วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม เทสลา (Tesla) ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ว่าบริษัทกำลังจะเปลี่ยนไปใช้ระบบ Tesla Vision ซึ่งเป็น Autopilot ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ (มีความสามารถในการขับขี่ด้วยตัวเองระดับ 2 หรือ SAE Level 2) ที่เลิกการติดตั้งใช้งานเรดาร์โดยจะใช้เฉพาะกล้อง และจะเริ่มปรับใช้ครั้งแรกในรถยนต์ไฟฟ้า Model 3 และ Model Y ที่ส่งมอบในตลาดอเมริกาเหนือเดือนพฤษภาคมนี้
เทสลาได้แจ้งเตือนว่าระบบ Tesla Vision ที่ถอดเรดาร์ออกไปนั้น อาจมีีผลทำให้รถยนต์ที่ลูกค้าซื้อไปมีฟีเจอร์การใช้งานบางอย่างที่จำกัด แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์จะมีการปล่อยให้อัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air ซึ่งจะช่วยให้ฟีเจอร์ทั้งหมดถูกปรับปรุงให้ทำงานได้ตามปกติ ซึ่งฟีเจอร์ที่จะมีปัญหาหลังจากถอดเรดาร์ ก็คือ
- Autosteer ช่วยในการบังคับเลี้ยวให้รถอยู่ภายในเลนที่ทำเครื่องหมายไว้ชัดเจนและรักษาระดับความเร็วแบบคงที่ โดยจะถูกจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 75 ไมล์/ชม. (120 กม./ชม.) และจะเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าขั้นต่ำที่ยาวขึ้น
- Smart Summon (ถ้ามีการติดตั้ง) การนำทางเพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่าง ๆ สำหรับการเข้าจอดที่ซับซ้อน และ Emergency Lane Departure Avoidance ช่วยนำรถกลับเข้าสู่เลนเมื่อตรวจพบว่ารถกำลังออกนอกเลนและอาจเกิดการชนกัน ซึ่งทั้งสองฟีเจอร์นี้อาจถูกปิดการใช้งาน เพราะอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายและอันตรายได้
เดือนเมษายน Tesla ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 และเผยว่าบริษัทยังคงพัฒนาซอฟต์แวร์ Full Self-Driving (FSD) ซึ่งตอนนี้ระบบเกือบจะใช้กล้องทั้งหมดโดยจะเลิกใช้เรดาร์ในไม่ช้า ต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นที่ใช้ทั้งกล้อง ไลดาร์และเรดาร์
นอกจากนี้เทสลาย้ำว่ารถยนต์ไฟฟ้า Model S และ Model X รุ่นที่ปรับปรุงใหม่และรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่จำหน่ายอยู่นอกตลาดอเมริกาเหนือจะยังคงติดตั้งใช้งานเรดาร์และมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ครบถ้วน แต่อย่างไรก็ตาม อนาคตเทสลาจะถอดเรดาร์ออกจากรถยนต์เหล่านี้เมื่อเห็นว่ารถยนต์ Model 3 และ Model Y ที่ถอดเรดาร์ออกไปแล้วสามารถใช้งานได้ดี ส่วนข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ว่าเทสลาอาจจะเปลี่ยนใจใช้ไลดาร์คงจะไม่เป็นความจริงสินะ
ที่มา : tesla