Schneider Electric ผู้นำและพัฒนาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นระดับโลกด้านการบริหารจัดการพลังงาน (Power Management) และระบบออโตเมชัน (Automation) เผยผลประกอบการทั่วโลกโต ตอกย้ำเทคโนโลยีอีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure) เพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้จริง
สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนแก่ผู้ใช้ ควบคู่ไปกับการลดการใช้ทรัพยากรบนโลก ขณะที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เปิดตัวผู้บริหารประจำประเทศไทยและลาวคนใหม่ เดินหน้าสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ ด้วยประสบการณ์กว่า 28 ปีในการทำงานร่วมกับบริษัทยักษ์ด้านไอทีระดับโลก พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาคนและทรัพยากรอย่างยั่งยืน ทั้ง วิศวกร ช่างไฟ และนักศึกษาให้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในสายอาชีพของตน เพื่อเป็นแรงสนับสนุนประเทศไทยในยุคดิจิทัลต่อไป
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รายได้ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ถีบตัวขึ้นกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้ 24,700 พันล้านยูโร คือการปฏิรูปสู่ดิจิทัลในระดับโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นกลยุทธ์ที่จะสร้างเสถียรภาพ และประสิทธิภาพให้กับภาคธุรกิจต่างๆ อย่างยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยี เช่น อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือ IoT รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big Data ทำให้หลายบริษัทสามารถสร้างประสิทธิภาพและนวัตกรรม เป็นการเพิ่มข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้นำรายได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละปี เพื่อทุ่มเทวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถเปลี่ยนไปสู่รูปแบบกระบวนการทางดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น และด้วย EcoStruxure ซึ่งเป็นทั้งแพลตฟอร์ม และสถาปัตยกรรมแบบเปิดของทาง ชไนเดอร์ อิเล็คทริคเอง ให้ความสามารถด้าน IoT ด้วยนวัตกรรมใน 3 ระดับ ทั้งระดับการเชื่อมต่อของผลิตภัณฑ์ (Connected product) การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทางที่ทำให้สามารถมอนิเตอร์อุปกรณ์ต่างๆ ในระบบได้ (Edge Control) และ ระดับแอปพลิเคชั่น การวิเคราะห์ และบริการ (Apps, Analytics and Services) ซึ่งสามารถนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล วิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำและถูกต้อง
และเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งเน้นในการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสานต่อนโยบายและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เพื่อการเติบโตของบุคคลากรในประเทศไทย โดยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและสนับสนุนอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีต่างๆ ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคการศึกษา รวมถึงพื้นที่ที่ไร้พลังงาน ด้วยแนวคิดที่ว่า การเข้าถึงพลังงานและดิจิทัล เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์
- ภาครัฐบาล ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านไฟฟ้า และมอบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่างไฟสามารถมีองค์ความรู้ทัดเทียมกับช่างไฟทั่วโลก อาทิ ชุดอุปกรณ์ เซอร์กิตเบรกเกอร์ และตู้ไฟของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ชุดอุปกรณ์โฮมออโตเมชั่น เพื่อให้ช่างไฟได้สามารถต่อยอดองค์ความรู้ด้านระบบไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อรองรับสังคมเมืองที่มีการเติบโต ซึ่งนอกจากจะมอบอุปกรณ์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้ถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้อีกด้วย
- สถาบันการศึกษา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้สนับสนุนอุปกรณ์และเปิดโอกาสให้สถาบันการศึกษา อาทิสถาบันอุดมศึกษา โรงเรียนอาชีวะ ที่ต้องการต่อยอดองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมและระบบไฟฟ้า เพื่อพัฒนานักศึกษาให้เข้าใจเทคโนโลยี รวมไปถึงได้ร่วมมือกับสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก ในการมอบความรู้ความเชี่ยวชาญให้กับครูอาชีวะทั่วประเทศ เพื่อให้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษาเพื่อให้เข้าสู่อีอีซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังเดินหน้าอย่างเข้มข้นทุกปีในโครงการ Access to energy ด้วยการมอบโคมไฟโมบิยาพลังงานแสงอาทิตย์ (Mobiya Solar Lanterns) ให้กับชุมชนที่ห่างไกลพลังงาน ซึ่งปัจจุบันได้มอบไปแล้วจำนวน 1,173 ชุด ให้กับชุมชนที่พลังงานเข้าไม่ถึง มอบแสงสว่างให้แล้วถึง 4,692 ราย ซึ่งพวกเขาสามารถใช้ชีวิต ต่อยอดอาชีพได้ในพื้นที่ไร้แสงสว่างยามค่ำคืนได้
จากความมุ่งมั่นที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทุ่มเท ด้วยเจตนารมณ์อันหนักแน่นในการคิดค้นนวัตกรรมที่ให้ความยั่งยืนทั้งภาคธุรกิจและโลก ทำให้มีผลในเชิงบวกไปพร้อมๆ กัน ด้วยอีโคสตรัคเจอร์ ที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีด้าน IoT ช่วยลดการใช้พลังงานควบคู่ไปกับการลดการใช้ทรัพยากร ลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นในการดำเนินงาน เพิ่มความคล่องตัว ลดปัญหาการการล่มของระบบ ให้ผลผลิตที่มากขึ้น ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานในยุคดิจิทัล รวมไปถึงการพัฒนากำลังคนด้านอาชีพและการศึกษาให้มีองค์ความรู้ทัดเทียมในระดับสากล การช่วยเหลือสังคมที่ไร้พลังงาน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นดีเอ็นเอ ที่พนักงานของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั่วโลก ให้ความสำคัญ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ด้วยคำมั่นสัญญาของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่มุ่งมั่นในเรื่องการสร้างนวัตกรรม ความหลากหลาย และความยั่งยืนช่วยให้ทุกคนมั่นใจได้ว่า “Life is On” ในทุกที่สำหรับทุกคน และทุกช่วงเวลา
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส