TikTok เผยว่าได้เสร็จสิ้นการย้ายข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่บริษัท Oracle และยังคงใช้ศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ (อยู่ที่เวอร์จิเนีย) และสิงคโปร์ในการสำรองข้อมูล ซึ่งจากนี้จะลบข้อมูลดังกล่าวที่เก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลของตัวเองและทำการย้ายไปเก็บในคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ของ Oracle อย่างเต็มที่ รวมทั้งกำลังเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน เช่น การตั้งผู้นำในสหรัฐฯ เพื่อจัดการข้อมูลผู้ใช้ TilTok ในสหรัฐฯ แต่เพียงผู้เดียว
ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า TikTok ได้ย้ายข้อมูลเพื่อต้องการลดประเด็นร้อนเมื่อเดือนมกราคมที่มีข่าวว่าพนักงานของ TikTok ในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้
ตามรายงานของ BuzzFeed News ได้อ้างถึงคลิปเสียงจากการประชุมภายในองค์กรของ TikTok กว่า 80 ครั้งว่ามีประเด็นที่พนักงานในสหรัฐฯ ได้ปรึกษากับพนักงานในจีนว่าข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้ไหลออกไปได้อย่างไร ทั้งที่เจ้าหน้าที่ในสหรัฐฯ ไม่ได้รับอนุญาตหรือรู้วิธีในการเข้าถึงข้อมูลด้วยตนเอง ทั้งนี้มีพนักงานในแผนก Trust and Safety ของ TikTok กล่าวในการประชุมเมื่อเดือนกันยายน 2021 ว่า “ทุกอย่างมองเห็นได้ในประเทศจีน”
หลายปีก่อนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลว่า TikTok อาจปล่อยให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลที่บริษัทรวบรวมจากผู้ใช้ชาวอเมริกันและประเทศอื่น ๆ ซึ่งเมื่อ 6 สิงหาคม 2020 ทรัมป์ได้ออกคำสั่งไม่อนุญาตให้บริษัทในเครือสหรัฐฯ ทำธุรกิจกับ Bytedance บริษัทแม่ของ TikTok และต่อมา 14 สิงหาคมได้ออกคำสั่งแกมบังคับให้ ByteDance ขายหรือเลิกธุรกิจ TikTok ในสหรัฐอเมริกาภายใน 90 วัน ซึ่งมีบริษัทได้เสนอซื้อกิจการ TokTok ได้แก่ Microsoft, Oracle และ Walmart
19 กันยายน 2020 ทรัมป์ได้อนุมัติแนวคิดในข้อตกลงที่ Oracle เข้าซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ซึ่ง ByteDance จะที่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นเจ้าของอัลกอริทึม AI โดยที่ Oracle จะนำระบบของ TikTok ไปอยู่บน Oracle Cloud ซึ่งจะสามารถเข้าถึงซอร์สโค้ดเพื่อตรวจสอบและจัดการจนแน่ใจว่าไม่มีประตูหลังให้สอดแนมข้อมูลได้
21 มิถุนายน 2021 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในรัฐบาลไบเดนประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามทำธุรกรรมใน TikTok และ WeChat ที่ออกมาโดยฝ่ายบริหารของทรัมป์เมื่อเดือนกันยายน 2020 ซึ่งให้เหตุผลว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นการพยายามกำหนดข้อจำกัดหรือสั่งห้ามแอปของจีนที่รุนแรง โดยให้มีการตรวจสอบใหม่อีกครั้งว่าแอปต่าง ๆ ของจีนและแอปอื่น ๆ มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในสหรัฐฯ แล้วส่งผลต่อความมั่นคงตามที่ตั้งข้อกังวลไว้หรือไม่
ที่มา : techcrunch
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส