อัยการสหรัฐอเมริการะบุว่า แดเนียล อบาเยฟ (Daniel Abayev) และ พีเทอร์ เลย์แมน (Peter Leyman) ชาย 2 คนจากนิวยอร์ก ได้รับความช่วยเหลือกลุ่มบุคคลชาวรัสเซียในการแฮกและควบคุมระบบการกระจายแท็กซี่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี ในนครนิวยอร์ก เป็นเวลากว่า 2 ปี
อบาเยฟ และเลย์แมน เริ่มปฏิบัติการนี้ในเดือนกันยายน 2019 โดยทั้งคู่ใช้ระบบ Pay-to-play ที่ทำให้ผู้ขับรถแท็กซี่สามารถจ่ายเงินเพื่อแซงคิวแท็กซี่ที่มาก่อนโดยไม่ต้องรอเรียกจากผู้ให้บริการรถตัวจริงได้
อัยการชี้ว่าทั้ง 2 คนคิดเงินคนขับแท็กซี่เป็นจำนวน 10 เหรียญ (ราว 347 บาท) เป็นค่าบริการแซงคิวในแต่ละรอบ แต่จะยกเว้นค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ หากหาลูกค้าที่เป็นคนขับแท็กซี่รายใหม่มาได้
อย่างไรก็ดี อบาเยฟและเลย์แมนไม่ได้ทำงานโดยลำพัง แต่ได้รับความช่วยเหลือจากแฮกเกอร์กลุ่มจำนวนหนึ่งจากรัสเซียที่พัฒนามัลแวร์สำหรับใช้ในปฏิบัติการนี้
โดยทั้ง 2 คนติดสินบนให้เจ้าหน้าที่นำแฟลชไดรฟ์ไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบที่ใช้สำหรับกระจายรถแท็กซี่ และเชื่อมต่อเข้ากับระบบดังกล่าวผ่านไวไฟ รวมถึงได้ขโมยแท็บเลตที่ใช้เชื่อมต่อระบบนี้มาด้วย
จากหลักฐานพบว่า อบาเยฟและเลย์แมนสามารถทำเงินได้จากคนขับแท็กซี่โดยเฉลี่ย 320 รอบต่อวันในช่วงเวลา 3 วัน อีกทั้งยังเคยได้โอนเงินเป็นจำนวนมากกว่า 100,000 (ราว 3.47 ล้านบาท) เหรียญไปให้กับแฮกเกอร์ในรัสเซียเพื่อเป็นค่า ‘พัฒนาซอฟต์แวร์’ และ ‘บริการที่ได้รับ’ ด้วย
ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายถูกดำเนินคดีฐานสมคบคิดกันโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
เดเมียน วิลเลียมส์ (Damian Williams) อัยการสหรัฐฯ ชี้ว่าจำเลยทั้ง 2 คน พร้อมด้วยแฮกเกอร์จากรัสเซียทำให้คนขับแท็กซี่ที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตพลาดโอกาสทางรายได้ ดังนั้น ทั้ง 2 คนจะต้องถูกดำเนินคดีร้ายแรงต่อไป
ที่มา cyberscoop
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส