ในงาน Youtube Summit 2017 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย นอกจากจะมีเวทีนำเสนอ และเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ Youtube แล้ว ยังมีการประกาศ 10 โฆษณาที่คนไทยชมกันมากที่สุดประจำปี 2016 ด้วย

Youtube Ad leaderboard

10. เน็ตไอดอลมะเฟืองเอง เปรี้ยวแรงอะไรเบอร์นั้น จาก OLE

Play video

9. คอมฟอร์ม เพียว คู่ป่วน ชวนหอม จาก Comfort

Play video

8. เปลี่ยน LIKE ให้เป็น LOVE สุชาติ แคปเจอร์ ft. Popteen จาก Popteen

Play video

7. ครั้งแรกกับการสารภาพจากปากหมอเจี๊ยบ ลลนา “เธอไม่ใช่นางงามรักเด็ก”

Play video

6. โอเลี้ยง เพื่อนที่จะอยู่กับคุณตลอดไป โครงการกรุงไทยสานฝันสู่บัณฑิต จาก KTB Care

Play video

5. แล้วแม่คุณล่ะ เป็นแบบไหน (My Super Mom) จาก Nestle

Play video

4. ทฤษฏีของความรักที่คุณไม่เคยได้ยิน จาก OPPO

Play video

3. Life Swop เปลี่ยนชีวิต ชีวิตเปลี่ยน คนอร์ Feat. ฟักกลิ้งฮีโร่ จากคนอร์

Play video

  1. พร้อมรับซัมเมอร์ด้วยเคล็ดลับผมยาวสวย โดย ซันซิล (ได้อันดับ 6 ของ APAC ด้วย)

Play video

1. เปิดโปงความลับของน้องลิง จาก Haier (ได้อันดับ 5 ของ APAC ด้วย)

Play video

พฤติกรรมคนที่เปลี่ยนไปในยุคชมวิดีโอผ่านเน็ต

Ben King หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำประเทศไทย

Ben King หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำประเทศไทย

คุณ Ben King หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำประเทศไทย ได้เปิดเผยว่าคนไทยดู Youtube 1 พันล้านชั่วโมงต่อวัน ซึ่งไม่ใช่เพราะคนต้องการเข้ามาดูอย่างเดียว แต่เป็นเพราะ Youtube ได้ปรับปรุงการให้บริการสม่ำเสมอด้วย จำนวนการชมวิดีโอถึงได้เยอะ คือ

  • youtube มีการใช้ machine learning เพื่อศึกษาว่าผู้ใช้ดู youtube อย่างไร เพื่อแนะนำเนื้อหาที่เหมาะสม
  • ปรับปรุงประสบการณ์การรับชมให้ดีขึ้น
  • รองรับอุปกรณ์หลายหน้าจอ เช่นในปีที่ผ่านมามีการขาย chromecast แล้ว
  • และที่สำคัญคือผู้สร้างได้สร้างเนื้อหาเหมาะกับคนไทยมากขึ้น

ซึ่งตอนนี้มีผู้สร้างที่เป็นระดับทอง (ผู้ติดตามเกิน 1 ล้านคน) ในไทยถึง 51 ช่อง เติบโตขึ้น 2 เท่าในช่วงปีที่ผ่านมา และมีช่องของแบรนด์ถึง 8 ช่องที่ได้รับระดับเงินแล้ว (ผู้ติดตามเกิน 1 แสนคน)

ไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ไทย

คุณไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ไทย เปิดเผยว่าพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป คนไม่ต้องออกจากบ้านไปเช่าหนังดูแล้ว กดสตรีมดูจากเอาจากบ้านได้เลย ซึ่งการที่สื่อใหม่สามารถเข้าถึงคนเยอะๆ ก็กลายเป็นการแย่งกันเอง ทำให้ต้องคิดเนื้อหาใหม่ ปรับใหม่ และสถิติดูแค่ reach ไม่พอ ยูทูปเลยมีการวัดว่าผู้ชมดูอยู่จริงๆ ไหม (Viewability) และมีเสียงไหม (Audibility) เพราะเสียงช่วยเพิ่ม brand awareness ได้ 2 เท่า ทำให้จำแบรนด์ได้ 3 เท่า

ตอนนี้ช่องทางดู Youtube ที่เติบโตเร็วที่สุดตอนนี้คือทีวี ซึ่งฟังดูอาจไม่เชื่อ แต่เพราะทีวีปกติสามารถต่ออุปกรณ์อย่าง Chromecast และการเติบโตของ Smart TV ทำให้คนสามารถเปิด Youtube ผ่านจอทีวีได้มากขึ้น