จากการเปิดเผยรายงานที่จัดทำขึ้นโดย Google และ Temasek ที่ระบุว่า ใน 10 ปีข้างหน้า ธุรกิจดิจิทัลในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตถึง 37 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือมีมูลค่าราว 1.33 ล้านล้านบาท) ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 ตลาดดิจิทัลในไทยจะมีมูลค่า สูงถึง 6.5 เท่า ของมูลค่าตลาดในปัจจุบัน เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนผู้ประกอบการในประเทศไทยให้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตนี้ Google ได้จัดงานสัมมนา Startup Bootcamp เพื่อแนะนำสตาร์ทอัพไทย 70 รายให้แก่ 10 บริษัทร่วมลงทุน พร้อมกับนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนองค์กรของพวกเขาให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ
งาน Bootcamp ครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งแรกที่ Google จัดให้กับกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยเน้นย้ำในสองธีมหลัก อันได้แก่ ‘เติบโต (Grow)’ และ ‘สร้างและเก็บเกี่ยว (Build and Earn’ ซึ่งการจัดงาน Bootcamp ในไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ ตั้งเป้าเดินหน้าผลักดันกลยุทธ์ทางธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านสตาร์ทอัพเด่นๆ ที่ร่วมมาเป็นวิทยากรในงาน ประกอบด้วย ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน 500 และผู้ก่อตั้งบริษัทอุ๊คบี คุณหมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ที่นำประสบการณ์ตรงมาแบ่งบันถึงสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้มาตั้งแต่ความท้าทายในการบริหารงานในกองทุน 500 ตุ๊กตุ๊ก และอุ๊คบี จนกลายมาเป็นนักลงทุนและผู้ประกอบการชั้นนำในวันนี้ ยังมีผู้บรรยายท่านอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ คุณแซมิน อัน (Saemin Ahn) ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรจาก Rakuten Ventures และคุณเดวิด โจว์ (David Jou) ผู้ร่วมก่อตั้งของ Pomelo Fashion ที่มาบรรยายด้านการลงทุนที่ยั่งยืนและการสร้างความสำเร็จให้กับบริษัทสตาร์ทอัพตั้งแต่ระดับเริ่มต้นในประเทศไทย
นายเบน คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Google ประเทศไทย ตอกย้ำต่อผู้เข้าร่วมงานราว 200 คน เน้นย้ำถึงที่มาของ Google ที่เคยเป็นสตาร์ทอัพเล็กๆ เริ่มจากโรงรถในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเกือบสองทศวรรษที่ผ่าน “Google เชื่อมั่นในศักยภาพของสตาร์ทอัพเพราะแท้จริงแล้วเราก็เกิดมาจากที่นั่น เราเชื่อในความสามารถของเหล่าสตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ ในเมืองไทย ที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมเปิดตลาดไปสู่กลุ่มใหม่ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ ด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์ โอกาสหลากหลายที่มีและพบความต้องการที่ซ่อนอยู่”
เขายังได้เปิดเผยถึง 3 ปัจจัยสำคัญที่มีความโดดเด่นในการช่วยขับเคลื่อนเศษฐกิจในส่วนตลาดดิจิทัลของประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยกล่าวอีกว่า “ตอนนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อินเทอร์เน็ตมีการเติบโตไปอย่างรวดเร็ว เราคาดการณ์ว่าในอีกสามปีจะมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงแตะระดับ 59 ล้านคน” ยิ่งกว่านั้น เขายังได้เน้นย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบในเชิงกลยุทธ์อย่างไรบ้างในกับ “ความต้องการของผู้บริโภคในอุดมคติ (ideal consumer demographic)” ด้วยจำนวนประชากรรุ่นใหม่ๆ และศักยภาพทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ท้ายสุดต้องขอบคุณโครงสร้างด้านอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย หากนับเฉพาะประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นรองเพียงแค่สิงคโปร์ ในด้านความเร็วอินเทอร์เน็ต นี่คือความสำเร็จที่น่าภูมิใจ เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่มากกว่าถึง 700 เท่าของพื้นที่ตารางกิโลเมตรเมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์
ขณะที่ประเทศไทยมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ด้วยการคาดการณ์เศรษฐกิจที่เติบโตในรายงาน Temasek ซึ่งยังมีโอกาสที่มากพออันนำไปสู่หนทางการเติบโตในการลงทุนในกลุ่มผู้ประกอบการในประเทศ ไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติม “งานในวันนี้ถือเป็นงานแรกที่เราจัดขึ้นโดยเฉพาะให้กับสตาร์ทอัพ แน่นอนว่านี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะจัด เรายังมองหาโอกาสที่จะสร้างการเชื่อมต่อและส่งเสริมสตาร์ทอัพไปสู่ความสำเร็จ”