ภายในงาน BBLK Road to Success ที่จัดขึ้นโดย บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร มีการประกาศว่า บลูบิค กรุ๊ป จะทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเสริมขุมกำลังให้ธุรกิจก้าวกระโดด ตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี และปูทางสู่การเป็น Tech Company และ Venture Builder ระดับสากล
การทุ่มงบในครั้งนี้ เพื่อเข้าซื้อ 2 บริษัทชั้นนำในวงการเทคโนโลยี ในสัดส่วน 100% ได้แก่ Digital Delivery ของบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างแอปพลิเคชันให้กับองค์กรกว่า 300 ชีวิต และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz Solutions) ที่เก่งเรื่องการวางระบบ Enterprise Resource Planning – ERP อันดับหนึ่งของ Microsoft Dynamics 365 ที่ได้รับการยอมรับมากกว่า 17 ปี ในประเทศไทย
ซึ่งหลังจากที่ปิดดีลเข้าซื้อบริษัทแล้ว บลูบิคจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านไอที หรือที่เรียกว่าทีม DX (Digital Excellence & Delivery) เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากเดิม 350 คน กลายเป็น 750 คน เพื่อเพิ่มความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของภาคธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปูทางสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด และตอกย้ำความเป็น Truly End-to-End Digital Transformation Partner รวมทั้งช่วยเรื่องการประหยัดต้นทุนในการบริหารงานจาก Economy of Scale
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า “เราต้องการเป็นตัวช่วยที่ทำให้บริษัทในไทยและบริษัทในต่างประเทศ เปลี่ยนผ่านเป็น Digital-First Company ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องดิจิทัลเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหล่านั้น สามารถสร้างรายได้ และมีการบริหารงานที่ง่ายมากขึ้น และหวังว่าจะสามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศไทย
แต่เรารู้ตัวดีว่าศักยภาพของเรายังไม่พอ และไม่สามารถทำเองได้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมองหาความร่วมมือทางธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ที่จะช่วยนำจุดแข็งมาส่งเสริมกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระดับประเทศ และนานาชาติ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่เราเบอร์ต้น ๆ ของไทยที่เราเลือกมา ก็จะมี MFEC ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาแอปพลิเคชัน (Digital Delivery) ที่ผ่านการพัฒนาระบบและแอปพลิเคชันให้ทั้งธนาคาร และตลาดหลักทรัพย์ของไทย ส่วนอีกบริษัทที่เข้าไปร่วมมือก็คือ Innoviz มือหนึ่งด้านการวางระบบ ERP (Enterprise resource planning) ของ Microsoft Dynamics 365 ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
สำหรับกระบวนการเข้าซื้อกิจการจะเริ่มหลังจากที่ MFEC จัดตั้งบริษัทย่อยสำหรับหน่วยธุรกิจนี้ โดยใช้เงินสดที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (Initial Public Offering – IPO) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและแผนการระดมทุนเพิ่ม ซึ่งกระบวนการดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1 ปี 2566
ส่วนกระบวนการควบรวมกิจการของ Innoviz จะแบ่งการชำระค่าหุ้นออกเป็น 3 งวด งวดแรกจะเริ่มต้นในไตรมาส 1 ปี 2566 และจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568 โดยบลูบิคจะเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดด้วยเงินสด
- งวดที่ 1 เข้าซื้อในสัดส่วน 55% โดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบัน ในราคาซื้อขายหุ้นที่เท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 2565 คูณด้วย 12 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 55%
- งวดที่ 2 ในสัดส่วน 30% โดยราคาซื้อขายหุ้นจะเท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 2566 คูณด้วย 16 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 30%
- งวดสุดท้าย ในสัดส่วน 15% ซึ่งราคาซื้อขายหุ้นจะเท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 2566 คูณด้วย 16 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 15% สำหรับการชำระค่าหุ้นในงวดที่ 2 และ 3 นั้น บริษัทฯ จะใช้กระแส เงินสดจากการดำเนินงาน
ดังนั้นการเข้าซื้อกิจการของทั้ง 2 บริษัท จะทำให้การเติบโตนับจากนี้ของ บลูบิค โดยเฉพาะในปี 2566 เป็นไปอย่างน่าจับตามอง จากผลพวงของจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี เป็นการตอกย้ำความเป็น Tech Company ที่มุ่งเน้นการเป็น Venture Builder ระดับสากล นายพชร กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group