ทีมงาน #beartai ได้รับเกียรติจากบริษัท Konami เพื่อทดสอบเกม Contra Anniversary Collection ก่อนเริ่มวางขายจริงบน PlayStation 4, Xbox, Nintendo Switch และ Steam ซึ่งเกมนี้เป็นการรวม Contra 10 ภาคในอดีตมามัดขายรวมกันในราคา $19.99 ซึ่งนอกจากชุดเกม Contra แล้ว Konami ยังมีชุดฉลองครบรอบ 50 ปีออกมาอีก 2 ชุดคือ Arcade Classics Anniversary Collection และ Castlevania Anniversary Collection ที่ใครสนใจก็ไปหาซื้อกันได้
รายชื่อเกม Contra 10 เกมในชุด
เนื่องจากเกม Contra นั้นมีการออกหลายเวอร์ชั่นในหลายแพลตฟอร์ม หลายโซน ถ้านับภาคจริงๆ ในชุดนี้จะประกอบด้วย 5 ภาคหลักเท่านั้น เช่นเกม Probotector นั้นเป็นคอนทร้าที่เปลี่ยนสกินเป็นหุ่นยนต์ และรายละเอียดเกมบางส่วนสำหรับขายในยุโรป
- Contra (arcade, 1987)
- Contra (NES, 1988)
- Contra (Famicom, 1988)
- Super Contra (arcade, 1988)
- Super C (NES, 1990)
- Contra III: The Alien Wars (SNES, 1992)
- Super Probotector: Alien Rebels (SNES, 1992)
- Contra: Hard Corps (Genesis, 1994)
- Probotector (Mega Drive, 1994)
- Operation C (Game Boy, 1991)
นอกจากนี้ในชุดยังมี Bonus Book ที่รวมประวัติการพัฒนาเกม Contra ทั้ง 10 ภาคมาให้อ่านกันเพลินๆ ด้วย และในอนาคตจะมีการอัปเดตเกมเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งผู้ที่ซื้อคอลเลคชั่นนี้สามารถเล่นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
รายละเอียดเกมในชุด
CONTRA (เปิดตัวปี 1987 บนเครื่องอาเขต)
เกมแรกในตระกูลคอนทราที่เปิดตัว จนกลายเป็นซีรี่ย์เกมล่าเอเลี่ยนอีกมากมายต่อจากนั้น ตัวเกมมีจุดเด่น 2 ข้อคือการบังคับเกมแบบเดินซ้ายขวา ขึ้นลง และแบบทางลึกกึ่ง 3 มิติ เกมนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้เล่นในยุคนั้นอย่างมากเนื่องจากมีบอสสุดอลังการและป้อมปืนขนาดใหญ่
SUPER CONTRA (เปิดตัวปี 1988)
เป็นคอนทราภาคต่อของเวอร์ชั่นเกมอาร์เคด โดยนำเสนอภาพและรูปแบบการเล่นที่ดีขึ้น เวอร์ชั่นนี้มีความแตกต่างบางอย่างจากเกมอาร์เคดเนื่องจากได้ใช้มุมมองจากด้านบนแทนฉากเดินหน้าทางลึก และยังสะสมค่าพลังแบบ stack ได้เมื่อเก็บไอเท็มชนิดเดียวกันต่อเนื่องสองครั้งจะเพิ่มพลังให้กับตัวละคร
CONTRA (เปิดตัวปี 1988 บนเครื่องนินเทนโด)
แฟนเกมสามารถสัมผัสเกมคอนทราต้นฉบับเวอร์ชั่นเครื่องนินเทนโดได้บนเครื่องคอนโซลและพีซีในปัจจุบัน โดยคอนทราเวอร์ชั่นนี้ได้เพิ่มเนื้อหาและฟีเจอร์เข้าต่างๆ เพิ่มเติมจากเวอร์ชั่นเกมอาร์เคด
CONTRA (เปิดตัวปี 1988 บนเครื่องแฟมิคอม)
เกมเวอร์ชั่นต้นฉบับบนเครื่องแฟมิคอมนี้ได้เพิ่มเนื้อหาและฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเติมจากเวอร์ชั่นเกมอาร์เคด และมีภาพที่ดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นเครื่องนินเทนโด แต่เป็นโซนญี่ปุ่นนั้นเอง
SUPER C (เปิดตัวปี 1990 บนเครื่องนินเทนโด)
ภาคนี้นำเกม Super Contra เวอร์ชั่นเกมอาร์เคดมาให้เล่นบนเครื่องคอนโซล โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในเกม แต่ก็ยังคงกลิ่นอายของเวอร์ชั่นเกมอาร์เคดไว้ โดยมีการเพิ่มด่านใหม่หลายด่านและซ่อนอันตรายต่างๆ ไว้ในเกมมากขึ้น
OPERATION C (เปิดตัวปี 1991 บนเกมบอย)
เป็นครั้งแรกของคอนทราบนเครื่องเกมแบบพกพา และเป็นครั้งแรกที่มีปืนแบบมิสไซล์ติดตามเป้าหมายให้เลือกใช้ในการกอบกู้โลกจากเอเลี่ยน
CONTRA III THE ALIEN WARS (เปิดตัวปี 1992 บนเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม)
ภาคนี้เป็นเหมือนเป็นการกลับมาของคอนทรา โดยพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับเครื่องซูเปอร์แฟมิคอมโดยเฉพาะ พร้อมจุดเด่นที่สามารถซูมภาพเข้าออกได้ อีกทั้งยังมีฉากจากมุมสูงที่สามารถหมุนแผนที่ซ้ายขวาเพื่อดูตำแหน่งได้ ภาคนี้ยังคงหลายฟีเจอร์ที่เป็นกลิ่นอายของคอนทราไว้ เช่น การปีนกำแพง ปีนเพดาน และการเปลี่ยนอาวุธได้
SUPER PROBOTECTOR: ALIEN REBELS (เปิดตัวปี 1992 บนเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม)
เป็น CONTRA III: THE ALIEN WARS เวอร์ชั่นที่เปิดตัวในยุโรป โดยมีตัวละครนำเป็นหุ่นยนต์ RD008 และ RC011 และคงเนื้อหาคลาสสิคของ CONTRA III: THE ALIEN WARS เอาไว้ เช่น การถือปืนคู่ที่ยิงพร้อมกันได้ ภาพจากมุมสูง และการยิงที่บังคับได้ 8 ทิศทาง
CONTRA: HARD CORPS (เปิดตัวปี 1994 เครื่อง Sega GENESIS/MD)
เป็นรูปแบบใหม่ของเกมคอนทราที่ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นได้จาก 4 ตัวละคร และมีภาพส่วนใหญ่เป็นแบบเดินซ้ายขวาซึ่งต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ เพราะไม่มีด่านที่เป็นภาพจากมุมสูง นอกจากนี้ยังมีการเดินเรื่องผ่านฉากคัทซีน และมีทางเดินหลายทางให้ผู้เล่นต้องตัดสินใจเลือกเดินในฉากสำคัญ
PROBOTECTOR (เปิดตัวปี 1994 บนเครื่อง Sega Mega Drive)
เปิดตัวครั้งแรกในยุโรป โดยตัวละครอย่างบิลและแลนซ์ได้ถูกแทนที่ด้วยตัวละคร RD008 และ RC011 ที่เป็นหุ่นยนต์ และมีศัตรูตัวร้ายในเกมเป็นมนุษย์ ตัวละครหุ่นยนต์รู้จักในอีกชื่อคือ Probotector
และผู้เล่นที่ซื้อคอลเลคชั่น Contra Anniversary Collection ยังอัปเดตเพื่อเล่นเกมคอนทราเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นได้อีก 6 เกม ได้แก่
- Contra (เกมอาร์เคด)
- Super Contra (เกมอาร์เคด) (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า Super Contra: Alien No Gyakushu /เอเลี่ยน โนะ กยาคูชิ)
- Super C (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า Super ContraX)
- Contra III: The Alien Wars (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า Contra Spirits)
- Operation C (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า Contra)
- Contra: Hard Corps (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า Contra: The Hard Corps)
เล่นจริงๆ แล้วเกมเป็นยังไงบ้าง
ก็ต้องบอกว่าเกม Contra Anniversary Collection นั้นทำได้สมบูรณ์อย่างที่เกมควรจะเป็น คือทุกเกมนั้นเล่นได้ลื่น ภาพและเสียงเหมือนความทรงจำที่เคยเล่นในวัยเด็กไม่มีผิด ซึ่งผู้เล่นก็สามารถปรับเกมได้ 2 อย่างคือใส่ฟิลเตอร์ให้ภาพ เช่นใส่เส้น Scanline ให้เหมือนทีวี หรือปรับขนาดภาพให้เหมือนต้นฉบับเป๊ะๆ (Pixel Perfect) ก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนกรอบภาพเวลาเล่นเกมได้ด้วย
แต่ส่วนที่เราว่าน่าสนใจที่สุดนั้นอยู่ที่ Bonus Book ครับ ที่รวมประวัติการพัฒนาเกม ภาพร่างดีไซน์เกม ดีไซน์ด่าน ให้อ่านกันสนุกๆ ซึ่งเราเปิดดูคร่าวๆ แล้วน่าสนใจมาก ถ้ามีเวลาคงต้องนั่งอ่านกันให้จบ
ส่วนข้อสังเกตของเกมนี้เราคิดว่าราคา $19.99 ยังสูงเกินไปสำหรับเกมเก่าขนาดนี้นะครับ แถม 10 เกมนั้นก็เป็นเกมที่แตกต่างกันจริงๆ แค่ 5 เกม เราจึงคิดหนักนิดหนึ่งถ้าจะต้องซื้อราคาเต็ม
ซึ่งเราก็ได้พูดคุยสั้นๆ กับคุณ Jacky Zhao ถึงแผนการในอนาคตของโคนามิ ก็บอกได้ว่าโคนามิยังมี Contra ภาคใหม่ที่จะเปิดตัว ซึ่งเป็นการกลับมาของเกมในตำนานนี้หลังจากหายไปหลายปี ส่วนการแปลเกมเป็นภาษาไทยตอนนี้ยังไม่มีแผน ต้องดูความนิยมของเกมในไทยก่อน ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้เสียงตอบรับที่ดีมากนัก (จากยอดขายของ Castlevania Anniversary Collection ซึ่งคุณ Jacky ว่าอาจจะยังไม่ถูกแนวกับคนไทย) และในอนาคตก็อาจจะมีการรวมเกมเก่าของ Konami มาขายกันอีกให้หายคิดถึง