หลังจาก Devialet Gemini ตัวแรกเปิดตัวมาได้ราว ๆ 2 ปี ก็ได้เวลาของภาคต่อกับ Gemini II ที่ปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม ให้สมกับการเป็นหูฟังแบบ TWS ตัวท็อปของค่ายเครื่องเสียงฝรั่งเศส
แม้ว่า Devialet Gemini รุ่นแรกจะมีดีไซน์เคสที่แปลกตา ไม่เหมือนใครด้วยการเปิดแบบสไลด์ แต่ก็ทำให้เคสชาร์จตัวใหญ่และพกพายากขึ้น ใน Gemini 2 จึงปรับปรุงตัวเคสใหม่ให้เล็กลง ปรับเป็นดีไซน์เปิดด้านบนเหมือนหูฟังแบบ TWS ทั่วไป พร้อมปรับปรุงขนาดตัวหูฟังให้เล็กกว่ารุ่นเดิม 40% พร้อมกันน้ำกระเซ็นในระดับ IPX4 แต่เพิ่มเติมเป็นสีสันให้เลือก 3 สี ซึ่งเป็นทั้งสีเคสและสีของตัวหูฟังคือ
- Iconic White สีขาว-เงิน
- Matte Black สีดำด้าน
- Gold สีทองพิเศษพร้อมตรา Opéra de Paris ซึ่งสีนี้จะมีราคาสูงกว่าสีอื่นเพราะเคลือบทอง 24 กะรัต และมีถุงติดมาด้วย
ในส่วนของเสียงมีการปรับปรุงไดรเวอร์ใหม่ รอบนี้ใช้ไดร์เวอร์ Neodynium ขนาด 10 mm ฉาบไทเทเนียม พร้อมเทคโนโลยี ANC ตัดเสียงรบกวนของ Devialet เองที่ทำงานร่วมกับ IDC (Internal Delay Compensation) จนเคลมว่าลดเสียงรบกวนภายนอกได้ 40 dB ด้วยไมโครโฟนคู่ พร้อมเทคโนโลยีใหม่ AWR (Active Wind Reduction) ตัดเสียงลมอัตโนมัติแม้ว่าจะมีลมเข้าที่ไมโครโฟนภายนอก
โดย Devialet Gemini 2 ตอบสนองความถึ่ 5 – 20,000 Hz ให้ความดังสูงสุด 120 dB SPL
การเชื่อมต่อก็เป็นอีกเรื่องที่ปรับปรุง ในรุ่นนี้ใช้ Bluetooth 5.2 สามารถเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้พร้อมกันแล้ว (Multipoint) โดยรองรับ Bluetooth Codec 3 ตัวคือ SBC, AAC และ aptX โดยสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมง และชาร์จผ่านเคสรวมกันแล้วสูงสุด 22 ชั่วโมง
อุปกรณ์ในกล่องนอกจากตัวหูฟังและเคสชาร์จ ยังมีสายชาร์จแบบ USB-C พร้อมจุกหูฟังอีก 4 ขนาดคือ XS/S/L (ส่วน M ติดอยู่กับหูฟังอยู่แล้ว) และสำหรับรุ่น Opéra de Paris จะมีถุงให้ด้วย ดูรูปแล้วน่าจะเป็นหนังกลับ
Devialet Gemini II เปิดตัวในไทยด้วยราคา 16,590 บาทสำหรับรุ่นธรรมดาและ 24,590 สำหรับรุ่น Opéra de Paris โดยจะวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ พร้อมรับประกัน 2 ปี
อ้างอิง: Devialet
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส