OPPO เปิดตัวระบบปฏิบัติการ ColorOS 12 ที่ใช้ Android 12 อย่างเป็นทางการ โดยมาพร้อม UI แบบใหม่ที่เรียกว่า inclusive UI เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ราบรื่นและมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย
โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ OPPO ได้เปิดตัว ColorOS 12 รุ่น public beta ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลกอย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งใน OEM รายแรก ๆ ที่ทำงานบน Android 12 ซึ่งเปิดตัวบน OPPO Find X3 Pro 5G เป็นครั้งแรกในอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย โดย OPPO วางแผนที่จะขยายการใช้งานไปยังรุ่นอื่น ๆ ครอบคลุมประเทศและภูมิภาคมากยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ยึดแนวคิดแบบ inclusivity เป็นธีมหลัก
เพื่อการใช้งานทั่วทั้ง 68 ประเทศ ในผู้ใช้งานถึง 440 ล้านคนทั่วโลก OPPO จึงยึด Inclusivity เป็นธีมหลักในการสร้างสรรค์ ColorOS 12 ซึ่งเป็นการต่อยอดจากแนวคิด Infinite Design ของ OPPO ที่มีความเรียบง่าย สะอาดตา และสามารถปรับแต่งดีไซน์ได้เองหลากหลายแบบ โดยระบบปฏิบัติการใหม่นี้จะมามอบประสบการณ์การใช้งานที่ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมอัดแน่นไปด้วยเฟรมเวิร์กที่มีไอคอน แอนิเมชั่น และข้อมูลต่าง ๆ ที่มีความนุ่มนวลมากขึ้น เพื่อให้ใช้งานง่ายในภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมาพร้อมเฟรมเวิร์กที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบโทรศัพท์ที่แตกต่างกันอีกด้วย
ประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ไร้สะดุด เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การมอบประสบการณ์ที่ราบรื่น ไร้สะดุดให้กับผู้ใช้ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการวิจัยและพัฒนา รวมถึงนวัตกรรมของ OPPO โดย ColorOS 12 ใหม่ มุ่งเน้นทั้งความสะดวกสบายและทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งจากความพยายามในการถอดรหัส long-term code ทำให้ ColorOS 12 สำเร็จในด้านการจัดการความล่าช้าและความหน่วงเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะด้าน anti-fragmentation และการจัดสรรทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ทำให้อัตราการเสื่อมสภาพของระบบใน 3 ปีต่ำเพียง 2.75% ทำให้แม้ใช้งานไปนานๆ เครื่องก็ยังเร็วอยู่ รวมถึงสามารถลดการใช้หน่วยความจำลงถึง 30% และใช้พลังงานแบตเตอรี่ลดลง 20%
Quantum Animation Engine สร้างรูปลักษณ์เลียนแบบคุณด้วยการใช้แอนิเมชั่นที่พัฒนามากว่า 300 แบบเพื่อมอบเอฟเฟกต์แอนิเมชั่นเสมือนจริง นอกจากนี้ยังตอบสนองการสัมผัสด้วยแรงต้าน ความเฉื่อย และแรงดีดตัว เพื่อมอบประสบการณ์โดยรวมที่ราบรื่นยิ่งขึ้น รวมถึงเพื่อสอดคล้องกับการรับรู้และพฤติกรรรมของสมองมนุษย์ยิ่งขึ้น มอบประสบการณ์ที่สมจริงและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ PC Connect ที่สามารถเชื่อมหน้าจอของมือถือให้ไปปรากฎบน Windows ได้ทันที (ยังไม่รองรับ Mac) เพื่อลากข้อมูลไปมาได้สะดวกขึ้น โดยจะใช้ได้ในสมาร์ตโฟนตระกูล Reno ขึ้นไป
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับการใช้งานอื่น ๆ เช่น 3-Finger Translate ที่ขับเคลื่อนโดย Google Lens, FlexDrop และ Phone Manager ช่วยให้ผู้ใช้ ColorOS 12 ทำงานในหลากหลายสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัว: ลดลูกเล่นและโฟกัสไปที่พื้นฐานเบื้องต้น
OPPO เล็งเห็นถึงความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและฟีตแบคจากผู้ใช้งานบน ColorOS ทำให้ ColorOS 12 ไม่เพียงแต่มาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ได้รับการพัฒนาแล้วจาก Android 12 เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว, การแชร์ตำแหน่งใกล้เคียง และ การเข้าถึงไมโครโฟนและกล้อง มาช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมความเป็นส่วนตัวของตนเองได้ด้วยเมนูและปุ่มที่มองเห็นได้ชัดเจน โดยที่ยังสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ได้รับการพัฒนาจากทีม OPPO ได้เช่น Private System, Private Safe, App Lock และอื่น ๆ
การตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ถือเป็นการรักษาความโปร่งใส โดย OPPO ทำการพัฒนาการจัดเก็บและกระบวนการตามข้อปฏิบัติด้านข้อมูล โดยเซิร์ฟเวอร์สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ตั้งในหลากหลายสถานที่ทั่วโลกนั้น OPPO รับประกันว่าข้อมูลของผู้ใช้จะถูกจัดเก็บอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียง และจะถูกบันทึกในรูปแบบที่ไม่ใช่ข้อความทั่วไป รวมถึงจะถูกส่งโดยใช้โปรโตคอลที่เป็นกรรมสิทธิ์จาก OPPO อีกด้วย
โดย OPPO ได้รับการรับรองความเป็นส่วนตัวจากองค์กรมีอำนาจเช่น ePrivacy และ ISO27001 ซึ่งมีการใช้ third-party supervisor ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อให้การประมวลผลในทุก ๆ วันตรงตามข้อปฏิบัติด้านข้อมูล
การเข้าถึง OS ของนักพัฒนา Android
การแบ่งปัน ถือเป็นคุณค่าหลักในการแลกเปลี่ยนระหว่างพาร์ตเนอร์ Android ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาของทั้งสองแพลตฟอร์ม โดย ColorOS ได้รวบรวมฟีเจอร์มากมายมาจาก Android ซึ่ง Android 12 ก็ได้รับแรงบันดาลใจด้านการปรับแต่งได้เองมาจาก ColorOS เช่นเดียวกัน เช่น ระบบการเปลี่ยนธีมโดยอิงจากวอลเปเปอร์ใน Material You ที่มีฟีเจอร์การปรับแต่งที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งคล้ายกับ ColorOS รุ่นก่อนหน้า และอีกตัวอย่างที่ดีของการแลกเปลี่ยน คือ App Cloner จาก ColorOS ที่ตอนนี้มีอยู่ใน Android 12 อีกด้วย
ColorOS ของ OPPO มุ่งมั่นในการเป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา Android มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น free camera SDKs ที่ครอบคลุมความสามารถด้านกล้องที่โดดเด่นของ OPPO เช่น Ultra Steady Video Shooting, HDR, Super Wide-Angle และอื่น ๆ อีกทั้ง OPPO ยังได้เปิดการเข้าถึง HyperBoost และ Color Vision Enhancement เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักพัฒนาแอป Android และเสริมสร้างอีโคซิสเต็มของ Android ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แผนการเปิดตัว ColorOS 12
OPPO จะเปิดตัว ColorOS 12 รุ่น public beta ในอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซียบน OPPO Find X3 Pro 5G จากนั้นจะเปิดตัวในประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไปตามแผนการในปี 2564 และ 2565 โดย OPPO ตั้งเป้าในการนำ ColorOS 12 ให้ผู้ใช้งาน 150 ล้านคน บนกว่า 110 รุ่น
นโยบายการอัปเกรด เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ OPPO
ถือเป็นครั้งแรกที่ OPPO มีการประกาศนโยบายการอัปเกรดครั้งสำคัญ โดยเฉพาะรุ่นที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป โดย OPPO รับประกันการอัปเดตดังนี้
- ซีรีส์แฟล็กชิพ OPPO Find X Series อัปเดตแอนดรอยด์ 3 เวอร์ชันหลัก เช่น Find X3 Pro จะได้ Android 12/13/14
- ซีรีส์รองคือ OPPO Reno และ A Series ในบางรุ่น จะได้อัปเดตแอนดรอยด์ 2 เวอร์ชันหลัก
- และ OPPO A Series ในรุ่นที่มีหน่วยความจำต่ำ จะได้อัปเดตแอนดรอยด์ 1 เวอร์ชันหลัก
นอกจากนี้จะยังมีการอัปเดตแพตช์ด้านความปลอดภัยทั่วไปบน OPPO Find X Series ในระยะเวลา 4 ปี และ OPPO Reno และ A Series ในระยะเวลา 3 ปีอีกด้วย