Apple ได้เปิดตัว iPad Pro เจเนอเรชั่นใหม่ที่มาพร้อมชิปเซต M2 ศักยภาพสูงที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6E, ทำงานได้อย่างหลากหลายด้วย Apple Pencil, กล้องระดับโปร, Face ID, พอร์ต Thunderbolt และระบบปฏิบัติการ iPadOS 16

แต่นอกจากชิปใหม่แล้ว ตัวเครื่องเหมือนเดิมแทบทุกอย่าง ขนาดเครื่อง สเปกหน้าจอ สเปกกล้อง เหมือนเดิมหมด แค่มีจุดแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ Apple Pencil สามารถยกลอยได้ 12 mm เพื่อใช้ฟังก์ชั่นพิเศษ และอัปเดตการประมวลผลภาพถ่ายเป็น SmartHDR 4 และสามารถถ่ายวิดีโอ ProRES ได้

ชิปเซต M2 ที่ได้รับการติดตั้งใน iPad Pro เจเนอเรชันใหม่นี้ มีประสิทธิภาพในการประมวลผลเร็วกว่าชิปเซต M1 มากถึง 15% ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ซีพียูใหม่แบบ 8 คอร์ พร้อมด้วยจีพียูแบบ 10 คอร์ ที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิกได้เร็วขึ้น 35%

อีกทั้งยัง Neural Engine แบบ 16 คอร์ ที่สามารถประมวลผลได้สูงสุด 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที หรือมากกว่าชิป ซึ่งเร็วกว่าชิป M1 ถึง 40% และมาพร้อมแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวม 100 GB/s ซึ่งมากกว่าชิป M1 ถึง 50%

iPad Pro M2

iPad Pro ใหม่นี้ยังมาพร้อมหน่วยประมวลผลสัญญาภาพที่รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ ProRes เป็นรุ่นแรกของผลิตภัณฑ์ iPad โดยสามารถแปลงไฟล์ ProRes ได้เร็วขึ้นกว่า iPad Pro รุ่นสูงสุด 3 เท่า, มีไมค์คุณภาพระดับสตูดิโออีก 5 ตัว ที่ช่วยบันทึกเสียงได้อย่างคมชัด และลำโพง 4 ตัว ที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos

iPad Pro ที่ติดตั้งชิป M2 นี้ มีหน้าจอให้เลือก 2 ขนาด คือ 11 นิ้ว ที่มีความสว่างสูงสุด 600 Nit และ 12.9 นิ้ว ที่มีความสว่างสูงสุด 1,000 Nit และความสว่างของการเล่นเนื้อหาแบบ HDR ที่ 1,600 Nit พร้อมด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 โดยหน้าจอทั้ง 2 ขนาด ยังรองรับ ProMotion ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปรับระดับรีเฟรชเรตตามความเหมาะสมของเนื้อ โดยปรับได้สูงสุดที่ 120 Hz

ในส่วนของกล้องหลังนั้นยังคงมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultrawide ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับ iPad Pro รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2021 ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล

ไม่เพียงแค่นั้น iPad Pro รุ่นล่าสุดนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6E ซึ่งสามารถเร่งความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุดที่ 2.4 GHz (เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า), รองรับการเชื่อมต่อ 5G บนย่านความถี่ sub-6GHz และ mmWave

อีกปัจจัยที่โดดเด่นมากคือการรองรับ Apple Pencil ที่มีความแม่นยำสูง สามารถตรวจจับเหนือจอภาพได้ถึง 12 มม. โดยทำงานบนระบบปฏิบัติการ iPadOS 16 สุดทรงพลัง ช่วยยกระดับการทำงานได้อย่างหลากหลาย พร้อมด้วยฟังก์ชันพิเศษที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ได้อย่างมากมาย รวมถึงการเปลี่ยนลายมือให้เป็นตัวอักษรอย่างเป็นทางการได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

ในส่วนของ iPadOS 16 นั้น มาพร้อมฟีเจอร์มัลติทราสกิง Stage Manager เป็นครั้งแรกใน iPad รวมถึงการปรับปรุงในอีกหลาย ๆ ด้าน เช่น นำแอป Weather มาใส่ใน iPad เป็นครั้งแรก, รองรับจอภาพภายนอกอย่างสมบูรณ์ด้วยความละเอียดสูงถึง 6K, ทำงานได้ 4 แอปพร้อกันบน iPad และอีกสูงสุด 4 ตัวบนจอภาพภายนอก รวมถึงปรับปรุงแอป Mail, Safari, Messages และแอปหลักอื่น ๆ อีกมากมาย

iPadOS 16 จะเริ่มปล่อยให้อัปเดตในวันที่ 24 ตุลาคม 2022 นี้ โดยรองรับ iPad รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า, iPad mini รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า, iPad Air รุ่นที่ 3 และใหม่กว่า และ iPad Pro ทุกรุ่น

iPad Pro M2

iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้วใหม่นี้ มีให้เลือก 2 สี คือ สีเงินและสีเทาสเปซเกรย์ โดยมีความจุ 128 GB, 256 GB, 512 GB, 1 TB และ 2 TB และมีราคาดังนี้

iPad Pro รุ่นจอ 11 นิ้วใหม่

  • รุ่น Wi-Fi : ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท
  • รุ่น Wi-Fi + Cellular : ราคาเริ่มต้นที่ 38,900 บาท

iPad Pro รุ่นจอ 12.9 นิ้วใหม่

  • รุ่น Wi-Fi : ราคาเริ่มต้นที่ 44,900 บาท
  • รุ่น Wi-Fi + Cellular : ราคาเริ่มต้นที่ 50,900 บาท

สำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ทำงานร่วมกับ iPad Pro ใหม่ มีราคาดังนี้

  • Apple Pencil (รุ่นที่ 2) : 4,990 บาท
  • Magic Keyboard : 11,900 บาท (สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่) และ 13,990 บาท (สำหรับ iPad Pro รุ่นจอ 12.9 นิ้วใหม่) ซึ่งมาพร้อมเลย์เอาต์กว่า 30 ภาษา
  • Smart Keyboard Folio สำหรับ iPad Pro : 6,990 บาท (iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่) และ 13,990 บาท (iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วใหม่)
  • Smart Folio มีวางจำหน่ายในสีดำ สีขาว และสีมารีนบลู : 3,390 บาท (iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่) และ 4,190 บาท (iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วใหม่)
iPad Pro M2

อ้างอิง(1), อ้างอิง(2)

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส