28 มกราคม 2559 – เอชพี อิงค์ ได้พูดถึงแผนกลยุทธ์ และทิศทางการเดินหน้ารุกตลาดปี 2559 พร้อมเปิดตัว “HP Elite x2” แท็บเล็ต ที่ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งานอย่างครบครัน เปี่ยมล้นไปด้วยการใช้งานที่มีประสิทธิภาพในแบบ โน๊ตบุ๊ค และความสะดวกสบายอีกขั้นในแบบ แท็บเล็ต ที่ออกแบบมาเพื่อ กลุ่มมิลเลนเนียล ที่ทำงานในองค์กรต่างๆและที่ต้องการความคล่องตัวโดยเฉพาะ
นายปวิณ วรพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพี อิงค์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “เราออกแบบ HP Elite x2 ให้มีรูปทรงบางเบา และทรงประสิทธิภาพ มีความเรียบง่ายแต่ก็หรูหราในรูปแบบ แท็บเล็ต ที่ผู้ใช้งานจะต้องชอบ มาพร้อมกับ คีย์บอร์ด ที่สามารถถอดออกได้ รวมถึง ปากกาคุณภาพสูง ทนทาน พร้อมด้วย ระบบรักษาความปลอดภัย และ ความสามารถในการจัดการ ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มองค์กร หรือกลุ่มมิลเลนเนียล กำลังมองหาเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และคล่องตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม”
HP Elite x2 ดีไซน์เหนือระดับจาก เอชพี รังสรรค์จากวัสดุอลูมิเนียม CNC ที่เน้นความสวยงามของรูปทรง มีขนาดบางเพียง 8.1 ม.ม.1 ขณะที่ตัวแท็บเล็ตมีน้ำหนักน้อยกว่า 840 กรัม2 และมีขาตั้งแบบบิวท์อิน ปรับการวางได้ 150 องศา ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับหน้าจอตั้งขึ้นทำมุมกับคีย์บอร์ดเพื่อรับชมและพิมพ์งานหรือวางนอนในแนวราบเพื่อพิมพ์งาน ขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว แสดงผลในระบบ Full HD อัตราส่วน 3: 2 หน้าจอป้องกันแสงสะท้อน และปรับหน้าจออัตโนมัติตามสภาพแสงที่แตกต่างกัน
HP Elite x2 ได้รับการพัฒนาให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น ทำงานบนระบบปฎิบัติการ Windows 10 พร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core M vPro รุ่นที่ 6 ซึ่งขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงานให้สูงสุดด้วยระบบประหยัดพลังงาน และ เทคโนโลยี SSD ที่สามารถระบายความร้อนโดยไม่ใช้พัดลม สร้างประสบการณ์การใช้งานแบบไร้เสียงรบกวน HP Elite x2 ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานและลูกค้าได้อย่างง่ายดายด้วยระบบการปรับเสียงคุณภาพจาก Bang & Olufsen และซอฟต์แวร์ที่ช่วยลดเสียงรบกวนของ HP เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการประชุมทางโทรศัพท์สามารถได้ยินและรับฟังเสียงที่มีความคมชัดและคุณภาพยอดเยี่ยม
HP Elite x2 ถูกสร้างขึ้นให้มีความทนทานใช้งานได้ยาวนาน และได้รับการออกแบบ ผ่านการทดสอบมาตรฐาน MIL-STD5 เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมของการใช้งาน นอกจากนี้ยังผสานคุณสมบัติที่เพิ่มความทนทาน ด้วยสกรีน Corning Gorilla Glass 4 และอลูมิเนียม อัลลอย สองชั้น เพื่อทำให้เกิดความสมดุลทั้งในแง่ของความแข็งแรงและน้ำหนัก Elite x2 มาพร้อมกับพอร์ตรองรับการใช้งานอุปกรณ์เชื่อมต่อที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้งานในองค์กร ได้แก่ USB-C Thunderbolt 3 และพอร์ต USB-A นอกจากนี้ยังผนวก 4G LTE Modem แบบบิวท์อินเข้ามาเป็นออพชั่นเสริม ทำให้สะดวกสบายสำหรับการเชื่อมต่อใช้งานได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องพึ่งตัวกลางใดๆทั้งสิ้น พร้อมด้วยการขับเคลื่อนจากผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมจาก Qualcomm Technologies โดยมี Qualcomm Snapdragon X5 LTE ทำให้เชื่อมต่อได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ตลอดจนทำงานรองรับเครือข่าย 3G/4G
Elite x2 มาพร้อมกับ HP Active Pen ปากกามาตรฐานอุตสาหกรรมจาก WACOM technology ซึ่งเป็นตัวช่วยพื้นฐานสำหรับการทำงาน โดยปากกานี้ได้ผสานการทำงานของเซ็นเซอร์บังคับทิศทางการเคลื่อนไหว เพื่อควบคุมความกว้างของเส้นขณะที่เขียนหรือวาดบนหน้าจอ พร้อมปุ่ม App Launch บนปากกาทำงานผ่าน Bluetooth ทำให้สามารถคลิกเพื่อใช้งาน OneNote หรือแอปพลิเคชั่นโปรดอื่นๆ บนวินโดวส์ได้ และ Elite x2 ยังมาพร้อมกับ คีย์บอร์ดเรืองแสง ขนาดมาตรฐานสองแบบ ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้กัน คีย์บอร์ดทั้งสองแบบพัฒนามาจาก HP EliteBook Folio 1020 โดยฐานชั้นในทำจากอลูมิเนียม จึงมีความแข็งแรงคงทนกว่าคอมพิวเตอร์พกพาแบบดั้งเดิม คีย์บอร์ดทั้งสองแบบ ประกอบไปด้วย HP Advanced Keyboard ที่มาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์ NFC ในทัชแพ็ด และ สมาร์ทการ์ดรีดเดอร์ แบบบิวท์อินเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยในการเข้าใช้งานได้ดียิ่งขึ้น หาก HP Advanced Keyboard ถูกตัดสัญญาณการเชื่อมต่อ Elite x2 จะออกจากระบบโดเมนโดยอัตโนมัติ เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และ HP Travel Keyboard เป็นคีย์บอร์ดที่บางกว่า โดยมีน้ำหนักเพิ่มจากเดิมเพียง 395 กรัม แต่ยังคงขนาดมาตรฐาน 1.5 มม. ของคีย์บอร์ดสำหรับเดินทาง และมีคลิกแพ็ด ที่ช่วยสร้างสรรค์งานได้ตามที่ต้องการไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
และเพื่อการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ Elite x2 ก็มาพร้อมกับอุปกรณ์ dock เสริม ที่รวมช่องเสียบต่างๆ ทั้งแบบมีสายและแบบไร้สายให้เลือกใช้งาน 3 รูปแบบ Elite x2 ติดตั้งความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยต่างๆ แบบบิวท์อิน ได้แก่ HP Sure Start with Dynamic Protection, HP Client Security, TPM และออพชั่นเสริมอย่างเครื่องอ่านลายนิ้วมือหรือสมาร์ทการ์ดรีดเดอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องตัวอุปกรณ์ ,ข้อมูล และตัวตนของผู้ใช้งาน ที่สำคัญหน่วยประมวล Intel Core M vPro ยังช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพและจัดการการทำงานของ Elite x2 ผ่านเครือข่ายทั้งแบบมีสายหรือไร้สาย พร้อมกับการปรับปรุงฮาร์ดแวร์ตัวอื่นๆ Elite x2 ยังได้รับการออกแบบให้ผู้ใช้ดูแลรักษาง่าย ลดปัญหาเครื่องหยุดทำงานกลางคันและรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้ผู้ใช้งาน ดังนั้นหากผู้ใช้จำเป็นต้องซ่อมแซมอุปกรณ์บางอย่าง สามารถนำมาซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ผ่าน HP self-maintainers หรือ service technicians ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายไอทีจะสามารถรักษาประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ใช้ โดยไม่ต้องเสียเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการซ่อมบำรุงผลิตภัณฑ์ เพียงถอดหน้าจอออกและเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในเครื่อง
Elite x2 ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิม HP มีบริการช่วยเหลืออย่างเต็มรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมงใน 180 ประเทศ ผ่าน 230,000 คู่ค้า โดยสามารถซื้ออุปกรณ์จากรายการสินค้าทั่วโลก กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังได้รับการอำนวยความสะดวกผ่านการสั่งซื้อด้วยรหัสรายการสินค้าเลขหมายเดียวแทนการใส่ทั้งรหัสประเทศและตัวเลขชิ้นส่วนต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และการให้บริการเฉพาะชิ้นส่วนยังสามารถสั่งซื้อได้ทุกประเทศทั่วโลกอีกด้วย
ราคาและช่องทางการวางจำหน่าย
“HP Elite x2” จะวางจำหนายในประเทศไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 นี้เป็นต้นไป ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 34,990 บาท เป็นต้นไป
สามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “HP Elite x2” และ ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นของ HP ได้ที่ www.hpstorethailand.com