ปัจจุบันเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก LINE แอปแชตอันดับ 1 ของประเทศไทยที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ซึ่งวันนี้ไลน์ประเทศไทยได้จัดงาน LINE Thailand Developer Conference 2022 งานสัมมนานักพัฒนาไลน์ประเทศไทยประจำปี 2565 อัปเดตวิสัยทัศน์ ฟีเจอร์ เทคโนโลยีใหม่ และความรู้ เพื่อให้นักพัฒนาสามารถนำกลับไปพัฒนาแชตบอตคุณภาพสู่สังคมไทย
สำหรับแอป LINE ในปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมากท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่หลายทำให้กิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่เคยจัดในสถานที่จริง ๆ ต้องถูกบังคับไปจัดบนโลกออนไลน์ในหลาย ๆ กิจการ เช่น การอบรม การเรียน การทำงาน การประชุม การรักษา รวมถึงการค้าขาย ที่กิจกรรมทั้งหมดเหล่านี้ต้องพยายามหาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อมาบรรเทาในช่วงการระบาดนี้
โดยที่ LINE เองก็มีโซลูชันในหลาย ๆ ด้าน เช่น การสื่อสารผ่านการส่งข้อความ การประชุมด้วย LINE Meeting การซื้อขายของออนไลน์ด้วย LINE Shopping และ LINE Seller Center ทำให้ในปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งานที่ใช้งานอยู่มากถึง 53 ล้านผู้ใช้งาน
นอกจากโซลูชันที่ LINE พัฒนาเองแล้ว ยังมีโซลูชันที่ถูกนักพัฒนาทำการพัฒนาขึ้นมา อาทิ แชตบอต (Chat Bot) หรือแอปที่มาในรูปแบบของ LINE Mini App หรือ LIFF App เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้ใช้หรือธุรกิจพบเจอ และในปัจจุบันเฉพาะประเทศไทยมีแชตบอตที่มีการใช้งานอยู่เกินกว่า 250,000 ตัว เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40% และ LIFF App กว่า 100,000 แอป เพิ่มจำนวนแบบก้าวกระโดดจากปีที่แล้วถึง 50%
หลาย ๆ คนอาจจะถามว่านักพัฒนาทำไมเลือกพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ออกมาเป็นแชตบอต, LINE Mini App, หรือ LIFF App ที่เข้าถึงได้บนแอป LINE แทนที่จะพัฒนาแอปเพื่อให้ดาวน์โหลดบน App Store หรือ Play Store นั่นก็เป็นเพราะความยากง่ายของการเข้าถึงและการใช้งาน จะเห็นได้ว่าในสังคมไทยมีผู้ใช้มากกว่า 53 ล้านผู้ใช้งานเฉพาะบนแพลตฟอร์ม LINE ซึ่งนับเป็น 80% ของประชากรในประเทศไทย สามารถเข้าถึงแอปได้เลยโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปมาบนเครื่อง ลดเรื่องการสมัครและขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไป เราอาจจะเคยเห็นโซลูชันเหล่านี้บ้างแล้วอย่าง แชตบอต ‘เราต้องรอด’ ที่มีการใช้งานเพื่อช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และแชตบอต ‘ทราฟฟี ฟองดู (Traffy Fondue)’ ระบบการมีส่วนร่วมของประชาชน
ปีนี้ LINE จะมีการผลักดันในหลาย ๆ ด้าน เช่น API สำหรับนักพัฒนาเพื่อผลิตโซลูชันต่าง ๆ มาให้ได้ใช้งานกัน และ LINE Beacon ที่จะมาช่วยเชื่อมต่อการใช้ชีวิตแบบออฟไลน์เข้ากับระบบออนไลน์ ทำให้ผู้ใช้ และธุรกิจสามารถทำกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไปได้อย่างราบรื่น
ในงานนี้เองก็มีการเปิดตัว B-LINX อุปกรณ์ Beacon ตัวใหม่เป็นรุ่นที่ 2 ในประเทศไทย พัฒนาโดย Social Lab หลังจากปีที่แล้ว AIS ได้เปิดตัว DEVIO Beacon เป็นรุ่นแรก โดยรุ่นนี้จะใช้ชิป NORDIC nRF52833 ส่งสัญญาณ Bluetooth 5.1 ในรัศมีประมาณ 25 เมตร มีแดชบอร์ดสำหรับการใช้งาน สามารถแพร่ข้อความเมื่อมีผู้ใช้ LINE อยู่ในรัศมี หรือนำทางภายในอาคาร ซึ่งภาคธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อการจัดแคมเปญหรือการวิเคราะห์ทางการค้าได้เช่นกัน B-LINX จะมีวางจำหน่ายในราคา 3,000 บาท ในเร็ว ๆ นี้
การผลักดันสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์พันธกิจหลักของไลน์ที่ต้องการเชื่อมต่อผู้ใช้ ข้อมูล และบริการให้ใกล้กันมากขึ้น (Closing the Distance)