอฟต์แวร์มีจุดประสงค์เพื่อช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรีให้ยาวนานขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทสลาจะมีความประสงค์ดี แต่เจ้าของรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบก็ได้ออกมาฟ้องร้อง ซึ่งอาจทำลายชื่อเสียงของบริษัทในอนาคตได้ โดยเฉพาะนอร์เวย์ที่จัดว่าเป็นประเทศรักพลังงานสะอาดใช้รถยนต์ไฟฟ้าถึง 54% ของจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนทั้งหมด และเทสลาก็เป็นรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมอันดับสองรองจาก Audi e-trons ดังนั้นหากเทสลาสามารถไกล่เกลี่ยจบเรื่องได้ก็จะเป็นผลดีต่อการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปในอนาคต
ที่มา : techcrunch ขอบคุณภาพ : flickr.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส