Trend สำคัญอย่าง Digital Transformation เป็น 1 ในการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่ง Microsoft มุ่งมั่นที่จะนำเอา AI เข้ามาเสริมศักยภาพของผู้ใช้งานทั่วไป
ตั้งแต่อดีต ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความต้องการของมนุษย์ จึงได้มีการพัฒนามาตั้งแต่ยุคไฟฟ้า มาจนกระทั่งยุคของ Cloud และวันนี้นอกเหนือจาก Cloud Computing แล้ว ปัจจุบัน Microsoft ก็ได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นผ่านระบบ Microsoft Azure
AI กับ Microsoft Azure
โดย microsoft ได้ทำนายไว้ว่า อีก 2 ปีข้างหน้าหรือปี 2020 ระบบ AI จะบุกไปสู่ Enterprise ผ่านระบบ AI ซึ่งแท้จริงแล้วปัจจุบัน microsoft ก็ได้เริ่มมีการใช้งาน AI เข้ามาแล้วบน outlook ที่จะช่วยกรองเมลที่ไม่เคยอ่านออกไป เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานสะดวกขึ้นกว่าเดิมมาก
microsoft เผยชาร์ตใหม่ที่เกิดขึ้นคือการถูกปรับเปลี่ยนจาก Mobile first Cloud First กลายเป็นยุคของ Intelligent Cloud และ Intelligent Edge คือระบบที่ช่วยให้อุปกรณ์ IoT ภายในบ้านฉลาดขึ้นกว่าเดิมภายใต้ Azure Platform โดย microsoft นั้นได้สร้าง chipset ขึ้นมาในชื่อ Azure Sphere ซึ่งเป็น Chipset เพื่อนำไปใส่ตามอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Linux OS ซึ่ง ณ วันนี้ microsoft เป็นอันดับ 1 ผู้สนับสนุน Opensource แล้ว
ซึ่งแน่นอนว่ายุคของ Intelligent edge นี้ไม่จำเป็นต้องถูกสร้างขึ้นบน Chipset Azure Sphere เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ชิปเซ็ตอื่น ๆ ได้ แต่จะต้องอยู่บนมาตรฐานของ Intelligent Cloud ปัจจุบันมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นว่า ระบบ AI เอาชนะมนุษย์ในการแข่งขัน Stanford reading test หรือแม้แต่ DJI ได้นำเอา Azure Sphere ไปใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ Drone ได้มากกว่าเดิมผ่านเทคโนโลยี AI ตัวนี้ทั้งด้านประสิทธิภาพที่เพิ่มและความปลอดภัยที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก รวมไปถึงเหตการณ์อื่น ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นบนโลกยุค AI
ซึ่ง microsoft ไม่เพียงแค่ develop ระบบขึ้นมาแล้วใช้ด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีระบบ AI Business Solution โดย Provide Platform ให้คุณแบบ open อีกด้วย ทำให้นักพัฒนาสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ต่อยอดเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ ได้ในอนาคต
AI กับ Office 365
ปัจจุบัน AI ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเลย ถ้าใครใช้ Office 365 อยู่ ปัจจุบันมีหลาย ๆ Feature ของแต่ละโปรแกรม ได้นำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้งานแล้ว เช่น OneNote จะสามารถใช้เทคโนโลยี text recognition ในการเปลี่ยนตัวหนังสือบนภาพให้กลายมาเป็นตัวหนังสือบนโปรแกรมได้ ตรวจสอบคำนาม หรือหาความหมายของแต่ละคำก็สามารถทำได้ แถมยังมีระบบ Text to Speech ที่สามารถอ่านคำพูดบนตัวหนังสือได้อีกด้วย (อ่านภาษาไทยได้ด้วยนะ)
ส่วน PowerPoint ก็จะมีระบบ dictation หรือการพิมพ์ผ่านคำผูดจากภาษาต่าง ๆ ที่ได้ยิน ซึ่งสามารถรองรับภาษาพูดได้มากมาย และทำการแปลภาษาออกมา ซึ่งปัจจุบันรองรับการแปลออกมาเป็นภาษาไทยแล้ว โดยที่ระบบแปลภาษานั้นจะมีระบบ AI ที่คอยตรวจสอบทั้งประโยคก่อน แล้วค่อยทำการแปลออกมาให้ตรงความหมายที่สุดของแต่ละภาษา ซึ่งจะลดความผิดพลาดในการแปลภาษาโดยทั่วไปได้อย่างแน่นอน งานนี้ไม่ต้องมานั่งแปลเองแล้ว อิอิ
ซึ่งทาง microsoft นั้นมีนโยบายอย่างชัดเจนในการนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้ว่า ถ้าลูกค้าไม่ต้องการเปิดเผย ทาง Microsoft ก็จะไม่ทำการส่งข้อมูลเหล่านี้ไป ถึงแม้จะเป็นทางภาครัฐบาลก็ไม่สามารถเอาข้อมูลส่วนนี้จาก Microsoft ไปได้
และการควบคุม AI ของ Microsoft นั้นต้องมี Supervisor ในการคอยตรวจสอบดูแล เพื่อไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ผิดเช่น การไปทำ Cyber Attack หรือไป Hack โดย microsoft เชื่อว่า AI จะเข้ามามีบทบาทให้กับชีวิตประจำวันของคุณอย่างแน่นอน
ตัวอย่าง 2 บริษัทแนวหน้าของไทยที่ร่วมพัฒนาระบบ AI กับ Microsoft
ตัวอย่างผู้ใช้งาน Azure จริง ๆ จากบริษัท Digital Dialogue บริษัทด้าน Digital ที่เป็นบริการช่วยเหลือลูกค้าด้านการ Provide ข้อมูลต่าง ๆ ให้ และทำ Big Data
ซึ่งระบบ Cubik ที่เป็น Chatbot นี้รองรับการใช้งาน Social Media ถึง 14 ช่องทาง ทำครั้งเดียว สามารถกระจายการใช้งานไปได้ทุกช่องทาง
ล่าสุดคือการบินไทยก็ได้มีระบบ Chatbot ออกมาเพื่อคอยรับข้อมูลจากลูกค้า เพื่อนำเอาข้อมูลมาปรับปรุง เพื่อให้ลูกค้าวางแผนและปรับปรุงคุณภาพของการบริการให้ดียิ่งขึ้นในด้านที่เป็นจุดอ่อน หรือเสริมจุดเด่นให้ดียิ่งกว่าเดิม
และไม่เพียงแค่การทำ Chatbot สำหรับลูกค้า แต่ยังมีระบบสำหรับพนักงานที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานนั้นตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ที่ปกติแล้วต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเช่น วันลา วันหยุด และสามารถแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่คุณต้องการได้อย่างแน่นอน เพราะการตอบคำถามเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นสิ่งที่ Chatbot สามารถช่วยเหลือคุณได้ดี
หรือทาง Frontis บริษัทด้าน Strategy Consulting ก็ได้นำนวัตกรรมเข้ามาใช้ประยุกต์ในองค์กรณ์ Digital Transformation แสดงตัวอย่างการใช้งานเทคโนโลยี Cognitive Services บน Cloud Platform ของ Microsoft Azure ผ่านการทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น คือ ตอนเช้าตอนเข้างาน จะมีระบบตรวจสอบว่า ใครกำลังเดินเข้ามาในบริษัท ถ้าเป็นคนในบริษัท กล้องก็จะ detect พร้อมเปิดประตูให้ทันทีและโชว์ตารางงานของแต่ละคน พอตอนเที่ยง เริ่มเดินทาง ระบบ Cognitive Services ก็จะสามารถตรวจสอบใบหน้าผู้ขับรถได้ว่า ปัจจุบันมีสมาธิในการขับขนาดไหน ง่วงหรือเปล่า ก็จะสามารถเตือนคุณได้ (แต่ microsoft ไม่มีแผนในการทำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแต่อย่างใด) เทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคุณอย่างแน่นอน
วันนี้ Microsoft มองว่า AI จะถูกนำไปช่วยเหลือในทุก ๆ อุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เชื่อว่า ระบบ AI จะกลายเป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนสามารถเข้าถึงได้อย่างแน่นอน