ย้อนกลับไปเมื่อสิ้นปี 2022 Blizzard ได้ประกาศจะยกเลิกสัญญาหุ้นส่วนกับ NetEase พร้อมกับยุติการให้บริการในเกมที่พวกเขาร่วมกันพัฒนาจนกว่าจะหาหุ้นส่วนคนอื่นมาแทนได้ โดยสัญญาจะหมดลงในวันที่ 24 มกราคม 2023 และ ถึงแม้ Blizzard จะได้ยื่นต่อสัญญาเพิ่มอีก 6 เดือนกับทาง NetEase แล้วก็ตาม แต่ทาง NetEase ก็ได้ตอบปฏิเสธกลับ พร้อมกับแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
จากแถลงการณ์ล่าสุดของ Blizzard ทำให้ NetEase ดูเหมือนเป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียว เพราะข้อความได้กล่าวว่าการร่วมมือกับ NetEase เป็นการร่วมมือที่ ‘ล้มเหลว’ NetEase รู้สึกไม่พอใจกับข้อกล่าวหานี้มาก ๆ นอกจากจะปฏิเสธการต่อสัญญาหุ้นส่วน ในขณะที่ Blizzard กำลังหาบริษัทมาแทนที่แล้ว พวกเขาได้กล่าวหา Blizzard ว่าเพิกเฉยต่อความยุ่งยากที่เกิดขึ้นกับ NetEase และผู้เล่นเช่นกัน
NetEase ยังได้ชี้แจงว่าไม่ได้รับคำปรึกษาเกี่ยวกับกระบวนการเก็บข้อมูลตัวละครสำหรับ World of Warcraft เช่นกัน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ทรัพย์สินในเกมสูญหาย ทาง Blizzard จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
นอกจากคำกล่าวหาจากทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว NetEase ได้แสดงความไม่พอใจไปอีกขั้น พวกเขาได้ไลฟ์สตรีมออฟฟิศที่พวกเขาร่วมงานกับ Blizzard กำลังถูกทำลาย โดยในไลฟ์สตรีมนี้ได้เผยให้เห็นพนักงานกำลังทำลายทุกอย่างในออฟฟิศ รวมไปถึงถอดชิ้นส่วนโมเดล Gorehowl ขนาดยักษ์ (อาวุธจาก World of Warcraft) และ โมเดลยักษ์เขียว (Orc) ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Blizzard
ยังไม่จบ!! หลังจากทำลายออฟฟิศลงแล้ว ในร้านกาแฟของ NetEase พวกเขาก็ได้ขายเมนูชาเขียวที่มีชื่อว่า Blizzard Green Tea ซึ่งชาเขียวใน ‘สแลง’ ภาษาจีนนี้มีความหมายว่า ‘คนที่ไร้เดียงสา, บริสุทธิ์’ ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจที่ NetEase มีให้ต่อ Blizzard อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ถึงบริษัททั้ง 2 จะได้รับความเสียหายจากปัญหานี้ แต่ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากสุดก็ต้องเป็นผู้เล่นอย่างแน่นอนครับ โดยเฉพาะผู้เล่น Diablo Immortal เพราะตัวเกมมีสัญญาพิเศษที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น ซึ่งหากสัญญานี้ยกเลิกแล้ว อาจส่งผลให้ผู้เล่นในประเทศจีนไม่สามารถเล่นเกมได้ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2023 และยังทำให้ผู้เล่นหลายคนต่างกันกลัวว่าข้อมูลต่าง ๆ ในเกมจะหายเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นใน World of Warcraft
ที่มา GameRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส