สำนักข่าว Bloomberg ได้เปิดเผยคำให้สัมภาษณ์ของ อดัม มอสเซริ (Adam Mosseri) หัวหน้าของ Instagram เกี่ยวกับการพัฒนา Reels ซึ่งเป็นฟีเจอร์แสดงเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่นี้เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่นที่กำลังมาแรงในขณะนี้อย่าง TikTok ของ Bytedance

Instagram เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ Meta เช่นเดียวกับ Facebook ในปัจจุบันมีผู้ใช้เป็นประจำจำนวนมหาศาลถึง 2,000 ล้านคนในทุก ๆ เดือน ใกล้เคียงกับ Facebook ที่มีผู้ใช้เกือบ 2,900 คนในทุก ๆ เดือน แต่ด้วยความที่ Meta กำลังเผชิญปัญหาการขาดทุนอย่างมหาศาลจากการพัฒนา Metaverse ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มแสดงความไม่เชื่อมั่น ส่งผลทำให้มูลค่าหุ้นของ Meta ร่วงหล่นลงไปถึง 70% ในปีนี้

มอสเซริกล่าวว่า การที่จะทำให้ Reels สร้างรายได้ให้มากขึ้นนั้น จำเป็นต้องให้นักโฆษณารู้สึกพึงพอใจกับรูปแบบของฟีเจอร์ เพื่อให้สามารถดึงดูดผู้สร้างเนื้อหามาช่วยในการแบ่งปันข้อมูลและให้คำแนะนำในการปรับปรุงฟีเจอร์

เขาได้กล่าวอีกว่า ยิ่งรอนานเท่าไร นักลงทุนก็ยิ่งมีความอดทนน้อยลงต่อการพัฒนาแพลตฟอร์ม Metaverse นั่นจึงทำให้ Instagram ต้องเผชิญกับความรีบเร่งในการพัฒนาฟีเจอร์มากพอสมควร และเขาพยายามสร้างสมดุลในการทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้ทำผิดพลาดด้วยการผลักดันงานมากหรือเร็วเกินไป

Instagram Reels

เจมส์ ลี (James Lee) ผู้อำนวยการของ Mizuho Securities ได้กล่าวว่า การที่ Instagram ให้ความสำคัญต่อการพัฒนา Reels นั้น ก็เพื่อให้สอดคล้องกับค่านิยมทางอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน เพื่อรักษาจำนวนผู้ใช้ และโน้มน้าวให้นักโฆษณาให้ความสนใจจ่ายเงินให้แพลตฟอร์มเพิ่มมากขึ้น

ลีกล่าวเสริมว่า อาจเรียกได้ว่า Instagram นั้น เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับ Meta มากกว่าแอปอื่น ๆ ที่อยู่ในการดูแลของ Meta ยกตัวอย่างเช่น Facebook ที่ถึงแม้จะมีจำนวนผู้ใช้มากกว่า แต่จำนวนเงินที่ผู้ใช้จ่ายให้แพลตฟอร์มนั้นกลับลดลงต่ำสุดในรอบ 18 เดือนผ่านมา

ในขณะเดียวกัน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของ Meta ก็ได้กล่าวว่า Instagram จะเริ่มทำกำไรอย่างจริงจังใน 12 – 18 เดือน

Instagram Reels

มอสเซริได้กล่าวเสริมว่า Reels นั้นมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยม โดยก้าวแรกที่ Reels ทำสำเร็จคือ มีผู้ใช้ Instagram แชร์วิดีโอจาก Reels ราว 1,000 ล้านครั้งต่อวัน โดยก้าวต่อไปของ Reels คือ มีการลงโฆษณามากขึ้น ซึ่งจะทำให้ Reels สร้างรายได้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในตอนนี้ Instagram ได้ก้าวข้ามการเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เน้นโชว์รูปภาพและติดตามบัญชีผู้ใช้บุคคลอื่นไปแล้ว โดยการนำอัลกอริทึมที่มีความซับซ้อนในการช่วยเลือกสิ่งที่ผู้ใช้สนใจให้แสดงบนหน้าฟีดของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากากรลงทุนอย่างมหาศาลในการเขียนโค้ดเครื่องมือ AI และทาง Instagram ก็ยังคง
พัฒนาในส่วนนี้ต่อเนื่องไป

ถ้าหาก Instagram สามารถพัฒนาให้ Reels สร้างรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่ Meta จำเป็นต้องใช้ได้จริง ก็จะนำไปสู่การสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาแพลตฟอร์มโลกเสมือนจริง หรือที่เรียกว่า Metaverse ของ Meta และจะเป็นการตอกย้ำว่า Instagram นั้น จะเป็นแอปเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ Meta ไม่แพ้ Facebook จริง ๆ

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส