‘ฮิซาคาสุ ฮิราบายาชิ’ (Hisakazu Hirabayashi) นักวิเคราห์ตลาดเกมญี่ปุ่น ได้อธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้ ‘ตลาดเกมสมาร์ตโฟน’ ของญี่ปุ่นหนักหน่วง จนผู้พัฒนาต้องหันไปทำเกมลงคอนโซล และ PC ผ่านเว็บไซต์ Yahoo JP ว่า
เบื้องหลังของอุตสาหกรรมเกมญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีทีมพัฒนาเกมสมาร์ตโฟนไม่น้อยเริ่มหันไปทำพัฒนาคอนโซล และ PC เพราะเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากตลาดเกมสมาร์ตโฟนที่เติบโตได้ยาก ฮิราบายาชิให้เหตุผลว่า จำนวนผู้เล่นเกมสมาร์ตโฟนถูกล็อกไว้อยู่แล้ว เลยทำให้ผู้เล่นใหม่เข้าถึงเกมเหล่านี้ได้ยาก กล่าวอีกนัยก็คือ แม้ว่าจะมีการเปิดตัวเกมใหม่ โอกาสที่เกมนั้นจะได้รับความนิยมมีต่ำมาก ๆ ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะเอา ‘ชนะ’ ตลาดนี้
ถ้าเกมบนนั้นได้รับความนิยม ก็จะกลายเป็นเกมที่ขายดีได้อย่างยาวนาน แต่ความนิยมของเกมก็จะลดไปตามปีด้วยเช่นกัน ซึ่งข้อมูลจาก iGage เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลแอปพลิเคชันเกมจาก Game Age Research Institute เผยว่า มีเกมที่ติดอันดับ Top 500 อย่างน้อยหนึ่งครั้ง 176 เกมในปี 2020, 159 เกมในปี 2021 และ 135 เกมในปี 2022
บริษัทเกมสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่เริ่มหันมาตีตลาดคอนโซลและ PC ในปัจจุบันก็มี Cygames ผู้มีผลงานเกมสมาร์ตโฟน Uma Musume Pretty Derby และ Shadowverse ที่เคยประกาศว่าจะพัฒนาเกมให้กับคอนโซลและ PC มากกว่า 20 เกม และ MIXI ผู้พัฒนาที่สามารถตีตลาดเกมสมาร์ตโฟนด้วยเกม Monster Strike ก็กำลังสร้างเกม Asym Altered Axis เพื่อตีตลาด PC เช่นกัน
นอกจากนั้นแล้ว ต้นทุนการพัฒนาเกมสมาร์ตโฟนที่เพิ่มขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวนี้เช่นกัน ตามข้อมูลจากตลาดอุตสาหกรรมเกมเผยว่า การพัฒนาเกมสมาร์ตโฟนระดับใหญ่ จะต้องใช้งบประมาณอย่างน้อย 1 ,000 ล้านเยน (ประมาณ 252 ล้านบาท)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส